World Today: สรุปข่าวต่างประเทศประจำวันที่ 11 ธันวาคม 2561

ข่าวเศรษฐกิจ Tuesday December 11, 2018 17:08 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นางเทเรซา เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ เตรียมประชุมร่วมกับผู้นำของยุโรป และเจ้าหน้าที่ของสหภาพยุโรป (EU) เพื่อหาทางออกให้กับร่างข้อตกลงว่าด้วยการถอนตัวของอังกฤษออกจากสหภาพยุโรป (Brexit)

นายกฯอังกฤษจะเจรจากับนายมาร์ค รุทท์ นายกรัฐมนตรีเนเธอร์แลนด์ และนางอังเกลา แมร์เคิล นายกรัฐมนตรีเยอรมนี ภายหลังจากที่เธอได้เลื่อนการลงมติในรัฐสภาต่อร่างข้อตกลง Brexit ออกไปโดยไม่มีกำหนด

-- นายหลิว เหอ รองนายกรัฐมนตรีจีนได้โทรศัพท์หารือกับนายสตีเวน มนูชิน รัฐมนตรีคลังสหรัฐ และนายโรเบิร์ต ไลท์ไฮเซอร์ ผู้แทนการค้าสหรัฐ (USTR) ในวันนี้ โดยได้มีการพูดคุยกันเกี่ยวกับข้อพิพาทการค้าระหว่างสองประเทศ

แถลงการณ์ของกระทรวงพาณิชย์จีนระบุว่า นายหลิว ซึ่งปัจจุบันเป็นหัวหน้าผู้แทนจีนในการเจรจาการค้ากับสหรัฐนั้น ได้โทรศัพท์ถึงนายมนูชินและนายไลท์ไฮเซอร์ในช่วงเช้าวันนี้ โดยนายเหอเรียกร้องให้ทางสหรัฐดำเนินการตามฉันทามติที่ผู้นำของสหรัฐและจีนได้เห็นพ้องต้องกันเมื่อไม่นานมานี้

ในการพูดคุยทางโทรศัพท์ครั้งนี้ เจ้าหน้าที่จีนและสหรัฐต่างแลกเปลี่ยนความเห็นกันเกี่ยวกับกำหนดเวลาและแผนการผลักดันการเจรจาทางการค้าให้เดินหน้า

-- นายเอมมานูเอล มาครอง ประธานาธิบดีฝรั่งเศส ได้ตัดสินใจลดความตึงเครียดจากการชุมนุมของกลุ่มเสื้อกั๊กเหลือง ด้วยการใช้แผนฉุกเฉินด้านเศรษฐกิจและสังคม ซึ่งมีการเสนอให้ขึ้นค่าแรงและลดภาษีผู้ได้รับเงินบำนาญ

ในแถลงการณ์ที่มีการถ่ายทอดผ่านทางโทรทัศน์ทั่วประเทศเมื่อวานนี้ตามเวลาท้องถิ่น นายมาครองได้ให้คำมั่นแก่ประชาชนผู้ที่มีสิทธิเลือกตั้งว่า เขาได้รับทราบถึง "ความโกรธเคืองและความไม่พอใจ" ว่า เจ้าหน้าที่ของรัฐไม่สามารถตอบสนองต่อเรื่องนี้ได้อย่างรวดเร็วและจริงจังมาเป็นเวลากว่าปีครึ่ง โดยประธานาธิบดีฝรั่งเศสกล่าวว่า "ผมขอแสดงความรับผิดชอบในส่วนของผม"

ประธานาธิบดีฝรั่งเศสประกาศว่า ผู้ที่ได้รับค่าแรงขั้นต่ำจะมีรายได้ต่อเดือนเพิ่มขึ้น 100 ยูโร (113.52 ดอลลาร์) นับตั้งแต่เดือนม.ค. 2562 นอกจากนี้ รัฐบาลยังได้ตัดสินใจที่จะลดภาษีอันเนื่องมาจากการชำระเงินล่าช้า รวมทั้งลดภาษีเงินบำนาญ และเสนอโบนัสปลายปีให้กับคนงาน

นายมาครองกล่าวว่า "ผมขอให้รัฐบาลและรัฐสภาดำเนินการตามความจำเป็นเพื่อให้ทุกคนมีชีวิตในการทำงานที่ดีขึ้นในช่วงต้นปีหน้า"

-- ศาลโตเกียวได้อนุมัติให้มีการขยายเวลาควบคุมตัวนายคาร์ลอส กอส์น อดีตประธานบริษัท นิสสัน ไปจนกระทั่งถึงวันที่ 20 ธ.ค.นี้

ด้านทนายของนายคาร์ลอส กอส์น ได้ยื่นเรื่องคัดค้านคำพิพากษาของศาลกรุงโตเกียวที่อนุมัติให้มีการขยายระยะเวลาในการควบคุมตัวอดีตประธานนิสสันต่อไปอีก ในขณะที่เกรก เคลลี่ อดีตผู้อำนวยการตัวแทนของนิสสันคาดว่า จะยื่นร้องขอค้านด้วยเช่นกัน

ตามขั้นตอนด้านคดีอาชญากรรมของญี่ปุ่นนั้น ระยะเวลาในการควบคุมตัวจะถูกขยายออกไปจนถึงวันที่ 30 ธ.ค. หากอัยการร้องขอ และศาลให้การอนุมัติ

-- หน่วยงานศุลกากรและการป้องกันแนวชายแดนของสหรัฐ (CBP) เปิดเผยว่า จำนวนผู้ขอลี้ภัยในสหรัฐประจำปีงบประมาณ 2561 พุ่งขึ้นถึง 2 เท่า เมื่อเทียบเป็นรายปี

ในปีงบประมาณ 2561 ซึ่งสิ้นสุดในเดือนก.ย.ที่ผ่านมานั้น มีผู้อพยพขอสถานะลี้ภัยในสหรัฐ ณ ด่านตรวจคนเข้าเมืองบริเวณชายแดนทางตอนใต้ของประเทศอยู่ที่ 38,269 ราย ในขณะที่ปีงบประมาณ 2560 มีผู้ขอลี้ภัยทั้งสิ้น 17,284 ราย

ในขณะเดียวกัน จำนวนผู้อพยพที่พยายามข้ามเขตแดนเข้าสหรัฐอย่างผิดกฎหมายก่อนขอลี้ภัยอยู่ที่ 54,690 รายในปีงบประมาณ 2561 หรือคิดเป็นสัดส่วน 14% ของผู้อพยพข้ามชายแดนแบบผิดกฎหมายทั้งหมด ส่วนในปี 2560 ตัวเลขดังกล่าวอยู่ที่ 38,300 หรือ 13% ของจำนวนผู้อพยพข้ามชายแดนผิดกฎหมายทั้งหมด

-- เทศบาลนครเทียนจิน เปิดเผยว่า ซัมซุง ซึ่งเป็นบริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ของเกาหลีใต้ เตรียมทุ่มเงินลงทุน 2.4 พันล้านดอลลาร์ เพื่อสร้างโรงงานผลิตตัวเก็บประจุไฟฟ้าและแบตเตอรี ทางตอนเหนือของนครเทียนจิน

รัฐบาลเทียนจินระบุว่า การลงทุนในครั้งนี้มีขึ้นเพื่อขยายอุตสาหกรรมการผลิตแบตเตอรี และก่อตั้งโรงงานผลิตตัวเก็บประจุไฟฟ้าแบบเซรามิคหลายชั้น (MLCC) สำหรับอุตสาหกรรมยานยนต์ในเทียนจิน

ซัมซุง เอสดีไอ ซึ่งเป็นผู้ผลิตแบตเตอรี จะลงทุนในโครงการผลิตแบตเตอรีเป็นวงเงิน 800 ล้านดอลลาร์ ซึ่งคาดว่าจะมีพื้นที่ราว 100,000 ตารางเมตร

ทั้งนี้ แบตเตอรีดังกล่าวจะใช้ในระบบจัดเก็บพลังงาน รถยนต์ไฟฟ้า และอุปกรณ์ไฟฟ้า

-- สำนักงานเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารของจีน (CAICT) เปิดเผยว่า ยอดการจัดส่งโทรศัพท์มือถือของจีนในเดือนพ.ย. ร่วงลง 18.2% เมื่อเทียบเป็นรายปี สู่ระดับ 35.37 ล้านเครื่อง

รายงานของ CAICT ซึ่งเป็นสถาบันวิจัยทางวิทยาศาสตร์ภายใต้การดูแลของกระทรวงข้อมูลและสารสนเทศของจีน ยังระบุด้วยว่า ยอดการจัดส่งโทรศัพท์มือถือในช่วงเดือนม.ค.-พ.ย. อยู่ที่ระดับ 379 ล้านเครื่อง ลดลง 15.6% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว

ส่วนยอดการจัดส่งโทรศัพท์รุ่น 4G อยู่ที่ 33.58 ล้านเครื่องในเดือนพ.ย. ลดลง 16.9% เมื่อเทียบเป็นรายปี โดยยอดการจัดส่งผลิตภัณฑ์ดังกล่าวคิดเป็นสัดส่วนสูงถึง 94.9% ของยอดการจัดส่งโดยรวมในเดือนพ.ย.


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ