กระทรวงการคลังญี่ปุ่นเปิดเผยในวันนี้ว่า ยอดส่งออกเดือนม.ค.ร่วงลง 8.4% เมื่อเทียบเป็นรายปี สู่ระดับ 5.57 ล้านล้านเยน หลังจากลดลง 3.9% ในเดือนธ.ค. ซึ่งบ่งชี้ถึงการชะลอตัวของอุปสงค์ในต่างประเทศ โดยมูลค่าการส่งออกเดือนม.ค.ของญี่ปุ่น อยู่ในระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนม.ค. 2560
ขณะที่ยอดนำเข้าลดลง 0.6% สู่ระดับ 6.99 ล้านล้านเยนในเดือนม.ค. เนื่องจากราคาน้ำมันในตลาดโลกปรับตัวลดลง ทำให้ต้นทุนการนำเข้าพลังงานของญี่ปุ่นลดลงด้วย
ส่วนยอดขาดดุลการค้าเดือนม.ค.อยู่ที่ 1.42 ล้านล้านเยน (1.279 หมื่นล้านดอลลาร์) ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบเกือบ 5 ปี เนื่องจากการส่งออกไปยังยังประเทศจีนร่วงลงอย่างรุนแรง นอกจากนี้ ญี่ปุ่นยังขาดดุลการค้าเป็นเดือนที่ 4 ติดต่อกัน
สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า ญี่ปุ่นขาดดุลการค้าจีนเป็นวงเงินสูงถึง 8.797 แสนล้านเยน หลังจากการส่งออกของญี่ปุ่นไปยังจีนร่วงลง 17.4% เนื่องจากความต้องการผลิตภัณฑ์เทคโนโลยีขั้นสูง อาทิ เครื่องจักรและจอแอลซีดี ปรับตัวลดลง
นอกจากนี้ ญี่ปุ่นยังขาดดุลการค้ากับทุกประเทศในเอเชียรวมถึง 5.71 แสนล้านเยน โดยการส่งออกไปยังเกาหลีใต้ลดลงด้วยเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม ญี่ปุ่นเกินดุลการค้ากับสหรัฐวงเงิน 3.674 แสนล้านเยน เนื่องจากการส่งออกรถยนต์และอุปกรณ์ทำเหมืองแร่ขยายตัวขึ้น ขณะที่ยอดขาดดุลการค้าของญี่ปุ่นกับสหภาพยุโรปลดลงสู่ระดับ 9.60 หมื่นล้านเยน เนื่องจากทั้งการส่งออกและนำเข้าร่วงลง