นางเซซิเลีย มาล์มสตรอม กรรมาธิการการค้าประจำสหภาพยุโรป (EU) กล่าวว่า สหรัฐควรยกเลิกการเก็บภาษีนำเข้าสินค้าอุตสาหกรรมของยุโรป ซึ่งรวมถึงรถยนต์ ทั้งนี้ เพื่อสร้างความไว้วางใจในกระบวนการแก้ไขความขัดแย้งทางการค้าระหว่างสองฝ่าย
นางมาล์มสตรอมกล่าวในการประชุมด้านการค้าระหว่างประเทศปี 2562 ซึ่งจัดขึ้นที่โรงเรียนกฏหมายจอร์จทาวน์ในกรุงวอชิงตัน เมื่อวานนี้ว่า สหรัฐและยุโรปขาดความไว้เนื้อเชื่อใจกัน พร้อมกับเตือนเกี่ยวกับความคิดที่ว่า ยุโรปเป็นภัยคุกคามความมั่นคงต่อสหรัฐ
"เราหวังว่า เราจะสามารถยกเลิกภาษีนำเข้าสินค้าอุตสาหกรรมจากทั้งสองฝ่าย" เธอกล่าว และเสริมว่า "สิ่งนี้จะเป็นสิ่งสำคัญทางเศรษฐกิจ แต่ยังสร้างความเชื่อมั่นระหว่างเราด้วย"
นางมาล์มสตรอมระบุว่า ยุโรปได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงจากภาษีนำเข้าที่สหรัฐเรียกเก็บกับผลิตภัณฑ์เหล็กกล้าและอลูมิเนียมของ EU
"เราไม่คิดว่า การส่งออกของเราเป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงของสหรัฐ" นางมาล์มสตรอมกล่าว โดยเสริมว่า เจ้าหน้าที่ของ EU กำลังเฝ้าดูการตัดสินใจของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์อย่างระมัดระวังว่า จะเก็บภาษีนำเข้ารถยนต์และชิ้นส่วนรถยนต์ของยุโรปหรือไม่
กระทรวงพาณิชย์สหรัฐได้เปิดฉากการสอบสวนเมื่อเดือนพ.ค.ในปี 2561 เพื่อพิจารณาว่า รถยนต์และชิ้นส่วนรถยนต์นำเข้าเป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงของประเทศหรือไม่ ตามมาตรา 232 ภายใต้กฎหมาย Trade Expansion Act ของสหรัฐในปี 2505
ในระหว่างการเยือนกรุงวอชิงตันเมื่อเดือนก.ค. 2561 นายฌอง-คล็อด ยุงเกอร์ กรรมาธิการยุโรปและปธน.ทรัมป์ได้ตกลงที่จะจัดตั้งคณะทำงานพิเศษขึ้นเพื่อแก้ไขปัญหาการค้าระดับทวิภาคี พวกเขายืนยันว่าจะ "ทำงานร่วมกันเพื่อยกเลิกภาษีนำเข้า, ยกเลิกอุปสรรคการค้าที่ไม่ใช่ภาษี และยกเลิกการให้เงินอุดหนุนสำหรับสินค้าอุตสาหกรรมที่ไม่ใช่รถยนต์"
ในฐานะประธานของกลุ่มดังกล่าวจากฝั่ง EU นั้น นางมาล์มสตรอมได้เดินทางไปยังสหรัฐหลายครั้งเพื่อเจรจากับนายโรเบิร์ต ไลท์ไฮเซอร์ ผู้แทนการค้าของสหรัฐ
กระทรวงพาณิชย์สหรัฐได้ส่งรายงานที่เกี่ยวข้องกับการสอบสวนการนำเข้ารถยนต์ในช่วงกลางเดือนก.พ.ให้กับปธน.ทรัมป์ และปธน.ทรัมป์กล่าวหลังจากได้รับรายงานว่า การกำหนดภาษีนำเข้ารถยนต์ยังคงเป็นทางเลือกหนึ่งของสหรัฐ
"เรากำลังพยายามทำข้อตกลง ยากมากที่พวกเขาจะทำข้อตกลง" ปธน.ทรัมป์กล่าวถึง EU ในการเปิดเผยกับผู้สื่อข่าวที่ทำเนียบขาว
"ถ้าเราไม่ทำข้อตกลง เราก็จะเก็บภาษี"
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ปธน.ทรัมป์มีเวลา 90 วันนับตั้งแต่การส่งรายงานดังกล่าว เพื่อตัดสินใจว่า จะกำหนดเก็บภาษีเหล่านั้นหรือไม่
นางมาล์มสตรอมกล่าวในการประชุมที่จอร์จทาวน์ว่า การจ้างงานในสหรัฐมากกว่า 7 ล้านตำแหน่งได้รับการสนับสนุนจากการค้าและการลงทุนของ EU ซึ่งแสดงให้เห็นว่าการค้าสามารถนำไปสู่ผลลัพธ์ที่เป็นประโยชน์ต่อทั้งสองฝ่าย
"มีความซับซ้อนที่มาพร้อมกับผลประโยชน์เหล่านี้" เธอกล่าว "กฎของแหล่งกำเนิดสินค้า การเปลี่ยนแปลงในการผลิต และการแข่งขันที่มากขึ้นแต่จนถึงตอนนี้ ดิฉันกำลังพูดถึงสิ่งที่ดีเท่านั้น!"
นางมาล์มสตรอมกล่าวว่า ประเด็นการค้าระหว่างประเทศ "มีความซับซ้อนอย่างมากจริงๆ" เมื่อพิจารณาเรื่องต่างๆ เช่น การบริการ การถ่ายโอนข้อมูล และภูมิศาสตร์การเมือง
"ในฐานะผู้สนับสนุนการค้าเสรีและเปิดกว้าง เราเชื่อว่าเป็นงานที่คุ้มค่า และเรามีความรับผิดชอบในการลุกขึ้นยืนและพูดออกมา" เธอกล่าว
ในการรักษาและปรับปรุงระบบการค้าพหุภาคีนั้น นางมาล์มสตรอมได้เน้นย้ำเป็นการเฉพาะว่า จำเป็นต้องให้จีนมีส่วนร่วมในการปฏิรูปองค์การการค้าโลก (WTO)
"เป็นเรื่องสำคัญที่จะต้องตระหนักว่า จีนมีความสนใจอย่างมากในการสร้างความก้าวหน้าเท่ากับประเทศอื่นๆ" เธอกล่าว