World Today: สรุปประเด็นน่าติดตามประจำวันที่ 21 ธันวาคม 2561

ข่าวเศรษฐกิจ Friday December 21, 2018 08:57 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

สถานการณ์ทางการค้าระหว่างสหรัฐกับจีนถูกจับตามองอีกครั้ง หลังล่าสุดกระทรวงยุติธรรมสหรัฐประกาศดำเนินคดีต่อนายจู หัว และนายจ้าง ชิหลง ซึ่งเป็นแฮกเกอร์ชาวจีน ในข้อหาทำการโจรกรรมข้อมูลโดยได้รับความร่วมมือจากรัฐบาลจีน

แฮกเกอร์ทั้ง 2 ถูกกล่าวหาว่าทำการโจรกรรมข้อมูลจากบริษัทเทคโนโลยีของสหรัฐอย่างน้อย 45 แห่ง และหน่วยงานรัฐบาลหลายแห่ง ซึ่งรวมถึงกระทรวงพลังงาน และองค์การนาซ่าของสหรัฐ

-- ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงติดต่อกันเป็นวันที่ 2 เมื่อคืนนี้ หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเมื่อวันพุธที่ผ่านมา พร้อมส่งสัญญาณปรับขึ้นดอกเบี้ยอีก 2 ครั้งในปีหน้า นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากความวิตกกังวลที่ว่า หน่วยงานบางส่วนของรัฐบาลสหรัฐอาจต้องปิดทำการเนื่องจากขาดงบประมาณ หรือชัตดาวน์ หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ขู่ว่าจะไม่ลงนามในร่างกฎหมายงบประมาณชั่วคราว เพื่อตอบโต้พรรคเดโมแครตที่ไม่ให้ความสำคัญต่อการจัดสรรงบประมาณในการสร้างกำแพงกั้นชายแดนเม็กซิโก

-- สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐมีมติด้วยคะแนนเสียง 217 ต่อ 185 เสียง ผ่านร่างกฎหมายงบประมาณชั่วคราวที่จะช่วยให้หน่วยงานของรัฐบาลมีงบประมาณในการดำเนินงานเพื่อหลีกเลี่ยงการปิดหน่วยงานรัฐบาล หรือชัตดาวน์ โดยร่างกฎหมายฉบับนี้ได้บรรจุงบประมาณการสร้างกำแพงกั้นชายแดนเม็กซิโกวงเงิน 5 พันล้านดอลลาร์ ตามความต้องการของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์

ความเคลื่อนไหวดังกล่าวมีขึ้นหลังก่อนหน้านี้ วุฒิสภาสหรัฐลงมติอย่างเป็นเอกฉันท์อนุมัติร่างกฎหมายงบประมาณชั่วคราวเพื่อหลีกเลี่ยงการชัตดาวน์ แต่ฉบับของวุฒิสภาไม่ได้บรรจุงบประมาณ 5 พันล้านดอลลาร์ในการสร้างกำแพงกั้นชายแดนเม็กซิโกตามที่ปธน.ทรัมป์ต้องการ

ทั้งนี้ ร่างกฎหมายฉบับสภาผู้แทนฯ จะถูกส่งกลับมาให้วุฒิสภาสหรัฐลงมติเห็นชอบอีกครั้งหนึ่ง ก่อนที่จะส่งต่อให้ปธน.ทรัมป์ลงนามบังคับใช้เป็นกฎหมายต่อไป โดยหากปธน.ทรัมป์ลงนามในร่างกฎหมายงบประมาณดังกล่าว ก็จะทำให้หน่วยงานของรัฐบาลมีงบประมาณในการดำเนินงานจนถึงวันที่ 8 ก.พ.ปีหน้า

-- นายเจมส์ แมตทิส ประกาศลาออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมสหรัฐ เนื่องจากมีความคิดเห็นด้านนโยบายที่แตกต่างจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์

การประกาศลาออกของนายแมตทิสมีขึ้นหลังจากมีรายงานว่า รัฐบาลสหรัฐภายใต้การนำของปธน.ทรัมป์เตรียมถอนทหารสหรัฐทั้งหมดจำนวนราว 2,000 นายออกจากซีเรีย ซึ่งถือเป็นการยุติยุทธศาสตร์ของสหรัฐในการส่งกองกำลังภาคพื้นดินเข้าสู้รบกับกลุ่ม IS

-- ธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) มีมติเอกฉันท์ 9-0 เสียง ให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 0.75% ในการประชุมนโยบายการเงินเมื่อวานนี้ ตามการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ ท่ามกลางความไม่แน่นอนจากปัจจัยการแยกตัวของอังกฤษออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) ขณะที่เหลือเวลาอีกเพียง 99 วันก่อนถึงวันที่ 29 มี.ค.2562 ซึ่งอังกฤษจะต้องแยกตัวจากสหภาพยุโรปอย่างเป็นทางการ

ขณะเดียวกัน BoE ได้ปรับลดตัวเลขคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจอังกฤษในไตรมาส 4 สู่ระดับ 0.2% จากเดิมที่ 0.3% ขณะที่คาดว่าเศรษฐกิจจะขยายตัว 0.2% ในไตรมาสแรกของปีหน้า

-- ธนาคารกลางอินโดนีเซียประกาศคงอัตราดอกเบี้ยซื้อพันธบัตรโดยมีสัญญาขายคืน (reverse repo) ระยะเวลา 7 วัน ซึ่งเป็นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ที่ระดับ 6.0% ในการประชุมเมื่อวานนี้ แม้ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีมติปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในวันก่อนหน้านั้น

-- สกุลเงินโครนาของสวีเดนพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ หลังจากที่ธนาคารกลางสวีเดนประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 7 ปี

ธนาคารกลางสวีเดน หรือริกส์แบงก์ ประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2554 โดยปรับขึ้น 0.25% สู่ระดับ -0.25% ขณะที่ผลการสำรวจนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าธนาคารกลางจะคงอัตราดอกเบี้ย

-- ราคาอลูมิเนียมในตลาดโลกดิ่งลงเมื่อคืนนี้ หลังมีข่าวว่า สหรัฐจะยกเลิกมาตรการคว่ำบาตรต่อบริษัท Rusal ซึ่งเป็นผู้ผลิตอลูมิเนียมรายใหญ่อันดับ 2 ของโลก ซึ่งจะส่งผลให้มีอลูมิเนียมจำนวนมากไหลทะลักเข้าตลาด

-- สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญที่มีการรายงานเมื่อคืนนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกเพิ่มขึ้น 8,000 ราย สู่ระดับ 214,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 216,000 ราย

-- สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญที่จะมีการรายงานในวันนี้ ฝรั่งเศสเตรียมรายงานผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 3 เวลา 14.45 น. ตามเวลาไทย

อังกฤษเตรียมรายงานผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 3 เวลา 16.30 น.

และสหรัฐเตรียมรายงานผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ประจำไตรมาส 3 (ประมาณการครั้งสุดท้าย) เวลา 20.30 น.

ก่อนหน้านี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยตัวเลขประมาณการครั้งที่ 2 สำหรับการขยายตัวของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ประจำไตรมาส 3 ที่ระดับ 3.5% ซึ่งสอดคล้องกับตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ แต่ต่ำกว่าระดับ 4.2% ในไตรมาส 2

การขยายตัวทางเศรษฐกิจในไตรมาส 3 ได้แรงหนุนจากการใช้จ่ายของผู้บริโภค และการลงทุนในภาคธุรกิจ แต่ก็ยังถูกกดดันจากการทำสงครามการค้ากับจีน


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ