ผลสำรวจความคิดเห็นของบริษัทญี่ปุ่นที่มีการดำเนินธุรกิจอยู่ในภูมิภาคเอเชียและออสเตรเลีย ซึ่งจัดทำโดย NNA เผยให้เห็นว่า สกุลเงินของประเทศเอเชียที่อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐนั้น ได้ส่งผลกระทบต่อผลประกอบการของบริษัทญี่ปุ่นในเอเชียจำนวนกว่า 30% ในปีที่แล้ว
ผลสำรวจซึ่งจัดทำในระหว่างวันที่ 29 พ.ย. - 9 ธ.ค. ระบุว่า 31.4% ของบริษัทญี่ปุ่นที่ได้ร่วมตอบแบบสำรวจจำนวน 630 แห่ง กล่าวว่า การอ่อนค่าของสกุลเงินในประเทศต่างๆ ที่ทางบริษัทดำเนินธุรกิจอยู่นั้น ส่งผลกระทบต่อรายได้
ในบรรดา 15 ประเทศและเขตปกครองที่การสำรวจครอบคลุมถึง ซึ่งรวมญี่ปุ่นด้วยนั้น พบว่า บริษัทญี่ปุ่นที่ดำเนินงานในอินโดนีเซีย 59.6% และในอินเดีย 54.7% ได้รับผลกระทบจากการอ่อนค่าลงของสกุลเงินท้องถิ่น เนื่องจากการอ่อนค่าของสกุลเงินท้องถิ่นส่งผลให้ต้นทุนการนำเข้าสูงขึ้นและทำให้กำไรหดตัวลง
"ผลประกอบการปรับตัวลดลงเนื่องจากต้นทุนการนำเข้าวัตถุดิบจากญี่ปุ่นปรับตัวสูงขึ้น" พนักงานรายหนึ่งของบริษัทญี่ปุ่น ซึ่งมีฐานการผลิตในอินโดนีเซียกล่าว
ขณะที่พนักงานของบริษัทนอกภาคการผลิตแห่งหนึ่งของญี่ปุ่น ที่มีธุรกิจอยู่ในอินโดนีเซีย กล่าวว่า "การอ่อนค่าของสกุลเงินส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยสูงขึ้น และทำให้ต้นทุนการจัดซื้อสูงขึ้นด้วย"
ด้านบริษัทญี่ปุ่นที่ดำเนินธุรกิจในอินเดียระบุว่า สกุลเงินรูปีอ่อนค่าลง 8.2% ในช่วง 11 เดือนแรกของปี 2561 ซึ่งส่งผลให้ต้นทุนพลังงานปรับตัวสูงขึ้น โดยอินเดียต้องพึ่งพาการนำเข้าน้ำมันดิบในปริมาณมาก
สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า ผลสำรวจระบุด้วยว่า ในบรรดาบริษัทญี่ปุ่นที่ร่วมการสำรวจครั้งนี้ มี 48.9% ที่คาดการณ์ว่า สกุลเงินในเอเชียจะยังคงอ่อนค่าลงในอีก 1 หรือ 2 ปีข้างหน้า ขณะที่บริษัทเกือบ 30% คาดว่า สกุลเงินอาจอ่อนค่าต่อไปถึง 3 ปี