ทำเนียบขาวเปิดเผยว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เตรียมลงนามในร่างกฎหมายว่าด้วยการใช้จ่ายและการรักษาความปลอดภัยบริเวณชายแดน เพื่อหลีกเลี่ยงการปิดหน่วยงานรัฐบาล (ชัตดาวน์) รอบ 2 แต่ทรัมป์ก็จะใช้อำนาจประธานาธิบดีประกาศภาวะฉุกเฉินแห่งชาติ เพื่อออกกฎหมายอนุมัติงบประมาณสร้างกำแพงกั้นชายแดน โดยไม่ต้องผ่านการรับรองจากสภาคองเกรส ซึ่งการสร้างกำแพงกั้นชายแดนระหว่างสหรัฐและเม็กซิโก เป็นคำมั่นสัญญาที่เขาให้ไว้นับตั้งแต่ช่วงการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งประธานาธิบดี
"ปธน.ทรัมป์จะลงนามในร่างกฏหมายงบประมาณของรัฐบาล และจะออกคำสั่งบริหารอื่นๆ ด้วย รวมถึงการประกาศภาวะฉุกเฉินแห่งชาติ เพื่อให้แน่ใจว่า เราจะสามารถยุติวิกฤตด้านความมั่นคงแห่งชาติและด้านมนุษยธรรมไว้ที่ชายแดน" นางซาราห์ แซนเดอร์ส โฆษกทำเนียบขาวระบุในแถลงการณ์
"ท่านประธานาธิบดีได้ให้คำมั่นสัญญาอีกครั้งที่จะสร้างกำแพง ปกป้องชายแดน และรักษาความปลอดภัยให้กับประเทศที่ยิ่งใหญ่ของเรา"
ในช่วงไม่กี่นาทีก่อนหน้านั้น นายมิทช์ แมคคอนเนลล์ ผู้นำเสียงข้างมากในวุฒิสภาสหรัฐได้เปิดเผยแผนการของปธน.ทรัมป์ โดยนายแมคคอนเนลล์ประกาศในวุฒิสภาว่า วุฒิสภาจะลงมติร่างกฏหมายดังกล่าว ซึ่งจำเป็นต่อการหลีกเลี่ยงการปิดหน่วยงานรัฐบาลบางส่วนในวันศุกร์นี้
เมื่อร่างกฎหมายดังกล่าวได้รับการอนุมัติจากสภาคองเกรสและปธน.ทรัมป์ ก็จะทำให้รัฐบาลสหรัฐสามารถเปิดทำการได้ต่อไปเมื่อพ้นกำหนดเส้นตายในเวลาเที่ยงคืนของวันศุกร์นี้ตามเวลาสหรัฐ โดยร่างกฏหมายนี้จะรวมงบประมาณวงเงิน 1.375 พันล้านดอลลาร์สำหรับการสร้างรั้วกั้นตามแนวชายแดนสหรัฐ-เม็กซิโก
ก่อนหน้านี้ ปธน.ทรัมป์ได้เคยของบประมาณ 5.7 พันล้านดอลลาร์สำหรับการสร้างกำแพงชายแดน ซึ่งเป็นคำมั่นสัญญาที่เขาให้ไว้ในการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งประธานาธิบดี โดยการต่อสู้กันระหว่างทำเนียบขาวและสมาชิกสภาจากพรรคเดโมแครตเกี่ยวกับงบสร้างกำแพงนั้น ได้นำไปสู่การปิดหน่วยงานรัฐบาลสหรัฐ (ชัตดาวน์) ยาวนานที่สุดเป็นประวัติการณ์ถึง 35 วัน ซึ่งสิ้นสุดลงในปลายเดือนม.ค.
การประกาศภาวะฉุกเฉินแห่งชาติ ซึ่งจะช่วยให้ประธานาธิบดีไม่ต้องผ่านการขออนุมัติจากสภาคองเกรส และใช้ทหารในการสร้างกำแพงนั้น คาดว่าจะจุดชนวนคดีความทางกฏหมายที่ท้าทายต่ออำนาจของประธานาธิบดี
นิวยอร์ก ไทมส์รายงานว่า ในการประกาศภาวะฉุกเฉินแห่งชาตินั้น คาดว่าปธน.ทรัมป์จะหาหนทางในการเข้าถึงงบประมาณสำหรับการสร้างกำแพงซึ่งทางสภาคองเกรสไม่ให้การอนุมัติอย่างชัดเจนเพื่อวัตถุประสงค์ดังกล่าว โดยนิวยอร์ก ไทมส์ระบุว่า การประกาศภาวะฉุกเฉินเป็นการเคลื่อนไหวแบบยั่วยุที่จะทดสอบขอบเขตของอำนาจของประธานาธิบดีสหรัฐในช่วงเวลาที่รัฐบาลถูกแบ่งแยกเป็นสองฝ่าย
นางแนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรกล่าวว่า พรรคเดโมแครตกำลัง "ทบทวนทางเลือกของพรรค" ในการตอบสนองต่อการประกาศภาวะฉุกเฉินที่มีการคาดการณ์ว่าจะเกิดขึ้น
"ประธานาธิบดีกำลังวิ่งวนไปรอบๆ สภาคองเกรส" นางเพโลซีกล่าว
"ท่านต้องการพูดคุยเกี่ยวกับภาวะฉุกเฉินแห่งชาติ ก็มาพูดคุยกันเลยในวันนี้" นางเพโลซีกล่าว โดยระบุถึงการครบรอบปีแรกของเหตุการณ์กราดยิงในโรงเรียนที่เมืองพาร์คแลนด์ รัฐฟลอริดา
ก่อนช่วงเที่ยงคืนของวันพุธตามเวลาสหรัฐ เจ้าหน้าที่ฝ่ายเจรจาต่อรองของสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาได้เปิดเผยร่างกฏหมายความยาว 1,159 หน้าที่จะทำให้หน่วยงานของรัฐบาลกลางสามารถเปิดดำเนินงานไปจนถึงสิ้นเดือนก.ย. ซึ่งทำให้สมาชิกสภามีเวลาไม่มากนักในการพิจารณาเนื้อหาของร่างกฏหมายดังกล่าว