World Today: สรุปประเด็นน่าติดตามประจำวันที่ 28 มกราคม 2562

ข่าวเศรษฐกิจ Monday January 28, 2019 10:04 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ทางด้านนายหวัง ชูเหวิน รมช.กระทรวงพาณิชย์ และนายเหลียว หมิน รมช.กระทรวงการคลัง ได้เดินทางถึงสหรัฐแล้วในวันนี้ เพื่อปูทางสู่การเจรจาการค้าระหว่างนายหลิว เหอ และนายโรเบิร์ต ไลท์ไฮเซอร์ ผู้แทนการค้าของสหรัฐ (USTR)

ทั้งนี้ นายหลิว เหอ จะเข้าเจรจากับนายโรเบิร์ต ไลท์ไฮเซอร์ พร้อมด้วยนายสตีเวน มนูชิน รัฐมนตรีคลังสหรัฐ ซึ่งการเจรจาจะจัดขึ้นเป็นเวลา 2 วันซึ่งจะเริ่มต้นในวันพุธที่ 30 ม.ค. โดยทั้งสองฝ่ายจะมุ่งเน้นไปที่ประเด็นการแก้ไขปัญหาต่างๆ ตั้งแต่ประเด็นการสั่งซื้อถั่วเหลืองจากจีน ไปจนถึงการที่รัฐบาลจีนให้เงินอุดหนุนบริษัทของรัฐบาล ด้วยความพยายามที่จะบรรลุข้อตกลงทางการค้าก่อนเส้นตายวันที่ 1 มี.ค.

-- ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ ลงนามร่างกฎหมายงบประมาณชั่วคราวเพื่อให้หน่วยงานของรัฐบาลกลับมาเปิดดำเนินงานอีกครั้ง และมีงบประมาณในการบริหารงานจนถึงวันที่ 15 ก.พ.

ก่อนหน้านี้ วุฒิสภาได้ลงมติอย่างเป็นเอกฉันท์ผ่านร่างกฎหมายดังกล่าว จากนั้นสภาผู้แทนราษฎรก็ได้ลงมติอย่างเป็นเอกฉันท์ผ่านร่างกฎหมายดังกล่าวเช่นกัน

การลงนามขั้นสุดท้ายของปธน.ทรัมป์ ส่งผลให้หน่วยงานของรัฐบาลสหรัฐกลับมาเปิดทำการในวันนี้ และเป็นการยุติภาวะชัตดาวน์ 35 วัน ซึ่งยาวนานที่สุดเป็นประวัติการณ์

-- นายมิค มัลวานีย์ รักษาการเสนาธิการทำเนียบขาวเปิดเผยว่า มีความเป็นไปได้ที่สถานการณ์ชัตดาวน์ในสหรัฐอาจจะเกิดขึ้นอีก หากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และผู้นำสภาคองเกรสไม่สามารถตกลงกันได้ในประเด็นการจัดสรรงบประมาณสร้างกำแพงกั้นชายแดนเม็กซิโกภายในช่วงกลางเดือนก.พ.

ก่อนหน้านี้ ปธน.ทรัมป์พูดอย่างชัดเจนว่า ถ้าหากการเจรจาระหว่างพรรคเดโมแครตและรีพับลิกันประสบความล้มเหลว รัฐบาลก็จะปล่อยให้เกิดภาวะชัตดาวน์อีกครั้งในวันที่ 15 ก.พ. หรือปธน.ทรัมป์อาจใช้อำนาจประธานาธิบดีประกาศภาวะฉุกเฉิน และออกกฎหมายอนุมัติงบประมาณสร้างกำแพงกั้นชายแดนเม็กซิโก โดยไม่ต้องผ่านการอนุมัติจากสภาคองเกรส

-- นักลงทุนจับตาผลการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันที่ 29-30 ม.ค.นี้ เพื่อดูว่าเฟดจะส่งสัญญาณเกี่ยวกับทิศทางอัตราดอกเบี้ยในปีนี้หรือไม่

หนังสือพิมพ์วอลล์สตรีท เจอร์นัลรายงานว่า เจ้าหน้าที่เฟดจะทำการตัดสินใจเกี่ยวกับกำหนดเวลาในการยุติการปรับลดการถือครองพันธบัตรในงบดุลของเฟด ในการประชุมนโยบายการเงินในวันที่ 29-30 ม.ค. โดยนักลงทุนจับตาปัจจัยดังกล่าว เนื่องจากจะเป็นสิ่งบ่งชี้ว่าเฟดจะคุมเข้มนโยบายการเงินนานเท่าใด

ในการปรับลดงบดุลนั้น เฟดจะปล่อยให้พันธบัตรจำนวนหนึ่งครบอายุโดยไม่มีการนำรายได้ไปลงทุนในพันธบัตรใหม่ ซึ่งวงเงินการปรับลดงบดุลสูงสุดคือ 5 หมื่นล้านดอลลาร์/เดือน ส่วนเมื่อเดือนที่แล้ว เฟดได้ปรับลดงบดุล 3.4 หมื่นล้านดอลลาร์ ขณะที่วงเงินการปรับลดงบดุลทั้งหมดของเฟดอยู่ที่ระดับ 4 แสนล้านดอลลาร์

-- จับตารายงานผลประกอบการของบรรดาบริษัทกลุ่มเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ในสัปดาห์นี้ โดยเฉพาะในกรณีที่สต็อกไอโฟนของบริษัทแอปเปิ้ลมีมากขึ้น ก่อนที่จะมีการเปิดเผยรายงานจากแอปเปิ้ลในวันพรุ่งนี้

นักลงทุนจับตาดูข้อมูลรายงานของบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่อื่น ๆ ด้วยเช่นกัน ซึ่งในที่นี้ประกอบด้วย อเมซอน อาลีบาบา เฟซบุ๊ก ไมโครซอฟต์ และซัมซุง

-- ผู้นำของประเทศต่างๆในยุโรปได้เตือนให้ประธานาธิบดีนิโคลัส มาดูโร แห่งเวเนซุเอลา จัดการเลือกตั้งขึ้น มิเช่นนั้นทางยุโรปจะให้การสนับสนุนนายฮวน กุยโด ประธานสมัชชาแห่งชาติของเวเนซุเอลาให้เป็นผู้นำประเทศอย่างเป็นทางการ

ทั้งนี้ หลายประเทศรวมทั้งสหรัฐต่างให้การสนับสนุนนายกุยโดให้ทำหน้าที่ประธานาธิบดี หลังจากที่นายกุยโดได้ออกมาประกาศว่าตนเองเป็นรักษาการประธานาธิบดีเมื่อวันพุธที่ผ่านมา

-- เฟซบุ๊กวางแผนที่จะผนวกรวมบริการรับ-ส่งข้อความบนอินสตาแกรม, WhatsApp และ เฟซบุ๊ก เมสเซนเจอร์ เพื่อให้ผู้ใช้บริการสามารถติดต่อกันผ่านทางแอปเหล่านี้ได้ และคาดว่า โครงการดังกล่าวจะแล้วเสร็จในช่วงปลายปี 2562 หรือต้นปี 2563

หากโครงการนี้แล้วเสร็จ ผู้ใช้บริการเฟซบ๊กจะสามารถติดต่อกับผู้ใช้บริการ WhatsApp ได้โดยตรง ซึ่งก่อนหน้านี้ การพูดคุยข้ามแอปไม่สามารถทำได้

-- นายจัสติน ทรูโด นายกรัฐมนตรีแคนาดาได้ปลดนายจอห์น แมคคัลลัม เอกอัครราชทูตแคนาดาประจำประเทศจีนออกจากตำแหน่ง ภายหลังจากที่นายแมคคัลลัมได้ออกมาแสดงความเห็นเกี่ยวกับการส่งตัวนางเมิ่ง หว่านโจว ประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านการเงินของบริษัท หัวเว่ย เทคโนโลยี

เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา นายแม็คคัลลัมให้สัมภาษณ์กับสื่อว่านางเมิ่ง หว่านโจว ซึ่งถูกจับกุมในแคนาดาเมื่อเดือนธ.ค.ที่ผ่านมานั้น มีเหตุผลสนับสนุนมากพอที่จะไม่ต้องถูกส่งตัวไปดำเนินคดีในสหรัฐ

-- สำนักงานสถิติแห่งชาติจีน (NBS) รายงานในวันนี้ว่า กำไรของบริษัทอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ในภาคอุตสาหกรรมของจีนในเดือนธ.ค. หดตัวลง 1.9% เมื่อเทียบเป็นรายปี

ส่วนตลอดปี 2561 กำไรของบริษัทอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ของจีนขยายตัวเพียง 10.3% เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งชะลอตัวลงจากปี 2560 ที่มีการขยายตัวอย่างแข็งแกร่งถึง 21%

-- ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ได้เปิดเผยรายงานการประชุมซึ่งจัดขึ้นเมื่อวันที่ 19-20 ธ.ค. โดยมีเนื้อหาบ่งชี้ถึงความคิดเห็นที่ไม่ตรงกันของคณะกรรมการในเรื่องระดับผลตอบแทนพันธบัตร ขณะเดียวกัน ทางคณะกรรมการยังได้แสดงความวิตกเกี่ยวกับผลกระทบจากการทำสงครามการค้าระหว่างสหรัฐกับจีนด้วย ซึ่งทั้งสองประเทศเป็นคู่ค้ารายใหญ่ของญี่ปุ่น

รายงานระบุว่า กรรมการรายหนึ่งได้แสดงความคิดเห็นว่า แบงก์ชาติควรปล่อยให้ผลตอบแทนพันธบัตรระยะยาวของญี่ปุ่นปรับตัวลงสู่แดนลบเป็นเวลาชั่วคราว โดยความคิดเห็นดังกล่าวได้รับเสียงสนับสนุนจากกรรมการอีกรายหนึ่ง ซึ่งมองว่าหากแบงก์ชาติพยายามฝืนให้ผลตอบแทนพันธบัตรปรับตัวขึ้นแล้ว จะเท่ากับว่าเป็นการกวดขันนโยบายการเงิน

อย่างไรก็ดี ยังมีกรรมการบางรายที่ไม่เห็นด้วยที่จะปล่อยให้บอนด์ยีลด์ปรับตัวลงแตะแดนลบ โดยให้เหตุผลว่า แบงก์ชาติควรสนับสนุนให้ผลตอบแทนพันธบัตรระยะยาวปรับตัวเพิ่มขึ้น เพื่อบรรเทาภาระในระบบการเงิน และเป็นปัจจัยหนุนให้หุ้นกู้มีความน่าดึงดูดใจมากขึ้น เพราะโดยทั่วไปแล้ว หุ้นกู้เอกชนมักให้ผลตอบแทนมากกว่าพันธบัตรรัฐบาล ขณะที่บริษัทเอกชนมีความเสี่ยงด้านเครดิตมากกว่า


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ