World Today: สรุปประเด็นน่าติดตามประจำวันที่ 14 มีนาคม 2562

ข่าวเศรษฐกิจ Thursday March 14, 2019 09:51 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

จับตารัฐสภาอังกฤษเตรียมทำการลงมติในวันนี้ว่าจะเรียกร้องให้สหภาพยุโรป (EU) ขยายกำหนดเวลาการแยกตัวออกไปอีก 3 เดือน จากเดิมในวันที่ 29 มี.ค.หรือไม่ หลังจากเมื่อวานนี้ รัฐสภาอังกฤษมีมติด้วยคะแนนเสียง 321 ต่อ 278 เสียง ไม่เห็นชอบต่อการที่อังกฤษแยกตัวจากสหภาพยุโรป (Brexit) โดยไร้ข้อตกลง

หากในวันนี้รัฐสภามีมติเรียกร้องให้ EU ขยายกำหนดเวลาออกไป รัฐบาลอังกฤษก็จะต้องทำการเจรจากับ EU ในเรื่องดังกล่าว แต่หากรัฐสภามีมติไม่เรียกร้องให้ EU ขยายกำหนดเวลาออกไป อังกฤษก็จะแยกตัวจาก EU อย่างเป็นทางการตามกำหนดเดิมในวันที่ 29 มี.ค.

-- บริษัทเฟซบุ๊กซึ่งเป็นโซเชียลมีเดียยักษ์ใหญ่ของโลก เปิดเผยว่า บริการหลักๆของบริษัทซึ่งรวมถึง เฟซบุ๊ก อินสตาแกรม และวอทส์แอป เผชิญปัญหาระบบล่มในหลายพื้นที่ทั่วโลก

ผู้ใช้งานเฟซบุ๊กทั่วโลกได้รายงานปัญหาเกี่ยวกับการล็อกอินเข้าสู่บัญชีของผู้ใช้หรือการแชร์โพสต์ นอกจากนี้ ผู้ใช้งานบางส่วนยังไม่สามารถรีเฟรชฟีดต่างๆ หรือโพสต์ไฟล์ใหม่ๆได้ ทั้งนี้ บริษัทเฟซบุ๊กได้รับทราบปัญหาดังกล่าวแล้ว แต่ก็ยังไม่ได้ให้รายละเอียดเกี่ยวกับปัญหาที่เกิดขึ้นกับแอปต่างๆของทางบริษัท

อย่างไรก็ตาม เฟซบุ๊กยืนยันว่ากำลังเร่งหาทางให้แอปต่างๆ สามารถกลับมาใช้งานให้เร็วที่สุด พร้อมกับยืนยันว่าปัญหาที่เกิดขึ้นครั้งนี้ไม่ได้เกิดจาก DDoS Attack (Denial-Of-Service (DoS) Attack)

-- ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้น 148.23 จุด หรือ 0.58% เมื่อคืนนี้ ขณะที่ดัชนี S&P500 ดีดตัวขึ้นปิดที่ระดับสูงสุดในรอบกว่า 4 เดือน ขานรับข้อมูลเศรษฐกิจที่สดใสของสหรัฐ และการฟื้นตัวของหุ้นโบอิ้ง นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงหนุนหลังจากรัฐสภาอังกฤษมีมติไม่เห็นชอบต่อการที่อังกฤษแยกตัวจากสหภาพยุโรป (Brexit) โดยไร้ข้อตกลง

-- ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์กล่าวว่า เขาได้ออกคำสั่งประธานาธิบดี ห้ามเครื่องบินโบอิ้ง 737 Max ทั้งหมดทำการบินในสหรัฐ หลังจากเกิดอุบัติเหตุตกถึง 2 ครั้งในเวลาห่างกันไม่ถึง 5 เดือน

ทางด้านสำนักงานการบินพลเรือนสหรัฐ (FAA) ประกาศในวันพุธว่า FAA ได้สั่งห้ามให้บริการเครื่องบินโบอิ้งรุ่น 737 MAX หลังจากเครื่องบินรุ่นดังกล่าวของสายการบินเอธิโอเปียน แอร์ไลน์ ประสบอุบัติเหตุตกเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 157 คน

-- ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐเปิดเผยกับผู้สื่อข่าวที่ทำเนียบขาวเมื่อวานนี้ว่า เขายังไม่รีบร้อนที่จะทำข้อตกลงการค้ากับจีน

ถ้อยแถลงของปธน.ทรัมป์เกิดขึ้นท่ามกลางกระแสคาดการณ์ที่ว่า การประชุมระหว่างปธน.ทรัมป์และปธน.สี จิ้นผิง ซึ่งวางแผนว่าจะจัดขึ้นในเดือนนี้เพื่อบรรลุข้อตกลงการค้าและยุติข้อพิพาทการค้าระหว่างสองประเทศนั้น อาจจะถูกเลื่อนออกไปเป็นเดือนเม.ย.

-- ตำรวจเปิดเผยว่า มีผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นเป็น 10 รายจากเหตุการณ์กราดยิงที่โรงเรียนราอูล บราซิล ซึ่งเป็นโรงเรียนชั้นประถมแห่งหนึ่งในบราซิล

รายงานระบุว่า วัยรุ่น 2 คนได้เข้ามาในโรงเรียนพร้อมกับทำการกราดยิง ขณะที่มีนักเรียนอยู่ในโรงเรียน

เหตุการณ์ดังกล่าวทำให้มีเด็กนักเรียน 6 คน เจ้าหน้าที่โรงเรียน 2 คนเสียชีวิต ก่อนที่มือปืนทั้ง 2 จะปลิดชีพตนเอง

นอกจากนี้ ยังมีนักเรียนอีก 17 คนที่ได้รับบาดเจ็บจากการถูกยิง โดยหลายคนมีอาการสาหัส

-- บริษัทโฟล์คสวาเกนแถลงว่า ทางบริษัทจะปลดพนักงาน 7,000 คนภายในปี 2566 โดยพนักงานดังกล่าวกลายเป็นพนักงานส่วนเกิน หลังจากที่บริษัทหันมาผลิตรถยนต์ไฟฟ้า

นอกจากนี้ โฟล์คสวาเกนระบุว่า บริษัทจะลงทุนเป็นจำนวนเงิน 1.9 หมื่นล้านยูโรในช่วง 5 ปีข้างหน้า เพื่อรับมือกับค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นจากการปฏิบัติตามกฎระเบียบที่มีความเข้มงวดมากขึ้นในการควบคุมมลพิษจากการปล่อยไอเสีย

-- สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนเม.ย. พุ่งขึ้น 1.39 ดอลลาร์ หรือ 2.4% ปิดที่ 58.26 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดนับตั้งแต่ช่วงกลางเดือนพ.ย. 2561 หลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐลดลง 3.9 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว สวนทางนักวิเคราะห์ที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 3.3 ล้านบาร์เรล

-- ทางการจีนเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจหลายรายการในวันนี้ ซึ่งได้แก่ การผลิตภาคอุตสาหกรรมในช่วงเดือนม.ค.-ก.พ. ขยายตัว 5.3% เมื่อเทียบเป็นรายปี, ยอดค้าปลีกในช่วงเดือนม.ค.-ก.พ.ขยายตัว 8.2% เมื่อเทียบเป็นรายปี, การลงทุนในสินทรัพย์ถาวรช่วงเดือนม.ค.-ก.พ. ขยายตัว 6.1% เมื่อเทียบเป็นรายปี และการลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์ของจีนในช่วงเดือนม.ค.-ก.พ.ปีนี้ ปรับตัวขึ้น 11.6%

-- จับตาข้อมูลเศรษฐกิจของประเทศต่างๆที่มีกำหนดเปิดเผยในวันนี้ ซึ่งได้แก่ อัตราเงินเฟ้อเดือนก.พ.ของเยอรมนี ขณะที่สหรัฐเตรียมเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ราคานำเข้าและราคาส่งออกเดือนก.พ. และยอดขายบ้านใหม่เดือนม.ค.

ส่วนในวันพรุ่งนี้ จีนเตรียมเปิดเผยดัชนีราคาบ้านเดือนก.พ., ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ประชุมนโยบายการเงินและแถลงมติอัตราดอกเบี้ย, อียูเตรียมเปิดเผยอัตราเงินเฟ้อเดือนก.พ. ขณะที่สหรัฐเตรียมเปิดเผยดัชนีภาคการผลิต (Empire State Manufacturing Index) เดือนมี.ค.จากเฟดนิวยอร์ก, การผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนก.พ. และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนมี.ค.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ