World Today: สรุปประเด็นน่าติดตามประจำวันที่ 13 ธันวาคม 2561

ข่าวเศรษฐกิจ Thursday December 13, 2018 09:50 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้น 157.03 จุด หรือ 0.64% เมื่อคืนนี้ เนื่องจากนักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับข้อพิพาทการค้าระหว่างสหรัฐและจีน หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ส่งสัญญาณว่า การเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีนกำลังดำเนินไปด้วยดี และเขาพร้อมจะแทรกแซงกรณีการจับกุมตัวนางเมิ่ง ว่านโจว ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน (ซีเอฟโอ) ของบริษัท หัวเว่ย เทคโนโลยี หากจะช่วยให้สหรัฐสามารถบรรลุข้อตกลงการค้ากับจีน นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากรายงานของหนังสือพิมพ์วอลล์สตรีท เจอร์นัล ซึ่งระบุว่า จีนกำลังเตรียมทดแทนนโยบาย "Made in China 2025" ด้วยนโยบายใหม่ที่จะทำให้บริษัทต่างชาติสามารถเข้าสู่ตลาดจีนได้มากขึ้น ซึ่งนโยบายใหม่นี้จะทำให้จีนลดเป้าหมายในการเป็นผู้นำในภาคการผลิต โดยคาดว่าจีนอาจใช้นโยบายใหม่ในต้นปีหน้า ขณะที่สหรัฐและจีนจะเร่งการเจรจาเพื่อยุติความขัดแย้งทางการค้าระหว่างกัน

-- นางเทเรซา เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ รอดพ้นจากการลงมติไม่ไว้วางใจจากสมาชิกพรรคอนุรักษ์นิยม ด้วยคะแนนเสียง 200 เสียง ต่อ 117 เสียง ซึ่งเปิดทางให้นางเมย์ดำรงตำแห่งหัวหน้าพรรคและตำแหน่งนายกรัฐมนตรีต่อไป ขณะเดียวกันชัยชนะในครั้งนี้ยังส่งผลทำให้สมาชิกในพรรคไม่สามารถเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจเพื่อขับเธอออกจากพรรคไปอีกอย่างน้อย 1 ปี

นายกรัฐมนตรีเมย์ได้แถลงที่หน้าบ้านเลขที่ 10 ถนนดาวนิงสตรีท โดยให้คำมั่นจะผลักดันกระบวนการถอนตัวออกจากสหภาพยุโรปหรือ Brexit ที่ "ประชาชนเป็นผู้โหวตลงคะแนน" ให้ดำเนินไปอย่างสำเร็จลุล่วง พร้อมกล่าวว่า แม้จะรอดพ้นจากการลงมติไม่ไว้วางใจ แต่เธอก็จะรับฟังความคิดเห็นจากสมาชิกที่ลงคะแนนเสียงไม่ไว้วางใจ รวมถึงกล่าวว่า เธอทราบดีว่าจะไม่ได้เป็นผู้นำพรรคในการเลือกตั้งทั่วไปครั้งต่อไปที่จะมีขึ้นในปี 2565 ด้วย

-- นายไมเคิล โคเฮน อดีตทนายความของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีของสหรัฐ ซึ่งเคยประกาศว่ายินดีที่จะรับกระสุนแทนผู้นำสหรัฐ กล่าวโจมตีทรัมป์ว่า "เป็นการกระทำที่สกปรก" หลังถูกศาลพิพากษาจำคุกเป็นเวลา 3 ปี และถือเป็นผู้ใกล้ชิดคนแรกของประธานาธิบดีสหรัฐซึ่งถูกตัดสินจำคุกด้วยข้อกล่าวหาจากนายโรเบิร์ต มุลเลอร์ ที่ปรึกษาพิเศษกระบวนการไต่สวนกรณีรัสเซียแทรกแซงการเลือกตั้งสหรัฐ เมื่อปี 2559

นายโคเฮน วัย 52 ปีรับสารภาพผิดในความผิดฐานให้การเท็จต่อสภาคองเกรส รวมถึงการละเมิดกฎหมายควบคุมการใช้จ่ายในช่วงหาเสียงเลือกตั้งและการหลีกเลี่ยงภาษี พร้อมกล่าวต่อศาลนิวยอร์กระบุว่า "ความภักดีที่มืดบอดต่อประธานาธิบดีทรัมป์ ได้นำผมไปสู่ทางแห่งความมืด แทนที่จะเป็นความสว่าง และความภักดีนี้ ทำให้ผมพยายามปิดบังการกระทำผิดของท่านประธานาธิบดี"

-- นายวิลเบอร์ รอสส์ รัฐมนตรีกระทรวงพาณิชย์ของสหรัฐ เปิดเผยว่า นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ ยังไม่ได้ตัดสินใจที่จะแทรกแซงกรณีการจับกุมตัวนางเมิ่ง ว่านโจว ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน (ซีเอฟโอ) ของบริษัทหัวเว่ย เทคโนโลยี่ ซึ่งทางศาลแคนาดาเพิ่งอนุญาตให้ประกันตัวไปเมื่อวานนี้

รมว.พาณิชย์ เปิดเผยว่า การจับกุมตัวนางเมิ่งนั้นเป็นการดำเนินการตามกฎหมาย ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับการค้าเหมือนกับที่หลาย ๆ ฝ่ายวิจารณ์

ถ้อยแถลงดังกล่าวมีขึ้นหลังเมื่อวานนี้ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ประกาศพร้อมจะแทรกแซงกรณีการจับกุมตัวนางเมิ่ง ว่านโจว หากจะช่วยให้บรรลุข้อตกลงการค้ากับจีนได้

-- นางคริสเทีย ฟรีแลนด์ รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศของแคนาดาเตือนสหรัฐไม่ให้ใช้กรณีการส่งผู้ร้ายข้ามแดนเป็นประเด็นทางการเมือง และระบุว่า พลเมืองชาวแคนาดาอาจเสี่ยงเผชิญกับปัญหาความยากลำบากในจีนเพิ่มเติม หลังจากที่ทางการจีนควบคุมตัวอดีตทูตแคนาดาประจำประเทศจีนไว้นับตั้งแต่เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา และนับจนถึงตอนนี้ยังไม่มีการเปิดเผยรายละเอียดการจับกุมว่ามีส่วนเชื่อมโยงกับการควบคุมตัวนางเมิ่ง ว่านโจวหรือไม่ แต่ผู้เชี่ยวชาญทางการทูตตระบุว่า เป็นที่แน่ชัดว่าทั้งสองกรณีมีความเชื่อมโยงกันอย่างแน่นอน

-- ตำรวจฝรั่งเศสเผยแพร่ภาพเชริฟ เชแคตต์ ผู้ต้องสงสัยก่อเหตุกราดยิงใกล้กับตลาดคริสต์มาสในเมืองสตาร์สบูร์ก จนเป็นเหตุทำให้มีผู้เสียชีวิต 3 ราย ซึ่งรวมถึงคนไทย 1 ราย และมีผู้บาดเจ็บ 12 ราย พร้อมขอความร่วมมือประชาชนในการแจ้งเบาะแสเพื่อติดตามตัวมาดำเนินคดี โดยในตอนนี้ตำรวจ ทหารและเจ้าหน้าที่หลายร้อยนายระดมกำลังกันค้นหาบริเวณพรมแดนฝรั่งเศส-เยอรมนีอย่างต่อเนื่อง

ทั้งนี้นายเชแคตต์เป็นบุคคลที่อยู่ในการเฝ้าระวังของเจ้าหน้าที่ฝรั่งเศสในฐานะบุคคลที่ได้รับการปลูกฝังแนวคิดรุนแรงระหว่างต้องโทษคุมขังจากความผิดในการก่ออาชญากรรม รวมถึงเหตุจารกรรมก่อนหน้านี้

-- กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ทรงตัวในเดือนพ.ย. เมื่อเทียบรายเดือน ซึ่งเป็นการปรับตัวที่อ่อนแอที่สุดในรอบ 8 เดือน และสอดคล้องกับตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ หลังจากเพิ่มขึ้น 0.3% ในเดือนต.ค.

ดัชนี CPI ได้รับผลกระทบจากการดิ่งลงของราคาน้ำมัน ขณะที่ราคาอาหารปรับตัวขึ้น

เมื่อเทียบรายปี ดัชนี CPI เพิ่มขึ้น 2.2% ในเดือนพ.ย. หลังจากพุ่งขึ้น 2.5% ในเดือนต.ค.

หากไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน ดัชนี CPI พื้นฐานเพิ่มขึ้น 0.2% เมื่อเทียบรายเดือน และสอดคล้องกับตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ หลังจากเพิ่มขึ้น 0.2% เช่นกันในเดือนต.ค.

เมื่อเทียบรายปี ดัชนี CPI พื้นฐานปรับตัวขึ้น 2.2% หลังจากเพิ่มขึ้น 2.1% ในเดือนต.ค.

-- นายเอ็ด มอร์ส นักวิเคราะห์จากซิตี้ กรุ๊ป คาดการณ์ว่า กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) อาจจำเป็นต้องปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันอีกครั้งหนึ่งในเดือนเม.ย.ปีหน้า อันเนื่องจากแนวโน้มอุปสงค์ที่อ่อนแอ และการผลิตน้ำมันจากชั้นหินดินดาน (shale oil) ของสหรัฐที่มากขึ้น

ในการประชุมเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว สมาชิก 15 ชาติของโอเปกบรรลุข้อตกลงปรับลดกำลังการผลิตน้ำมัน 800,000 บาร์เรล/วัน ขณะที่ผู้ผลิตน้ำมันนอกกลุ่มโอเปกจะปรับลดกำลังการผลิต 400,000 บาร์เรล/วัน ซึ่งจะทำให้มีการปรับลดกำลังการผลิตรวม 1.2 ล้านบาร์เรล/วัน โดยจะเริ่มมีผลบังคับใช้ในเดือนม.ค.ปีหน้า

-- นักลงทุนจับตาธนาคารกลางยุโรป (ECB) ซึ่งจะจัดการประชุมนโยบายการเงินและแถลงมติอัตราดอกเบี้ยในวันนี้ ขณะที่ตลาดการเงินคาดการณ์ว่า นายมาริโอ ดรากี ประธาน ECB จะประกาศยุติโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) อย่างเป็นทางการในการประชุมวันนี้

นายดรากีได้ออกมาส่งสัญญาณก่อนหน้านี้ว่า ECB จะไม่เปลี่ยนแปลงแผนการยุติมาตรการ QE วงเงิน 2.5 ล้านล้านยูโรในช่วงสิ้นปีนี้ แม้มีผู้คัดค้านว่า ECB ดำเนินการเร็วเกินไป เพราะขณะนี้เศรษฐกิจยูโรโซนยังชะลอตัว และจำเป็นต้องใช้มาตรการ QE ต่อไป

-- จับตาข้อมูลเศรษฐกิจของประเทศต่างๆซึ่งมีกำหนดเปิดเผยในวันนี้ โดยเกาหลีใต้เตรียมเปิดเผยราคานำเข้าและราคาส่งออกเดือนพ.ย. เยอรมนีเตรียมเปิดเผยอัตราเงินเฟ้อเดือนพ.ย. และสหรัฐจะเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์และราคานำเข้าและราคาส่งออกเดือนพ.ย.

ส่วนในวันพรุ่งนี้ ญี่ปุ่นจะเปิดเผยความเชื่อมั่นของกลุ่มผู้ผลิตรายใหญ่ของญี่ปุ่น (ทังกัน) ประจำไตรมาส 4 และการผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนต.ค. ส่วนออสเตรเลียจะเปิดเผยอัตราว่างงานเดือนพ.ย. ด้านจีนเตรียมเปิดเผยการลงทุนในสินทรัพย์ถาวรเดือนพ.ย., การผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนพ.ย., ยอดค้าปลีกเดือนพ.ย., ยอดการปล่อยกู้สกุลเงินหยวนเดือนพ.ย. ขณะที่ฝรั่งเศส เยอรมนี อียู เตรียมเปิดเผยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตขั้นต้นเดือนธ.ค.จากมาร์กิตและดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการขั้นต้นเดือนธ.ค.จากมาร์กิต ส่วนสหรัฐจะเปิดเผยยอดค้าปลีกเดือนพ.ย., การผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนพ.ย. ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการขั้นต้นเดือนธ.ค.จากมาร์กิต ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตขั้นต้นเดือนธ.ค.จากมาร์กิต และสต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเดือนต.ค.


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ