World Today: สรุปประเด็นน่าติดตามประจำวันที่ 17 เมษายน 2562

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday April 17, 2019 09:32 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวก 67.89 จุด หรือ 0.26% เมื่อคืนนี้ โดยได้แรงหนุนจากผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทจดทะเบียน ซึ่งรวมถึงจอห์นสัน แอนด์ จอห์สัน ขณะที่หุ้นกลุ่มพลังงานดีดตัวขึ้นตามทิศทางราคาน้ำมัน WTI นอกจากนี้ ข้อมูลเศรษฐกิจที่สดใสของสหรัฐยังเป็นอีกปัจจัยที่ช่วยหนุนตลาดเช่นกัน

-- ทางการจีนเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจหลายรายการในช่วงเช้านี้ โดยผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 1/2562 ขยายตัว 6.4% เทียบรายปี คิดเป็นมูลค่า 21.3433 ล้านล้านหยวน (ประมาณ 3.18 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ)

โดย GDP เดือนม.ค.-มี.ค.ปีนี้ ขยายตัวในอัตราเดียวกับในช่วงไตรมาส 4/2561 ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ว่า GDP ไตรมาสแรกของจีนจะขยายตัวในอัตรา 6.3%

ขณะที่การผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนมี.ค.ขยายตัว 8.5% เมื่อเทียบเป็นรายปี ส่วนการผลิตภาคอุตสาหกรรมในไตรมาส 1/2562 ของจีนขยายตัว 6.5% เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งเพิ่มขึ้นจากช่วงเดือนม.ค.-ก.พ.ที่มีการขยายตัวเพียง 5.3%

สำหรับยอดค้าปลีกเดือนมี.ค.ขยายตัว 8.7% เทียบรายปี และการลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์ของจีนในช่วงไตรมาสแรกปีนี้ ปรับตัวขึ้น 11.8% เทียบรายปี ซึ่งเพิ่มขึ้นจากช่วง 2 เดือนแรกปีนี้ที่มีการขยายตัว 11.6%

-- ชาวอินโดนีเซียเริ่มออกไปเลือกตั้งประธานาธิบดีในวันนี้ ซึ่งนับเป็นการเลือกตั้งครั้งแรกในรอบ 5 ปี ท่ามกลางการคาดการณ์ที่ว่า นายโจโค วิโดโด ประธานาธิบดีคนปัจจุบัน จะมีชัยชนะเหนือคู่แข่งอย่างนายปราโบโว ซูเบียนโต อดีตนายพลแห่งกองทัพอินโดนีเซีย

นอกจากนี้ ชาวอินโดนีเซียจะเลือกสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกสภาระดับจังหวัดและเทศบาล และสมาชิกสภาผู้แทนระดับภูมิภาค

ทั้งนี้ คาดว่าคณะกรรมการจัดการเลือกตั้งของรัฐบาลกลางอินโดนีเซียจะประกาศผลการเลือกตั้งอย่างเป็นทางการในวันที่ 22 พ.ค.นี้

-- มหาเศรษฐี ภาคธุรกิจ และภาครัฐ ให้คำมั่นบริจาคเงินรวมหลายร้อยล้านยูโรเพื่อใช้ในการบูรณะฟื้นฟูมหาวิหารน็อทร์-ดาม ซึ่งเป็นสถาปัตยกรรมแบบกอทิกยุคกลาง อายุเก่าแก่ 850 ปีให้ฟื้นกลับคืนมาใหม่ หลังจากที่เกิดเหตุการณ์เพลิงไหม้ในวันจันทร์จนได้รับความเสียหายอย่างหนัก โดยเฉพาะส่วนยอดแหลมของวิหารที่พังทลายลงมาท่ามกลางสายตาของของประชาชนและนักท่องเที่ยวจำนวนมาก

ด้านประธานาธิบดีเอมมานูเอล มาครอง ให้คำมั่นว่าจะสร้างมหาวิหารกลับขึ้นมาอีกครั้งภายในระยะเวลา 5 ปี

-- บริษัท ควอลคอมม์ และแอปเปิล อิงค์ เปิดเผยว่า ทั้งสองบริษัทเห็นพ้องที่จะยกเลิกการฟ้องร้องคดีทั้งหมดที่เกิดขึ้นทั่วโลกระหว่าง 2 บริษัท โดยควอลคอมม์ระบุในแถลงการณ์ว่า ทางแอปเปิลจะชดใช้ค่าเสียหายให้กับควอลคอมม์

ทั้งสองบริษัทยังได้บรรลุข้อตกลงด้านลิขสิทธิ์ระยะเวลา 6 ปี ซึ่งมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย. 2562 รวมถึงทางเลือกในการขยายสิทธิระยะเวลา 2 ปี และสัญญาการจัดหาชิปเซ็ตเป็นเวลาหลายปี นอกจากนี้ ทั้งสองบริษัทจะยกเลิกและถอนฟ้องคดีความทางกฎหมายทั้งหมด ซึ่งรวมถึงสัญญาผู้ผลิตของแอปเปิล

ก่อนหน้านี้ สื่อต่างๆรายงานว่า แอปเปิลได้ฟ้องร้องควอลคอมม์ฐานละเมิดลิขสิทธิ์ พร้อมเรียกร้องให้ควอลคอมม์จ่ายเงินชดเชยเป็นจำนวน 2.7 หมื่นล้านดอลลาร์ ขณะที่ควอลคอมม์ก็ได้ออกมาโต้ว่า แอปเปิลและพันธมิตรทางธุรกิจรายอื่น ๆ ไม่ยอมจ่ายค่าลิขสิทธิ์ และขอเรียกเงินชดใช้ค่าเสียหายที่ 1.5 หมื่นล้านดอลลาร์

-- สมาคมผู้สร้างบ้านแห่งชาติ (NAHB) ของสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้สร้างบ้านปรับตัวขึ้น 1 จุด แตะที่ระดับ 63 ในเดือนเม.ย. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 6 เดือน และสอดคล้องกับการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์

ดัชนีความเชื่อมั่นยังคงอยู่สูงกว่าระดับ 50 ซึ่งบ่งชี้ถึงมุมมองโดยทั่วไปที่เป็นบวก

ขณะที่ดัชนีภาวะยอดขายในปัจจุบันเพิ่มขึ้น 1 จุด สู่ระดับ 69 จุด ส่วนดัชนีคาดการณ์ยอดขายในช่วง 6 เดือนข้างหน้า ลดลง 1 จุด สู่ระดับ 71 จุด

-- กระทรวงการคลังญี่ปุ่นเปิดเผยในวันนี้ว่า ญี่ปุ่นมียอดเกินดุลการค้าในเดือนมี.ค.ที่ระดับ 5.285 แสนล้านเยน

รายงานของกระทรวงระบุว่า ยอดส่งออกเดือนมี.ค.ปรับตัวลดลง 2.4% เมื่อเทียบเป็นรายปี ขณะที่ยอดนำเข้าเพิ่มขึ้น 1.1%

อย่างไรก็ตาม ตลอดปีงบประมาณ 2561 ญี่ปุ่นมียอดขาดดุลการค้าทั้งสิ้น 1.59 ล้านล้านเยน สำนักข่าวเกียวโดรายงาน

-- ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) รายงานเมื่อวานนี้ว่า การผลิตภาคอุตสาหกรรมของสหรัฐปรับตัวลงในเดือนมี.ค. หลังผลผลิตเหมืองแร่ลดลง ขณะที่ผลผลิตในภาคการผลิตทรงตัว ท่ามกลางการชะลอตัวของเศรษฐกิจทั่วโลกและสถานการณ์ตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐกับจีน

เฟดเปิดเผยว่า การผลิตภาคอุตสาหกรรมของสหรัฐ ซึ่งรวมผลผลิตในภาคการผลิต เหมืองแร่ และสาธารณูปโภค ลดลง 0.1% ในเดือนมี.ค. หลังจากปรับตัวขึ้น 0.1% ในเดือนก.พ.

ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนมี.ค. จะปรับตัวขึ้น 0.1% จากเดือนก่อนหน้า

-- สำนักงานสถิติแห่งชาติ (ONS) เปิดเผยเมื่อวานนี้ว่า อัตราการว่างงานในสหราชอาณาจักรอยู่ที่ระดับ 3.9% ในช่วงสามเดือนจนถึงก.พ. ซึ่งเป็นระดับต่ำที่สุดนับตั้งแต่ปี 2518

รายงานระบุว่า จำนวนคนว่างงานลดลง 27,000 คน สู่ระดับ 1.34 ล้านคน

ส่วนจำนวนคนที่มีงานทำเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 32.7 ล้านคน โดยเพิ่มขึ้น 179,000 คน

ขณะที่ค่าจ้างรายสัปดาห์เฉลี่ย ไม่รวมโบนัส เพิ่มขึ้น 3.4%

ด้านค่าจ้าง รวมโบนัส และมีการปรับตามเงินเฟ้อ เพิ่มขึ้น 1.5% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งถือเป็นตัวเลขที่สูงที่สุดนับตั้งแต่ฤดูร้อนปี 2559

-- ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจยุโรป หรือ ZEW เปิดเผยเมื่อวานนี้ว่า ดัชนีความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจของเยอรมนีปรับตัวขึ้นติดต่อกันเป็นเดือนที่ 6 โดยเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 3.1 ในเดือนเม.ย. จากระดับ -3.6 ในเดือนมี.ค. ดีกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 0.8

ดัชนีที่อยู่เหนือระดับ 0.0 บ่งชี้มุมมองที่เป็นบวก หรือหมายความว่าในบรรดาผู้ที่ร่วมตอบแบบสำรวจนั้น จำนวนผู้ที่มีมุมมองบวกมีมากกว่าจำนวนผู้ที่มีมุมมองลบ ซึ่งถือเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนมี.ค.ปีที่แล้ว ที่ตัวเลขดังกล่าวอยู่ในแดนบวก และถือเป็นระดับสูงที่สุดในรอบกว่าหนึ่งปี

นายอาคิม แวมบาค ผู้อำนวยการ ZEW ระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นได้รับแรงหนุนจากความหวังที่ว่าสภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจทั่วโลกจะไม่แย่อย่างที่คิดไว้ก่อนหน้านี้ นอกจากนี้ การเลื่อนเส้นตาย Brexit ออกไป ยังอาจจะมีส่วนช่วยหนุนแนวโน้มเศรษฐกิจอีกด้วย

อย่างไรก็ดี ดัชนีความเชื่อมั่นต่อภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบัน ลดลงสู่ระดับ 5.5 ในเม.ย. จากระดับ 11.0 ในเดือนมี.ค. ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะลดลงสู่ระดับ 8.0

-- นายโช ยุน รมช.ต่างประเทศของเกาหลีใต้เปิดเผยว่า นายวลาดิมีร์ ทิตอฟ รมช.ต่างประเทศของรัสเซียได้ยืนยันว่า ได้เตรียมการประชุมซัมมิตระหว่างประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูตินแห่งรัสเซีย และนายคิม จอง อึน ผู้นำเกาหลีเหนือ

นายโชเปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า นายทิตอฟ ได้ระบุย้ำการประกาศก่อนหน้านี้ของทำเนียบประธานาธิบดีว่า รัสเซียได้เตรียมการมานานแล้วสำหรับการประชุมซัมมิตครั้งแรกระหว่างปธน.ปูตินกับนายคิม

ทั้งนี้ นายโชและนายทิตอฟได้จัดการเจรจาทางการทูตระดับสูงของสองประเทศครั้งที่ 7 ในกรุงมอสโก เพื่อหารือประเด็นทวิภาคี รวมถึงความพยายามสร้างสันติภาพอย่างต่อเนื่องบนคาบสมุทรเกาหลี

-- จับตาข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญที่มีกำหนดการเปิดเผยในวันนี้ได้แก่ อัตราเงินเฟ้อเดือนมี.ค.ของอังกฤษและอียู ดุลการค้าเดือนก.พ.ของอียูและสหรัฐ ตลอดจนสต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่งเดือนก.พ.ของสหรัฐ สต็อกน้ำมันรายสัปดาห์จากสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA) และรายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจ หรือ Beige Book จากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งมีกำหนดการเปิดเผยในช่วงเช้าของวันที่ 18 เม.ย. ตามเวลาไทย

ส่วนในวันพรุ่งนี้ ธนาคารกลางเกาหลีใต้มีกำหนดการแถลงมติอัตราดอกเบี้ย ขณะที่ออสเตรเลียเตรียมเปิดเผยอัตราว่างงานเดือนมี.ค. เยอรมนีเตรียมเปิดเผยดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนมี.ค. ด้านมาร์กิตจะเปิดเผยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตและภาคบริการเบื้องต้นเดือนเม.ย.ของเยอรมนี, ฝรั่งเศส, อียู และสหรัฐ ส่วนอังกฤษเตรียมเปิดเผยยอดค้าปลีกเดือนมี.ค. และสหรัฐเตรียมเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ดัชนีการผลิตเดือนเม.ย.จากเฟดฟิลาเดลเฟีย, ยอดค้าปลีกเดือนมี.ค. รวมถึงสต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเดือนก.พ.


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ