World Today: สรุปข่าวต่างประเทศประจำวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2562

ข่าวเศรษฐกิจ Thursday February 7, 2019 17:00 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐได้ประกาศเสนอชื่อนายเดวิด มัลพาส รัฐมนตรีช่วยกระทรวงการคลังฝ่ายกิจการต่างประเทศ เป็นตัวแทนของสหรัฐในการลงสมัครเพื่อชิงตำแหน่งประธานธนาคารโลก

-- นางเทเรซา เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษเตรียมให้ข้อมูลต่อสหภาพยุโรป (EU) เกี่ยวกับนโยบาย Backstop ซึ่งเป็นนโยบายในการค้ำประกันว่าจะไม่มีการกลับไปใช้มาตรการควบคุมชายแดนอย่างเข้มงวดระหว่างไอร์แลนด์เหนือ ซึ่งเป็นดินแดนส่วนหนึ่งของสหราชอาณาจักร และสาธารณรัฐไอร์แลนด์ ซึ่งเป็นรัฐสมาชิกของสหภาพยุโรป

โดยในการให้ข้อมูลล่าสุดนี้มีเป้าหมายเพื่อที่จะยืนกรานว่า อังกฤษจะสามารถหาทางออกได้ในประเด็น Backstop เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดการกำหนดพรมแดนแบบเข้มงวด ทั้งการตั้งด่านตรวจคนเข้าเมืองและด่านตรวจศุลกากร ระหว่างสาธารณรัฐไอร์แลนด์กับไอร์แลนด์เหนือ ภายหลังจากที่สหราชอาณาจักรแยกตัวออกจากสหภาพยุโรป (Brexit)

-- ธนาคารกลางอินเดียมีมติลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% สู่ระดับ 6.25% จากระดับก่อนหน้านี้ที่ 6.50% ซึ่งคาดว่าการลดดอกเบี้ยครั้งนี้จะทำให้เงินกู้มีต้นทุนที่ถูกลงในเร็วๆนี้

-- คณะกรรมการนโยบายการเงินของธนาคารกลางฟิลิปปินส์ มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 4.75% ในการประชุมวันนี้

-- สถาบันวิจัยเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติของอังกฤษ (NIESR) ได้ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจอังกฤษในปี 2562 ลงจากระดับ 1.9% ในเดือนพ.ย. เหลือเพียง 1.5% ในการทบทวนรายไตรมาสครั้งล่าสุด โดยให้เหตุผลว่าเป็นเพราะ "ความไม่แน่นอนของข้อตกลงการถอนตัวของอังกฤษจากการเป็นสมาชิกสหภาพยุโรป (Brexit) ทวีความรุนแรงขึ้นนับตั้งแต่เดือนพ.ย. และยังเห็นได้ชัดเจนยิ่งขึ้นในหลายปัจจัยชี้วัด"

-- นายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เปิดเผยขณะกล่าวสุนทรพจน์ในการประชุมวอชิงตันเมื่อวานนี้ว่า เขาต้องการให้ประชาชนรับรู้ว่า เฟดพยายามทุกวิถีทางเพื่อช่วยหนุนเศรษฐกิจ โดยไม่มีเรื่องการเมืองมาเกี่ยวข้อง พร้อมเสริมว่าเป้าหมายของเขาคือการที่เฟดจะสามารถเรียกความเชื่อมั่นคืนมาจากประชาชนได้อีกครั้ง

-- นายแรนดัล คาร์ลส์ รองประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) กล่าวระหว่างเข้าร่วมการประชุมในหัวข้อ Conversation with the Chairman: A Teacher Town Hall Meeting ว่า การชะลอตัวของเศรษฐกิจจีนและผลกระทบจากการเจรจาการค้าระหว่างจีนและสหรัฐ เป็นประเด็นสำคัญที่กำลังถูกจับตาอยู่ในขณะนี้ แม้เศรษฐกิจสหรัฐยังคงมีแนวโน้มการเติบโตที่แข็งแกร่ง

-- สมาพันธ์อุตสาหกรรมอังกฤษ (CBI) ออกโรงเตือนว่า อังกฤษเสี่ยงที่จะสูญเสียข้อตกลงการค้า 40 ข้อที่ครอบคลุม 5 ทวีป หากการแยกตัวของอังกฤษออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) เป็นไปโดยปราศจากข้อตกลง

-- สำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยในรายงาน "Weekly Petroleum Status Report" ว่า การผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งสิ้นสุดลงเมื่อวันที่ 1 ก.พ.โดยเฉลี่ยอยู่ที่ระดับ 11.9 ล้านบาร์เรล/วัน ทรงตัวในระดับเดียวกันกับสัปดาห์ก่อนหน้า แต่หากเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว การผลิตน้ำมันดิบเพิ่มขึ้น 1.6 ล้านบาร์เรล/วัน

-- รายงาน "Weekly Petroleum Status Report" ซึ่งจัดทำโดย EIA ระบุว่า การนำเข้าน้ำมันดิบของสหรัฐโดยเฉลี่ยอยู่ที่ระดับ 7.1 ล้านบาร์เรลต่อวันในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 1 ก.พ. ซึ่งเพิ่มขึ้น 63,000 บาร์เรลต่อวันจากสัปดาก่อนหน้านั้น ขณะที่การส่งออกน้ำมันดิบโดยเฉลี่ยอยู่ที่ระดับ 2.9 ล้านบาร์เรลต่อวัน เพิ่มขึ้น 926,000 บาร์เรลต่อวันจากสัปดาห์ก่อนหน้านั้น

-- นายชุย เทียนไค่ เอกอัครราชทูตจีนประจำสหรัฐ เปิดเผยว่า สำหรับจีนและสหรัฐแล้ว ไม่มีทางเลือกใดที่จะดีไปกว่าความร่วมมือ นอกจากนี้ ทั่วโลกต่างรอให้จีนและสหรัฐทำงานร่วมกันมากกว่าในอดีต

-- นางเจเน็ต เยลเลน อดีตประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้กล่าวแสดงความเห็นว่า มีความเป็นไปได้ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย หากเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวเริ่มส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของสหรัฐ พร้อมกล่าวว่า เศรษฐกิจจีนและยุโรปที่ชะลอตัวลงนั้น ถือเป็นอันตรายต่อแนวโน้มของเศรษฐกิจสหรัฐเช่นกัน

-- ธนาคารกลางเกาหลีใต้ได้เปิดเผยรายงานซึ่งระบุว่า สกุลเงินดิจิทัลที่ออกโดยธนาคารกลาง อาจส่งผลกระทบในทางลบต่อระบบการเงินของเกาหลีใต้ โดยจะทำให้เกิดภาวะขาดสภาพคล่องและทำให้อัตราดอกเบี้ยปรับตัวขึ้น

-- สมาชิกสภาผู้แทษราษฎรจากพรรคเดโมแครตเริ่มผลักดันการออกกฎหมายควบคุมอาวุธปืนที่เข้มงวดมากยิ่งขึ้น โดยถือเป็นครั้งแรกในรอบหลายปีที่มีการนำเรื่องนี้เข้าพิจารณาในสภาคองเกรสเพื่อหาแนวทางยุติความรุนแรงจากอาวุธปืนที่คร่าชีวิตพลเรือนอเมริกันเกือบ 40,000 คนในปี 2560


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ