สำนักข่าวยอนฮับรายงานโดยอ้างข้อมูลจากเว็บไซต์เผยแพร่ดัชนีความผันผวนของนโยบายเศรษฐกิจ (EPU) ว่า ดัชนี EPU ของเกาหลีใต้พุ่งขึ้นจากระดับ 203.24 ของเดือนพ.ย.ปีที่แล้ว มาแตะที่ 243.03 ในเดือนธ.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบเกือบ 2 ปี ท่ามกลางสัญญาณการชะลอตัวของเศรษฐกิจทั้งในประเทศและต่างประเทศที่เริ่มปรากฏอย่างชัดเจน
ทั้งนี้ ดัชนี EPU ของเกาหลีใต้ในเดือนธ.ค.อยู่ในระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนก.พ. 2559 ซึ่งดัชนีอยู่ที่ 299.67 ณ ขณะนั้น
อย่างไรก็ดี ดัชนี EPU เคยพุ่งขึ้นทำสถิติสูงสุดที่ระดับ 391.79 ในเดือนม.ค. 2559 ซึ่งเป็นช่วงที่เกิดคดีความฟ้องร้องอดีตประธานาธิบดีปาร์ค กึน เฮ
ดัชนี EPU ถูกออกแบบมาเพื่อเป็นตัวชี้วัดความไม่แน่นอนของนโยบายเศรษฐกิจ ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อการเติบโตของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) โดยวัดจากการรายงานข่าวและแสดงความคิดเห็นของนักวิเคราะห์ด้านเศรษฐกิจที่ออกมาในรูปแบบของความไม่เห็นด้วยหรือไม่มั่นใจต่อนโยบายเศรษฐกิจของรัฐบาล
ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่า สาเหตุที่ทำให้ตัวเลขดัชนี EPU ของเกาหลีใต้พุ่งขึ้นครั้งนี้ สืบเนื่องมาจากความขัดแย้งทางการค้าระหว่างจีนและสหรัฐได้ส่งผลกระทบโดยตรงต่อเศรษฐกิจของเกาหลีใต้ซึ่งต้องพึ่งพาการส่งออกเป็นหลัก โดยทั้งจีนและสหรัฐต่างเป็นประเทศคู่ค้ารายใหญ่อันดับ 1 และ 2 ของเกาหลีใต้
จากข้อมูลของกระทรวงการค้า อุตสาหกรรม และพลังงานของเกาหลีใต้พบว่า ยอดส่งออกของเกาหลีใต้ร่วงลง 1.3% ในเดือนธ.ค. และ 5.8 ในเดือนม.ค. เนื่องจากยอดส่งออกเซมิคอนดักเตอร์และผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีไปยังต่างประเทศชะลอตัวลง และผลกระทบจากความขัดแย้งทางการค้าระหว่างสหรัฐกับจีน