World Today: สรุปประเด็นน่าติดตามประจำวันที่ 11 ธันวาคม 2561

ข่าวเศรษฐกิจ Tuesday December 11, 2018 09:40 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ตลาดการเงินวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจโลกที่ส่งสัญญาณชะลอตัว โดยรัฐบาลญี่ปุ่นเปิดเผยเมื่อวานนี้ว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 3 หดตัวลง 2.5% เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งเป็นการหดตัวมากที่สุดในรอบกว่า 4 ปี เนื่องจากภัยพิบัติทางธรรมชาติได้ส่งผลกระทบต่อรายจ่ายด้านการลงทุน

ทางด้าน สำนักงานสถิติแห่งชาติจีน รายงานเมื่อวานนี้ว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของจีน ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อ ขยายตัว 2.2% ในเดือนพ.ย.เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งลดลงจากระดับ 2.5% ในเดือนต.ค.

ขณะที่ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ซึ่งวัดต้นทุนสินค้าหน้าโรงงานนั้น ขยายตัว 2.7% ในเดือนพ.ย. เมื่อเทียบเป็นรายปี โดยตัวเลขดังกล่าวชะลอตัวลงจากระดับการขยายตัว 3.3% ในเดือนต.ค.

นอกจากนี้ สำนักงานศุลกากรจีน (GAC) รายงานเมื่อวันเสาร์ว่า ยอดส่งออกเดือนพ.ย.ขยายตัว 10.2% เมื่อเทียบเป็นรายปี ชะลอตัวลงจากเดือนต.ค.ซึ่งขยายตัว 20.1% ขณะที่ยอดนำเข้าเดือนพ.ย.ขยายตัวเพียง 7.8% เมื่อเทียบเป็นรายปี ชะลอตัวลงจากเดือนต.ค.ซึ่งขยายตัวอย่างแข็งแกร่งถึง 26.3%

-- นายอูร์จิต ปาเทล ผู้ว่าการธนาคารกลางอินเดีย (RBI) ได้สร้างความประหลาดใจให้กับตลาดการเงินและรัฐบาลอินเดีย ด้วยการประกาศลาออกจากตำแหน่งเมื่อวานนี้ โดยอ้างเหตุผลส่วนตัว

ข่าวดังกล่าวส่งผลให้สกุลเงินรูปีร่วงลงต่ำสุดในรอบ 4 ปี ขณะที่ดัชนี Nifty 50 ปรับตัวลงกว่า 2.2%

อย่างไรก็ดี เป็นที่ทราบกันโดยทั่วไปว่า รัฐบาลอินเดียและธนาคารกลางอินเดียต่างก็มีความขัดแย้งกันเกี่ยวกับนโยบายการเงิน และความเป็นอิสระของธนาคารกลาง ขณะที่รัฐบาลหวังที่จะเข้าใช้ทุนสำรองของธนาคารกลางที่มีเป็นจำนวนมาก

-- นางเทเรซา เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ ออกแถลงการณ์ต่อสภาสามัญชนของอังกฤษเมื่อวานนี้ โดยระบุว่า รัฐบาลได้ตัดสินใจเลื่อนการลงมติในรัฐสภาต่อร่างข้อตกลงการแยกตัวของอังกฤษออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) อย่างไม่มีกำหนด

ทั้งนี้ สภาสามัญชนของอังกฤษมีกำหนดลงมติในวันนี้ต่อร่างข้อตกลง Brexit ที่นางเมย์ทำไว้กับสหภาพยุโรป (EU) ก่อนหน้านี้ อย่างไรก็ดี นางเมย์ได้เรียกประชุมเจ้าหน้าที่ระดับสูงที่บ้านพักนายกรัฐมนตรีเมื่อวานนี้ เพื่อหารือการชะลอการลงมติดังกล่าวโดยไม่มีกำหนด เพื่อให้รัฐบาลมีเวลาในการชี้แจงทำความเข้าใจต่อสมาชิกสภาสามัญชนของอังกฤษจำนวนมากที่ยังคงมีท่าทีไม่เห็นด้วยต่อร่างข้อตกลงดังกล่าว

-- ทนายความของนางเมิ่ง ว่านโจว ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงินของบริษัทหัวเว่ย เทคโนโลยี ได้ยื่นคำร้องขอประกันตัว โดยให้เหตุผลด้านสุขภาพ เนื่องจากนางเมิ่งมีความดันโลหิตสูง และไม่สามารถทานอาหารแข็งได้ ซึ่งเกรงว่าจะมีผลต่อสุขภาพของเธอขณะถูกคุมขัง

อนึ่ง ทางการแคนาดาได้จับกุมตัวนางเมิ่ง ว่านโจว ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงินของบริษัทหัวเว่ย เทคโนโลยี่ เมื่อวันที่ 1 ธ.ค. ที่ผ่านมา ตามคำขอของกระทรวงยุติธรรมสหรัฐ เนื่องจากคาดว่าหัวเว่ยอาจลักลอบขายสินค้าให้กับอิหร่าน ซึ่งอิหร่านอยู่ในช่วงที่สหรัฐคว่ำบาตร

-- ศาลของจีนมีคำตัดสินให้บริษัทควอลคอม อิงค์ ซึ่งเป็นผู้ผลิตชิพรายใหญ่สำหรับสมาร์ทโฟน ชนะคดีฟ้องร้องบริษัทแอปเปิล อิงค์ กรณีละเมิดสิทธิบัตรของควอลคอม

ควอลคอมระบุว่า ศาลมีคำสั่งห้ามการนำเข้า และจำหน่าย iPhone แทบทุกรุ่นในจีน

ทั้งนี้ ศาลเมืองฟูโจวของจีนมีคำสั่งให้บริษัทในเครือของแอปเปิล 4 แห่งในจีนห้ามการจำหน่าย iPhone โดยศาลระบุว่า แอปเปิลมีการละเมิดสิทธิบัตร 2 ฉบับของควอลคอมในการทำให้ผู้ใช้สามารถปรับขนาดภาพ และจัดการแอปพลิเคชั่นโดยการใช้ทัชสกรีน

-- นายแมตต์ บลันท์ ประธานสภานโยบายยานยนต์อเมริกัน (AAPC) ได้ออกมาเรียกร้องให้รัฐบาลของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ชะลอการเปิดตลาดรถยนต์ของสหรัฐให้ญี่ปุ่น จนกว่าญี่ปุ่นจะยอมทำข้อตกลงในลักษณะเดียวกัน

นายบลันท์กล่าวว่า "เราขอแนะนำให้รัฐบาลหลีกเลี่ยงการกระทำใดๆที่เป็นการเปิดตลาดให้ญี่ปุ่นนำรถยนต์เข้ามายังสหรัฐเพิ่มขึ้น จนกว่าจะมั่นใจได้ว่าญี่ปุ่นจะยอมเปิดตลาดของตนให้สหรัฐในลักษณะเดียวกัน"

-- สำนักข่าว CNN เปิดเผยคำพูดสุดท้ายของนายจามาล คาช็อกกี นักข่าวซาอุดีอาระเบีย ขณะถูกสังหารภายในสถานกงสุลซาอุดีอาระเบียประจำกรุงอิสตันบูล ประเทศตุรกี

ทั้งนี้ CNN ระบุว่า นายคาช็อกกีกล่าวว่า "ผมหายใจไม่ออก" ก่อนที่จะเสียชีวิตจากการถูกสังหารภายในสถานกงสุลในวันที่ 2 ต.ค.

ทางด้านอัยการตุรกีระบุก่อนหน้านี้ว่า นายคาช็อกกีได้ถูกรัดคอจนเสียชีวิต หลังจากนั้นทีมสังหารได้ทำการชำแหละร่างกายของเขา ก่อนที่จะนำไปทำลาย

-- เงินปอนด์ร่วงลงอย่างหนักเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ หลังจากนางเทเรซา เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ ตัดสินใจเลื่อนการลงมติในรัฐสภาอังกฤษต่อร่างข้อตกลงการแยกตัวของอังกฤษออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) โดยไม่มีกำหนด

เงินปอนด์อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.2557 ดอลลาร์ จากระดับ 1.2751 ดอลลาร์ ขณะที่ยูโรอ่อนค่าลงสู่ระดับ 1.1352 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1421 ดอลลาร์

-- สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 1 สัปดาห์เมื่อคืนนี้ เนื่องจากนักลงทุนกังวลว่า เศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวลงอาจส่งผลกระทบต่อความต้องการน้ำมันทั่วโลกด้วยเช่นกัน ขณะที่นักลงทุนจับตารายงานสต็อกน้ำมันดิบประจำสัปดาห์ของสหรัฐ และรายงานภาวะตลาดน้ำมันรายเดือนของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) ในสัปดาห์นี้

สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนม.ค. ร่วงลง 1.61 ดอลลาร์ หรือ 3.1% ปิดที่ 51.00 ดอลลาร์/บาร์เรล

สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนก.พ. ดิ่งลง 1.70 ดอลลาร์ หรือ 2.8% ปิดที่ 59.97 ดอลลาร์/บาร์เรล

-- จับตาข้อมูลเศรษฐกิจของประเทศต่างๆซึ่งมีกำหนดเปิดเผยในวันนี้ โดยอังกฤษจะเปิดเผยอัตราว่างงานเดือนต.ค. ขณะที่สถาบัน ZEW จะเปิดเผยความเชื่อมั่นทางธุรกิจเดือนธ.ค.ของอียูและเยอรมนี ทางด้านสหรัฐจะเปิดเผย ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนพ.ย.

ส่วนในวันพรุ่งนี้ เกาหลีใต้จะเปิดเผยอัตราว่างงานเดือนพ.ย. ญี่ปุ่นจะเปิดเผยยอดสั่งซื้อเครื่องจักรเดือนต.ค.และดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนพ.ย. ส่วนอียูจะเปิดเผยการผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนต.ค. ทางด้านสหรัฐจะเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนพ.ย.


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ