World Today: สรุปประเด็นน่าติดตามประจำวันที่ 30 มกราคม 2562

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday January 30, 2019 10:05 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

รัฐสภาอังกฤษทำการลงมติต่อร่างแก้ไขข้อตกลงว่าด้วยการแยกตัวของอังกฤษออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) ที่มีการเสนอมาจากสมาชิกรัฐสภาเมื่อวานนี้ เพื่อบ่งชี้แนวทาง Brexit ที่รัฐสภาต้องการ หลังจากที่ได้ลงมติอย่างถล่มทลายคว่ำร่างข้อตกลง Brexit ที่นางเทเรซา เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ ทำไว้กับผู้นำสหภาพยุโรป (EU) ก่อนหน้านี้

การลงมติของสมาชิกรัฐสภาเมื่อวานนี้ ไม่ใช่เป็นการลงมติต่อร่างข้อตกลง Brexit ฉบับใหม่ของนางเมย์ แต่เป็นร่างแก้ไขข้อตกลง Brexit ของนางเมย์ที่มีการเสนอมาจากสมาชิกรัฐสภา ซึ่งมีอยู่ทั้งหมด 7 ฉบับ โดยผลการลงมติของสมาชิกสภาสามัญชนปรากฎว่า สมาชิกรัฐสภาลงมติรับร่างแก้ไข 2 ฉบับ และคว่ำร่างแก้ไข 5 ฉบับ

-- แอปเปิล อิงค์ ซึ่งเป็นผู้ผลิตสมาร์ทโฟนรายใหญ่ของสหรัฐ เปิดเผยผลประกอบการประจำไตรมาส 1/2562 ซึ่งสิ้นสุด ณ วันที่ 29 ธ.ค. 2561 ตามปีงบการเงินของบริษัท โดยระบุว่า รายได้ปรับตัวลดลง 5% แตะที่ 8.43 หมื่นล้านดอลลาร์ จากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว ซึ่งนับเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 10 ปีที่แอปเปิลเปิดเผยรายได้ลดลงในไตรมาสแรกของปีงบการเงินบริษัท ขณะที่นักวิเคราะห์ระบุว่า สาเหตุที่ทำให้รายได้ของแอปเปิลปรับตัวลงนั้น มาจากยอดขาย iPhone ในจีนที่ลดลง 15% ในไตรมาสดังกล่าว

ส่วนรายได้โดยรวมจากจากยอดขาย iPhone ในไตรมาส 1 อยู่ที่ 5.198 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งต่ำกว่าระดับคาดการณ์ของตลาดที่ 5.267 หมื่นล้านดอลลาร์

อย่างไรก็ตาม แอปเปิลเปิดเผยว่า รายได้จากธุรกิจบริการและผลิตภัณฑ์อื่นๆทั้งหมดนั้น ปรับตัวขึ้น 19% โดยรายได้จากการบริการแอปเปิล เพย์, แอปเปิล มิวสิก และไอคลาวด์ พุ่งขึ้น 19% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว แตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 1.09 หมื่นล้านดอลลาร์

-- จับตาการเจรจาการค้าระหว่างนายหลิว เหอ รองนายกรัฐมนตรีจีนกับนายโรเบิร์ต ไลท์ไฮเซอร์ ผู้แทนการค้าของสหรัฐ (USTR) และนายสตีเวน มนูชิน รัฐมนตรีคลังสหรัฐ ตามกำหนดการเจรจาเป็นเวลา 2 วัน ซึ่งจะเริ่มต้นในวันนี้ โดยทั้งสองฝ่ายจะมุ่งเน้นไปที่ประเด็นการแก้ไขปัญหาต่างๆ ตั้งแต่ประเด็นการสั่งซื้อถั่วเหลืองจากจีน ไปจนถึงการที่รัฐบาลจีนให้เงินอุดหนุนบริษัทของรัฐบาล ด้วยความพยายามที่จะบรรลุข้อตกลงทางการค้าก่อนเส้นตายวันที่ 1 มี.ค.

ทั้งนี้ หากจีนและสหรัฐไม่สามารถตกลงกันเกี่ยวกับแนวทางแก้ไขปัญหาที่ถาวร ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ก็จะเดินหน้าเพิ่มการเรียกเก็บภาษีนำเข้าต่อสินค้าจีนมูลค่า 2 แสนล้านดอลลาร์ สู่ระดับ 25% จากเดิม 10% ในขณะนี้

-- นายสตีเวน มนูชิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังของสหรัฐกล่าวว่า หากทางการจีนแสดงท่าทีในการอำนวยความสะดวกทางการค้าต่อนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีของสหรัฐ อย่างเพียงพอ อาจมีโอกาสที่รัฐบาลสหรัฐจะพิจารณายกเลิกมาตรการทางภาษีทั้งหมด และระบุว่า "กำลังอยู่ระหว่างการพิจารณาในทุกประเด็น"

ถ้อยแถลงดังกล่าวของรัฐมนตรีกระทรวงการคลังสหรัฐ มีขึ้นก่อนหน้าที่จะเข้าพบหารือกับเจ้าหน้าที่ระดับสูงของจีน ณ กรุงวอชิงตัน ในวันพุธและวันพฤหัสบดี ตามเวลาท้องถิ่น พร้อมด้วยนายโรเบิร์ต ไลท์ไฮเซอร์ ผู้แทนการค้าของสหรัฐ โดยการเจรจาครั้งนี้เกิดขึ้นเพียง 1 เดือนก่อนถึงกำหนดเส้นตายข้อตกลงการค้าที่สหรัฐระบุจะเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีนด้วยอัตราใหม่ใน 1 ม.ค.

-- นายแดเนียล โค้ทส์ ผู้อำนวยการหน่วยข่าวกรองแห่งชาติของสหรัฐกล่าวว่า เกาหลีเหนือยังไม่มีท่าทีที่จะยุติโครงการอาวุธนิวเคลียร์โดยสมบูรณ์ ขณะที่สหรัฐกับเกาหลีเหนือมีแผนที่จะจัดการประชุมสุดยอดครั้งที่ 2 ในช่วงปลายเดือนก.พ.ที่จะถึงนี้ เพื่อหารือเกี่ยวกับการปลดอาวุธนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือ

นายโค้ทส์กล่าวว่า "ปัจจุบันเราได้ประเมินว่า เกาหลีเหนือจะหาทางรักษาความสามารถของอาวุธที่มีอานุภาพทำลายล้างสูง (WMD) ไว้ และมีแนวโน้มที่จะไม่ยกเลิกโครงการอาวุธนิวเคลียร์และความสามารถในการผลิตโดยสมบูรณ์ เพราะนายคิม จอง อึน ผู้นำสูงสุดของเกาหลีเหนือมองว่าอาวุธนิวเคลียร์มีความสำคัญต่อการอยู่รอดของระบบการปกครอง"

-- นายแลร์รี่ คุดโลว์ ที่ปรึกษาฝ่ายเศรษฐกิจประจำทำเนียบขาว กล่าวว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ มีความเชื่อมั่นพอสมควรต่อการที่สหรัฐจะบรรลุข้อตกลงการค้ากับจีนก่อนเส้นตายในเดือนมี.ค.

นายคุดโลว์กล่าวว่า เป็นเรื่องสำคัญมากที่จะต้องมีความคืบหน้าในการเจรจาวันที่ 30-31 ม.ค. ขณะที่นายโรเบิร์ต ไลท์ไฮเซอร์ ผู้แทนการค้าสหรัฐ (USTR) และคณะมีกำหนดพบปะกับเจ้าหน้าที่จีนที่ทำเนียบขาวเพื่อเจรจาข้อตกลงทางการค้า

"ผมคิดว่าทุกคน ซึ่งรวมถึงท่านประธานาธิบดี มีความเชื่อมั่นพอสมควรเกี่ยวกับการแก้ไขความขัดแย้งทางการค้ากับจีน และท่านประธานาธิบดีเชื่อว่าท่านและท่านประธานาธิบดีสี จิ้นผิงจะเป็นผู้เจรจาขั้นสุดท้าย ซึ่งการเจรจาในวันพุธและพฤหัสบดีจะมีความสำคัญต่อการวางแนวทางการเจรจา" นายคุดโลว์กล่าว

-- สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้น 2.5% เมื่อคืนนี้ หลังจากสหรัฐประกาศคว่ำบาตรบริษัทน้ำมันของรัฐบาลเวเนซุเอลา ซึ่งจะทำให้เวเนซุเอลาไม่สามารถส่งออกน้ำมันไปต่างประเทศ

การใช้มาตรการคว่ำบาตรของสหรัฐมีขึ้น หลังจากสหรัฐให้การยอมรับนายฮวน กุยโด ประธานสมัชชาแห่งชาติและผู้นำพรรคฝ่ายค้านของเวเนซุเอลา ในฐานะประธานาธิบดีรักษาการของเวเนซุเอลา และกล่าวประนามนายนิโคลัส มาดูโร ซึ่งปัจจุบันดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีเวเนซุเอลา หลังได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งเมื่อปีที่แล้วด้วยคะแนนเสียงมากกว่า 2 ใน 3

กระทรวงการคลังสหรัฐระบุว่า PDVSA ว่า เป็นแหล่งรายได้หลักและดึงดูดเม็ดเงินสกุลเงินต่างประเทศของเวเนซุเอลา ซึ่งการขึ้นบัญชีดำจะช่วยป้องกันไม่ให้นายมาดูโรโยกย้ายสินทรัพย์ของเวเนซุเอลา พร้อมประกาศว่า จะยกเลิกการคว่ำบาตรเมื่อมีการถ่ายโอนอำนาจการบริหารประเทศสู่ประธานาธิบดีรักษาการ หรือรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตย

-- ผลสำรวจของเอสแอนด์พี คอร์โลจิก เคส ชิลเลอร์ระบุว่า ดัชนีราคาบ้านทั่วประเทศในสหรัฐเพิ่มขึ้น 5.2% ในเดือนพ.ย. และชะลอตัวลงจากระดับ 5.3% ของเดือนต.ค.

ราคาบ้านได้รับแรงกดดันจากการพุ่งขึ้นของอัตราดอกเบี้ยเงินกู้เพื่อการจำนอง

ส่วนดัชนีราคาบ้านใน 20 เมืองของสหรัฐ เพิ่มขึ้น 4.7% ในเดือนพ.ย. ลดลงจากระดับ 5.0% ของเดือนต.ค.

ราคาบ้านเพิ่มขึ้นสูงสุดในเมืองลาสเวกัส, ฟีนิกซ์ และซีแอตเติล

-- ผลสำรวจของ Conference Board ระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐปรับตัวลงสู่ระดับ 120.2 ในเดือนม.ค. จากระดับ 128.1 ในเดือนธ.ค. และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 124.9

ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐได้รับผลกระทบจากภาวะผันผวนในตลาด รวมทั้งการปิดหน่วยงานรัฐบาล (ชัตดาวน์)

ทั้งนี้ ดัชนีดังกล่าวเป็นการสำรวจมุมมองของผู้บริโภค และความเชื่อมั่นต่อสภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบัน และในช่วง 6 เดือนข้างหน้า, สถานะการเงินส่วนบุคคล และการจ้างงาน

-- สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญที่มีกำหนดการเปิดเผยวันนี้ ญี่ปุ่นจะเปิดเผยความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนม.ค. เยอรมนีจะเปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนก.พ.จาก GfK, อียูจะเปิดเผยความเชื่อมั่นทางธุรกิจและความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนม.ค. ขณะที่สหรัฐจะเปิดเผยตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนเดือนม.ค.จาก ADP, ยอดทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) เดือนธ.ค. รวมถึงการแถลงมติอัตราดอกเบี้ยของคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (FOMC) (ตรงกับเช้าวันที่ 31 ม.ค.)

ส่วนในวันพรุ่งนี้ เกาหลีใต้เตรียมเปิดเผยยอดค้าปลีกเดือนธ.ค. และการผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนธ.ค. ญี่ปุ่นเตรียมเปิดเผยการผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนธ.ค. อังกฤษเตรียมเปิดเผยความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนม.ค.จาก Gfk ในขณะที่จีนเตรียมเปิดเผยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตและภาคบริการเดือนม.ค.จากสำนักงานสถิติแห่งชาติ (NBS) เยอรมนีเตรียมเปิดเผยยอดค้าปลีกเดือนธ.ค.และอัตราว่างงานเดือนม.ค. อียูเตรียมเปิดเผยอัตราว่างงานเดือนธ.ค. และผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 4 ด้านสหรัฐเตรียมเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ