World Today: สรุปประเด็นน่าติดตามประจำวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2562

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday February 6, 2019 09:03 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นักลงทุนจับตาประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กล่าวแถลงนโยบายประจำปี (State of the Union) ต่อสภาคองเกรสสหรัฐในวันนี้เวลา 09.00 น.ตามเวลาไทย

ขณะที่สื่อต่างประเทศรายงานโดยอ้างแหล่งข่าวว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์จะไม่ประกาศภาวะฉุกเฉินแห่งชาติเพื่อให้มีการจัดสรรงบประมาณสำหรับการสร้างกำแพงกั้นชายแดนเม็กซิโก ก่อนที่งบประมาณชั่วคราวสำหรับหน่วยงานรัฐบาลจะหมดลงในวันที่ 15 ก.พ. ในระหว่างการแถลงนโยบายประจำปี (State of the Union)

-- ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกติดต่อกันเป็นวันที่ 3 เมื่อคืนนี้ ขานรับผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทจดทะเบียนรายใหญ่ ซึ่งรวมถึงราล์ฟ ลอเรน และเอสเต ลอเดอร์ ขณะเดียวกันนักลงทุนจับตาการแถลงนโยบายประจำปี (State of the Union) ของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐ ในช่วงเช้าวันนี้ตามเวลาไทย โดยมีการคาดการณ์ว่า ปธน.ทรัมป์จะใช้โอกาสนี้ในการแถลงแผนการต่างๆ ซึ่งรวมถึงการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐาน และการปรับลดราคายา

-- หนังสือพิมพ์โกลบ แอนด์ เมล ซึ่งเป็นสื่อของแคนาดารายงานว่า หัวหน้าทนายความของนางเมิ่ง หว่านโจว ผู้บริหารระดับสูงของบริษัท หัวเว่ย เทคโนโลยีซึ่งถูกทางการแคนาดาจับกุมตามคำร้องขอของสหรัฐเมื่อเดือนธันวาคมปีที่แล้วนั้น เปิดเผยว่า ทีมทนายกำลังหาทางโต้แย้งเพื่อไม่ให้มีการส่งตัวนางเมิ่งไปดำเนินคดีในสหรัฐ ตามคำร้องขอของกระทรวงยุติธรรมสหรัฐ

นายริชาร์ด เพก หัวหน้าทีมทนายความของนางเมิ่งเปิดเผยกับสื่อรายดังกล่าวว่าว่า กรณีของนางเมิ่งแตกต่างจากการส่งผู้ร้ายข้ามแดนคดีอื่นๆที่เขาเคยพบว่า เพราะคดีนี้มีเรื่องของการเมืองอยู่เบื้องหลัง

-- สายการบิน Germania ของเยอรมนีได้ยื่นคำร้องต่อศาลเพื่อขอพิทักษ์ทรัพย์ตามกฎหมายล้มละลาย พร้อมประกาศระงับการให้บริการทุกเที่ยวบินที่ให้บริการช่วงคืนวันจันทร์ตามเวลาท้องถิ่น

คาร์สเทน บอล์ค ซีอีโอของสายการบิน กล่าวว่า นับเป็นโชคร้ายที่เราไม่สามารถดำเนินการด้านการเงินเพื่อเสริมสภาพคล่องระยะสั้นได้ และต้องการทางออกที่เป็นบวก

ทั้งนี้ ปัญหาด้านการเงินของสายการบิน Germania เป็นที่รับรู้เมื่อต้นเดือนม.ค. ซึ่งสายการบินได้หาทางกู้เงินและขายหุ้นเพื่อเดินหน้าให้บริการต่อไปได้ในช่วงฤดูหนาว

-- ศูนย์อุตุนิยมวิทยาแห่งชาติจีนได้ออกประกาศเตือนภัยระดับสีเหลืองอีกครั้งเมื่อวานนี้ เนื่องจากมีหมอกหนาแผ่ปกคลุมเป็นวงกว้างในหลายพื้นที่ของประเทศ

รายงานระบุว่า จะเกิดหมอกหนาในมณฑลอันฮุย ฉงชิ่ง หูเป่ย หูหนาน และเจียงซูในช่วงเช้าวันพรุ่งนี้ ซึ่งจะทำให้ทัศนวิสัยในบางพื้นที่ลดลงเหลือไม่ถึง 200 เมตร โดยทางศูนย์ฯ ขอให้ผู้ขับขี่ในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบชะลอความเร็วในการใช้รถใช้ถนน ขณะที่ขอให้ท่าอากาศยาน ทางด่วน และท่าเรือต่างๆ ดำเนินมาตรการดูแลความปลอดภัยที่เหมาะสม

-- ไอเอชเอส มาร์กิต/ซีไอพีเอส เปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการของสหราชอาณาจักร ปรับตัวลงสู่ระดับ 50.1 ในเดือนม.ค. จากระดับ 51.2 ในเดือนธ.ค. โดยดัชนีเดือนม.ค.แตะระดับต่ำที่สุดนับตั้งแต่เดือนก.ค. 2559

ดัชนี PMI ภาคบริการเดือนม.ค. อยู่เหนือระดับ 50 เพียง 0.1 จุด ซึ่งหมายความว่า ภาคบริการของสหราชอาณาจักรแทบไม่ขยายตัวในเดือนที่ผ่านมา โดยได้รับผลกระทบจากการที่บริษัทต่างๆ ในภาคบริการลดการจ้างงานเป็นครั้งแรกในรอบ 6 ปี และคำสั่งซื้อใหม่ที่ปรับตัวลดลงครั้งแรกในรอบ 2 ปีครึ่ง

นอกจากนี้ ดัชนี PMI ภาคบริการของอังกฤษในเดือนม.ค. ยังต่ำกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ไว้ว่าจะอยู่ที่ 51

-- ไอเอชเอส มาร์กิต เปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) รวมภาคการผลิตและบริการขั้นสุดท้ายของยูโรโซน อยู่ที่ระดับ 51.0 ในเดือนม.ค. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนก.ค. 2556 หรือในรอบ 66 เดือน ลดลงจากระดับ 51.1 ในเดือนธ.ค. ขณะปรับตัวขึ้นจากตัวเลขเบื้องต้นเดือนม.ค.ที่ระดับ 50.7

ส่วนผลสำรวจ PMI แยกเป็นรายประเทศพบว่า กิจกรรมในภาคธุรกิจของเยอรมนีขยายตัวเร็วขึ้น โดยดัชนี PMI รวมภาคการผลิตและบริการขั้นสุดท้ายของเยอรมนี ปรับตัวขึ้นแตะ 52.1 ในเดือนม.ค. จากระดับ 51.6 ในเดือนธ.ค. เพราะได้แรงหนุนจากภาคบริการที่ดีดตัวขึ้นครั้งแรกในรอบ 4 เดือน ซึ่งช่วยชดเชยภาคการผลิตที่อ่อนแรงลง

ขณะที่กิจกรรมทางธุรกิจของฝรั่งเศสเข้าสู่ภาวะหดตัว โดย PMI รวมภาคการผลิตและบริการลดลงมาอยู่ที่ 48.2 ในเดือนม.ค. ซึ่งเป็นระดับต่ำที่สุดในรอบกว่า 4 ปี

-- ไอเอชเอส มาร์กิต เปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) สำหรับภาคบริการของสหรัฐ ขยับลงมาอยู่ที่ระดับ 54.2 ในเดือนม.ค. ซึ่งลดลงเล็กน้อยจากระดับเดือนธ.ค.ที่ 54.4

ทั้งนี้ ดัชนี PMI ยังได้รับปัจจัยลบจากความต้องการที่อ่อนตัวลงของกลุ่มลูกค้าต่างประเทศ

ดัชนี PMI ยังคงอยู่สูงกว่าระดับ 50 ซึ่งบ่งชี้ว่าภาคบริการยังคงมีการขยายตัว

-- ผลสำรวจของสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) พบว่า ดัชนีภาคบริการของสหรัฐร่วงลงแตะระดับ 56.7 ในเดือนม.ค. ซึ่งเป็นระดับที่ชะลอตัวที่สุดนับตั้งแต่เดือนก.ค.ปีที่แล้ว หลังจากแตะระดับ 57.6 ในเดือนธ.ค.

อย่างไรก็ดี ดัชนีภาคบริการของสหรัฐยังคงอยู่เหนือระดับ 50 ซึ่งบ่งชี้ถึงการขยายตัวของภาคบริการ

ทั้งนี้ ดัชนีภาคบริการของ ISM ประกอบด้วยอุตสาหกรรม 17 กลุ่ม ซึ่งรวมถึงอสังหาริมทรัพย์ การขนส่ง การก่อสร้าง และเหมืองแร่

-- สำนักงานสถิติแห่งชาติออสเตรเลีย (ABS) รายงานว่า ยอดค้าปลีกเดือนธ.ค. ปรับตัวลดลงมากกว่าที่มีการคาดการณ์ไว้ ทำให้เกิดความวิตกกังวลว่า การชะลอตัวของรายได้และราคาบ้านที่ปรับตัวลดลงได้ส่งผลกระทบต่อการใช้จ่ายในห้างสรรพสินค้าและร้านค้าทั่วประเทศ

ยอดค้าปลีกเดือนธ.ค. ลดลง 0.4% เมื่อเทียบกับเดือนพ.ย. ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ยอดค้าปลีกจะทรงตัวในเดือนสุดท้ายของปีที่แล้ว

-- กระทรวงการต่างประเทศของเวเนซุเอลา ประกาศไม่ยอมรับการตัดสินใจของเหล่าประเทศสมาชิกสหภาพยุโรปหรืออียูหลายประเทศที่ให้การรับรองนายฮวน กุยโด ผู้นำฝ่านค้านของรัฐบาลเวเนซุเอลาในฐานะรักษาการประธานาธิบดี

แถลงการณ์ของกระทรวงการต่างประเทศเวเนซุเอลาระบุว่า ประเทศเหล่านั้นยอมรับเอากลยุทธ์ของรัฐบาลสหรัฐมาโค่นล้มรัฐบาลที่ถูกต้องชอบธรรมภายใต้การนำของประธานาธิบดีนิโคลัส มาดูโร" และระบุว่า การตัดสินใจดังกล่าวถือเป็นการละเมิดหลักการและวิถีปฏิบัติที่ยึดถือกันในการรักษาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ, ก่อร่างแนวทางที่เป็นอันตรายสำหรับการอยู่ร่วมกันอย่างสันติระหว่างนานาประเทศ"

กระทรวงการต่างประเทศเวเนซุเอลายังระบุด้วยว่า จะทบทวนความสัมพันธ์ทวิภาคีกับประเทศเหล่านั้นไปจนกว่าจะมีการยกเลิกการสนับสนุนแผนการรัฐประหารดังกล่าว" และระบุว่า "ระดับของสหภาพยุโรปอยู่ภายใต้บังคับบัญชาของรัฐบาลสหรัฐนั้นเป็นที่น่าตกใจอย่างยิ่ง"

ขณะเดียวกันยังออกโรงเตือนว่า การสนับสนุนพรรคฝ่ายค้านเวเนซุเอลาของรัฐบาลสหรัฐนั้นเป็นการทำลาย "สันติภาพและความมั่นคงของทั้งภูมิภาค" ด้วยเช่นกัน

-- 11 ประเทศสมาชิกในกลุ่ม Lima Group ได้ออกแถลงการณ์เรียกร้องให้ประเทศมหาอำนาจทั่วโลกระงับการซื้อขายน้ำมันและทองคำกับประธานาธิบดีนิโคลัส มาดูโร แห่งเวเนซุเอลา พร้อมกับเรียกร้องให้มีการดำเนินการเพื่อการเปลี่ยนผ่านอย่างสันติด้วยวิถีทางการเมืองและการทูตโดยปราศจากการใช้กำลัง

นอกจากนี้ แคนาดายังเป็นอีกประเทศที่ผลักดันให้กองทัพเวเนซุเอลาตัดขาดความสัมพันธ์กับนายมาดูโร หลังจากที่ประเทศตกอยู่ในภาวะวิกฤตทั้งด้านการเมือง และมนุษยชน

-- สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญที่มีกำหนดการเปิดเผยวันนี้ อินโดนีเซียจะเปิดเผยผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 4/2561 เยอรมนีจะเปิดเผยยอดสั่งซื้อภาคโรงงานเดือนธ.ค. และสหรัฐจะเปิดเผยดุลการค้าเดือนพ.ย. ผลิตภาพ-ต้นทุนแรงงานต่อหน่วยไตรมาส 4/2561 รวมถึงสต็อกน้ำมันรายสัปดาห์จากสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA)

ส่วนในวันพรุ่งนี้ ญี่ปุ่นเตรียมเปิดเผยทุนสำรองเงินตราต่างประเทศเดือนม.ค. เยอรมนีเตรียมเปิดเผยการผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนธ.ค. ขณะที่จีนเตรียมเปิดเผยทุนสำรองเงินตราต่างประเทศเดือนม.ค. ด้านอังกฤษเตรียมเปิดเผยดัชนีราคาบ้านเดือนม.ค.จากฮาลิแฟกซ์ รวมถึงการจัดประชุมนโยบายการเงินและแถลงมติอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) และสหรัฐเตรียมเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ