World Today: สรุปประเด็นน่าติดตามประจำวันที่ 9 เมษายน 2562

ข่าวเศรษฐกิจ Tuesday April 9, 2019 08:48 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบ 83.97 จุด หรือ 0.32% เมื่อคืนนี้ โดยได้รับแรงกดดันจากหุ้นโบอิ้งที่ร่วงลงอย่างหนัก หลังจากทางบริษัทประกาศแผนลดการผลิตเครื่องบินรุ่น 737 นอกจากนี้ ดัชนีดาวโจนส์ได้รับปัจจัยลบจากการดิ่งลงของหุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมและกลุ่มสายการบิน อย่างไรก็ตาม ดัชนี S&P500 ดีดตัวขึ้นปิดในแดนบวก หลังจากหุ้นกลุ่มพลังงานพุ่งขึ้นตามทิศทางราคาน้ำมันดิบ ขณะที่นักลงทุนจับตารายงานผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน ซึ่งรวมถึงเจพีมอร์แกน เชส แอนด์ โค และเวลส์ ฟาร์โก ที่มีกำหนดเปิดเผยผลประกอบการในสัปดาห์นี้

หุ้นโบอิ้งปิดตลาดร่วงลง 4.4% หลังจากบริษัทประกาศแผนลดการผลิตเครื่องบินโบอิ้งรุ่น 737 สืบเนื่องมาจากเครื่องบินโบอิ้ง 737 MAX 8 เที่ยวบิน ET 302 ของสายการบินเอธิโอเปียนแอร์ไลน์ ประสบอุบัติเหตุตกเมื่อเดือนมี.ค.ที่ผ่านมา จนทำให้มีผู้เสียชีวิตรวม 157 ราย โดยเครื่องบินดังกล่าวเป็นรุ่นเดียวกับของสายการบินไลอ้อนแอร์ ซึ่งตกเมื่อเดือนต.ค.ปีที่แล้ว และคร่าชีวิตผู้โดยสารทั้งหมด 189 ราย

-- รัฐสภาอังกฤษอนุมัติข้อเสนอให้มีการเลื่อนกำหนดวันที่อังกฤษต้องถอนตัวออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) ในการประชุมเมื่อวานนี้ ซึ่งส่งผลให้นางเทเรซา เมย์ นายกรัฐมนตรี จำเป็นต้องเลื่อนวัน Brexit จากกำหนดเดิม

สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ในขณะที่อังกฤษใกล้ถึงกำหนด Brexit ในวันที่ 12 เม.ย.นั้น นางเมย์จะต้องยื่นขอสหภาพยุโรป (EU) ให้ขยายเวลาการบังคับใช้มาตรา 50 ออกไปอีก เพื่อหลีกเลี่ยง Brexit แบบไร้ข้อตกลง

ทั้งนี้ ข้อเสนอดังกล่าวได้ผ่านการอนุมัติของสภาสามัญชนเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา และได้ผ่านการอนุมัติของสภาขุนนางเมื่อคืนวานนี้

-- นักลงทุนจับตาการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางยุโรป (ECB )ในวันพุธนี้ ท่ามกลางการคาดการณ์ที่ว่า ที่ประชุม ECB จะส่งสัญญาณชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย หลังจาก นายมาริโอ ดรากี ประธาน ECB ได้ออกมาส่งสัญญาณก่อนหน้านี้ว่า ECB พร้อมที่จะชะลอการขึ้นดอกเบี้ยออกไปอีก หากพิจารณาเห็นว่าจำเป็น โดยอาจมองหามาตรการที่จะช่วยบรรเทาผลกระทบข้างเคียงของอัตราดอกเบี้ยติดลบ

ส่วนเมื่อเดือนมี.ค.ที่ผ่านมา ECB ได้ประกาศปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจยูโรโซนในปีนี้สู่ระดับ 1.1% จากเดิมที่คาดการณ์ในเดือนธ.ค.ปีที่แล้วว่าเศรษฐกิจจะขยายตัว 1.7%

-- บริษัทซาอุดี อารามโค ซึ่งเป็นบริษัทน้ำมันใหญ่ที่สุดในโลก ได้รับคำสั่งซื้อ 7.5 หมื่นล้านดอลลาร์ในการเสนอขายพันธบัตรครั้งแรก ซึ่งอัตราผลตอบแทนพันธบัตร อาจลดลงเท่ากับหรือต่ำกว่าอัตราผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลซาอุดิอาระเบีย ทั้งนี้ บริษัทอารามโคเสนอขายพันธบัตร 6 งวด ตั้งแต่อายุ 3-30 ปี

-- นายลาร์รี่ ฟิงค์ ซีอีโอของบริษัทแบล็คร็อค อิงค์เปิดเผยว่า เขาจะทำให้แบล็คร็อคเป็นหนึ่งในบริษัทจัดการสินทรัพย์ชั้นนำของจีน ในการขยายธุรกิจไปนยังต่างประเทศ โดยนายฟิงค์คาดว่า ในช่วง 5 ปีข้างหน้า อุตสาหกรรมจัดการสินทรัพย์ในภูมิภาคเอเชียจะมีการขยายตัว 50% โดยส่วนใหญ่อยู่ในประเทศจีน

-- สหภาพยุโรป (EU) กำลังพิจารณาข้อเสนอสำหรับอังกฤษเกี่ยวกับระยะเวลาของการขยายกำหนดเส้นตายการถอนตัวของอังกฤษออกจาก EU (Brexit) โดยมีแนวโน้มที่ EU จะเสนอเลื่อน Brexit จากกำหนดเดิมในวันที่ 12 เม.ย. ไปเป็นวันที่ 30 มิ.ย. 2562 หรือ 1 เม.ย. 2563

-- บริษัทเทสลา อิงค์ ประกาศปรับลดพนักงานขายทั่วสหรัฐ หลังจากเปิดเผยรายงานยอดขายที่น่าผิดหวัง โดยเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา เทสลาสั่งปลดพนักงานขายหลายสิบรายในชิคาโก บรูคลิน นิวยอร์ค และ เมืองแทมปา รัฐฟลอริดา ขณะที่นายอีลอน มัสก์ ซีอีโอของเทสลาเปิดเผยว่า บริษัทมีเป้าหมายที่จะประหยัดเงินทุนด้วยการตัดสินใจปิดโชว์รูมบางแห่ง และสนับสนุนการสั่งซื้อเฉพาะทางออนไลน์นั้น

-- ธนาคารโลกและกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) จะเริ่มการประชุมฤดูใบไม้ผลิ ตั้งแต่วันที่ 12-14 เม.ย.

-- สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญที่มีการรายงานเมื่อคืนนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า คำสั่งซื้อภาคโรงงานของสหรัฐปรับตัวลดลง 0.5% ในเดือนก.พ. ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลง 0.6% และเมื่อเทียบรายปี ยอดสั่งซื้อภาคโรงงานเพิ่มขึ้น 2.4% ในเดือนก.พ.

ขณะที่ยอดสั่งซื้อสินค้าทุนพื้นฐาน ที่ไม่รวมหมวดอาวุธและเครื่องบิน ขยับลง 0.1% ในเดือนก.พ. โดยยอดสั่งซื้อดังกล่าวได้รับการจับตาว่าเป็นมาตรวัดความเชื่อมั่น และแผนการใช้จ่ายในภาคธุรกิจ

-- จับตาข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญในวันนี้ โดยออสเตรเลียจะรายงานยอดการปล่อยกู้เพื่อซื้อบ้านเดือนก.พ. ขณะที่สหรัฐจะรายงานตัวเลขการเปิดรับสมัครงานและอัตราการหมุนเวียนของแรงงาน (JOLTS) เดือนก.พ.

ส่วนในวันพรุ่งนี้ เกาหลีใต้จะเปิดเผยอัตราว่างงานเดือนมี.ค. ขณะที่ญี่ปุ่นเตรียมเปิดเผยดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนมี.ค.และยอดสั่งซื้อเครื่องจักรเดือนก.พ. ทางด้านสหรัฐเตรียมเปิดเผยอัตราเงินเฟ้อเดือนมี.ค., สต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่งเดือนก.พ. และรายงานการประชุมประจำเดือนมี.ค.ของคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (FOMC)


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ