World Today: สรุปประเด็นน่าติดตามประจำวันที่ 30 เมษายน 2562

ข่าวเศรษฐกิจ Tuesday April 30, 2019 09:26 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวก 11.06 จุด หรือ 0.04% เมื่อคืนนี้ เนื่องจากนักลงทุนขานรับตัวเลขการใช้จ่ายผู้บริโภคของสหรัฐที่พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบเกือบ 10 ปี รวมทั้งความหวังที่ว่า เจรจาการค้ารอบใหม่ระหว่างสหรัฐและจีนจะมีความคืบหน้า ขณะที่นักลงทุนจับตาการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งจะเปิดฉากขึ้นในวันนี้

-- นักลงทุนยังจับตาการประชุมนโยบายการเงินของซึ่งจะจัดการประชุมเป็นเวลา 2 วัน โดยจะเริ่มประชุมในวันที่ 30 เม.ย. และจะแถลงมติการประชุมในวันที่ 1 พ.ค. ตามเวลาสหรัฐ หรือในช่วงเช้าตรู่ของวันที่ 2 พ.ค.ตามเวลาไทย

ด้านนักวิเคราะคาดการณ์ว่า คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ของเฟด จะคงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่ระดับ 2.25-2.50% ในการประชุมครั้งนี้

-- ตลาดการเงินยังคงติดตามการเจรจาการค้ารอบใหม่ระหว่างสหรัฐและจีน โดยนายสตีเวน มนูชิน รมว.คลังสหรัฐ กล่าวว่า การเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีนกำลังเข้าสู่ขั้นตอนสุดท้าย พร้อมระบุว่า การเจรจามีความคืบหน้าเป็นอย่างมาก

ทั้งนี้ นายมนูชิน และนายโรเบิร์ต ไลท์ไฮเซอร์ ผู้แทนการค้าสหรัฐ มีกำหนดเจรจาการค้ารอบใหม่ร่วมกับนายหลิว เหอ รองนายกรัฐมนตรีจีน ที่กรุงปักกิ่งในวันนี้ โดยการเจรจาในครั้งนี้จะครอบคลุมถึงประเด็นต่างๆ อาทิ ทรัพย์สินทางปัญญา การบังคับถ่ายโอนเทคโนโลยี อุปสรรคด้านการค้าที่ไม่ใช่ภาษี ภาคบริการ การจัดซื้อ และการปฏิรูปโครงสร้าง

-- โบอิ้งออกแถลงการณ์ยอมรับว่า ระบบแจ้งเตือนในห้องนักบินซึ่งจะแจ้งให้นักบินทราบถึงความผิดปกติของเซ็นเซอร์ที่เชื่อมโยงกับอุบัติเหตุร้ายแรงสองครั้งที่ผ่านมานั้น ไม่ทำงานในเครื่อง 737 MAX ทุกเครื่อง โดยโบอิ้งระบุว่า ทางบริษัทไม่ได้ปิดระบบเตือนดังกล่าว แต่ระบบจะทำงานเฉพาะบนเครื่องที่มีจอแสดงผลแยกต่างหาก โบอิ้งกำลังดำเนินการเพื่อโน้มน้าวให้บรรดาสายการบินและผู้ควบคุมกฏระเบียบเชื่อมั่นว่า เครื่องบินรุ่น 737 MAX จะมีความปลอดภัย ทันทีที่มีการติดตั้งซอฟท์แวร์ MCAS ที่ได้รับการอัพเดทแล้ว

-- อัลฟาเบท ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของกูเกิลรายงานว่า รายได้ในไตรมาสแรกต่ำกว่าคาด ซึ่งทำให้เกิดความวิตกว่า ผู้ลงโฆษณาได้ย้ายไปลงทุนกับคู่แข่งของกูเกิล โดยยอดขายโฆษณาของกูเกิลอยู่ที่ 2.95 หมื่นล้านดอลลาร์ ขณะที่ตลาดวอลล์สตรีทคาดไว้ที่ 3.004 หมื่นล้านดอลลาร์ ทั้งนี้ ราคาหุ้นอัลฟาเบทร่วงกว่า 7% ในการซื้อขายช่วงท้ายตลาด

-- อินโดนีเซียวางแผนที่จะย้ายเมืองหลวงจากกรุงจาการ์ตา ซึ่งจะใช้เวลาถึง 10 ปี และใช้งบประมาณสูงถึง 3.3 หมื่นล้านดอลลาร์ โดยประธานาธิบดีโจโก วิโดโด ได้สั่งการให้บรรดารัฐมตรีวางแผนด้านการเงินสำหรับการย้ายเมืองหลวงดังกล่าว ซึ่งภาคเอกชนจะมีบทบาทสำคัญในการลงทุน

ทั้งนี้ คาดว่าจะมีการโยกย้ายที่ทำการรัฐบาล กระทรวง และรัฐสภา ขณะที่ธนาคารกลางและหน่วยงานด้านการค้าและการลงทุนจะยังคงอยู่ในกรุงจาการ์ตาต่อไป

-- บริษัทอนาดาร์โค ปิโตรเลียม เปิดเผยในวันนี้ว่า บริษัทจะเริ่มเจรจากับบริษัทออคซิเดนทัล ปิโตรเลียม หลังจากที่ออคซิเดนทัลประกาศซื้อกิจการอนาดาร์โค ด้วยการเสนอวงเงินที่สูงกว่าบริษัทเชฟรอน โดยก่อนหน้านี้ อนาดาร์โคบรรลุข้อตกลงวงเงิน 3.3 หมื่นล้านดอลลาร์ในการขายกิจการให้แก่เชฟรอน และหากอนาดาร์โคตัดสินใจขายกิจการให้แก่ออคซิเดนทัล อนาดาร์โคก็จะต้องจ่ายค่าฉีกสัญญาจำนวน 1 พันล้านดอลลาร์ให้แก่เชฟรอน

ทั้งนี้ ออคซิเดนทัลเสนอซื้อหุ้นอนาดาร์โคที่ระดับ 76 ดอลลาร์/หุ้น สูงกว่าระดับ 65 ดอลลาร์ของเชฟรอน โดยผู้ถือหุ้นอนาดาร์โค จะได้รับหุ้นออคซิเดนทัลจำนวน 0.6094 หุ้น และเงินสด 38 ดอลลาร์สำหรับทุกๆ 1 หุ้นของอนาดาร์โค โดยข้อเสนอของออคซิเดนทัลคิดเป็นวงเงิน 3.8 หมื่นล้านดอลลาร์ หรือ 5.7 หมื่นล้านดอลลาร์ หากรวมหนี้สินของอนาดาร์โค

-- พระราชพิธีสละราชสมบัติของสมเด็จพระจักรพรรดิอากิฮิโตะ พระชนมายุ 85 พรรษา ซึ่งเป็นประมุของค์แรกของญี่ปุ่นที่สละราชสมบัติในรอบกว่า 200 ปี จะเริ่มขึ้นในวันนี้ (30 เม.ย.) โดยใช้เวลา 10 นาที ช่วง 17.00-17.10 น. และจะมีการถ่ายทอดสดทางโทรทัศน์ และมีการรักษาความปลอดภัยเข้มงวด และจะเป็นพระราชพิธีเปลี่ยนรัชกาลและรัชสมัยจาก "เฮเซ" เป็น "เรวะ" ของราชวงศ์ญี่ปุ่น

-- นายแลร์รี่ คุดโลว์ ที่ปรึกษาฝ่ายเศรษฐกิจประจำทำเนียบขาว กล่าวว่า ทำเนียบขาวยังคงให้การสนับสนุนนายสตีเฟน มัวร์ เข้าดำรงตำแหน่งในคณะกรรมการธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) แม้มีข่าวอื้อฉาวเกี่ยวกับการดูถูกสตรีก่อนหน้านี้

นอกจากนี้ นายคุดโลว์ยังกล่าวว่า ทำเนียบขาวกำลังสัมภาษณ์ผู้สมัครอีกหลายรายสำหรับตำแหน่งที่สองที่ว่างลงในเฟด หลังจากที่ นายเฮอร์แมน เคน อดีตผู้บริหารบริษัทพิซซ่าซึ่งเคยเป็นผู้อำนวยการเฟดสาขาแคนซัส ซิตี้ ในช่วงทศวรรษ 1990 ได้ประกาศถอนตัวจากกระบวนการเสนอชื่อก่อนหน้านี้

ทางด้านนายมัวร์ ซึ่งเป็นผู้ที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ได้เสนอชื่อให้เข้าดำรงตำแหน่งในคณะกรรมการเฟด กล่าวว่า เขากำลังเผชิญกับ "แคมเปญใส่ร้าย" แต่เขามั่นใจว่าตนเองจะสามารถผ่านพ้นวิกฤตนี้ไปได้ และจะได้รับการเสนอชื่ออย่างเป็นทางการ

-- นางคริสติน ลาการ์ด ผู้อำนวยการกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) กล่าวว่า ตนหวังว่าสหรัฐและจีนจะสามารถบรรลุข้อตกลงทางการค้าในที่สุด

ส่วนนายสตีเวน มนูชิน รมว.คลังสหรัฐ กล่าวว่า การเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีนกำลังเข้าสู่ขั้นตอนสุดท้าย

"ผมคิดว่าทั้งสองฝ่ายมีความต้องการที่จะบรรลุข้อตกลง โดยเรามีความคืบหน้าเป็นอย่างมาก" นายมนูชินกล่าว ก่อนที่สหรัฐและจีนจะเปิดฉากเจรจาการค้ารอบใหม่ในสัปดาห์นี้ที่กรุงปักกิ่ง

ทั้งนี้ นายมนูชิน และนายโรเบิร์ต ไลท์ไฮเซอร์ ผู้แทนการค้าสหรัฐ มีกำหนดเจรจาการค้ารอบใหม่ร่วมกับนายหลิว เหอ รองนายกรัฐมนตรีจีน ที่กรุงปักกิ่งในวันพรุ่งนี้ โดยการเจรจาในครั้งนี้จะครอบคลุมถึงประเด็นต่างๆ อาทิ ทรัพย์สินทางปัญญา การบังคับถ่ายโอนเทคโนโลยี อุปสรรคด้านการค้าที่ไม่ใช่ภาษี ภาคบริการ การจัดซื้อ และการปฏิรูปโครงสร้าง

-- นางคริสติน ลาการ์ด ผู้อำนวยการกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) กล่าวว่า ตนไม่คาดว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะเข้าสู่ภาวะถดถอย หลังจากมีการเปิดเผยในสัปดาห์ที่แล้วว่า เศรษฐกิจสหรัฐมีการขยายตัว 3.2% ในไตรมาสแรก ซึ่งมากกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์

ก่อนหน้านี้ นักวิเคราะห์มีความกังวลเกี่ยวกับการขยายตัวของเศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะการชะลอตัวของจีนและยุโรป และแนวโน้มที่ว่าภาวะกระทิงของตลาดหุ้นสหรัฐอาจสิ้นสุดลง หลังจากดีดตัวขึ้นในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา นางลาการ์ดกล่าวว่า การขยายตัวของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของสหรัฐในไตรมาสแรกจะทำให้มีการประเมินภาวะเศรษฐกิจสหรัฐครั้งใหม่

-- บริษัทซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ เปิดเผยในวันนี้ว่า กำไรสุทธิในไตรมาสแรกของบริษัทร่วงลง 56.9% แตะที่ระดับ 5.04 ล้านล้านวอน (ประมาณ 4.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) เนื่องจากราคาชิปหน่วยความจำปรับตัวลดลง และความต้องการหน้าจอที่อ่อนแรงลง

กำไรสุทธิช่วงเดือนม.ค.-มี.ค.2562 เป็นระดับต่ำที่สุดนับตั้งแต่ไตรมาสสามของปี 2559

ส่วนกำไรจากการดำเนินงานในไตรมาสแรกของซัมซุง ร่วงลง 60.1% เมื่อเทียบรายปี แตะที่ระดับ 6.2 ล้านล้านวอน ขณะที่ยอดขายลดลง 13.5% แตะที่ 52.4 ล้านล้านวอน

-- สำนักงานสถิติแห่งชาติจีน (NBS) รายงานในวันนี้ว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเดือนเม.ย. อยู่ที่ระดับ 50.1 ลดลงจากระดับ 50.5 ในเดือนมี.ค.

ส่วนดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการบริการเดือนเม.ย. อยู่ที่ระดับ 54.3 ลดลงจากระดับ 54.8 ในเดือนมี.ค.

-- ข้อมูลเศรษฐกิจที่น่าจับตาในวันนี้ได้แก่ เยอรมนีเปิดเผยความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนพ.ค.จากสถาบัน GfK อัตราว่างงานเดือนเม.ย.และอัตราเงินเฟ้อเดือนเม.ย. อังกฤษเปิดเผยดัชนีราคาบ้านเดือนเม.ย.จากเนชั่นไวด์ อียูเปิดเผยผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 1/2562 และอัตราว่างงานเดือนมี.ค. ส่วนสหรัฐเปิดเผยดัชนีราคาบ้านเดือนก.พ.โดยเอสแอนด์พี/เคส-ชิลเลอร์ ยอดทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) เดือนมี.ค. และความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนเม.ย.จาก Conference Board

สำหรับการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจวันพรุ่งนี้ได้แก่ เกาหลีใต้เปิดเผยยอดนำเข้า ยอดส่งออก และดุลการค้าเดือนเม.ย. อังกฤษเปิดเผยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเดือนเม.ย.จากมาร์กิต และสหรัฐเปิดเผยตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนเดือนเม.ย.จาก ADP ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเดือนเม.ย.จากมาร์กิต ดัชนีภาคการผลิตเดือนเม.ย. จากสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) และคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (FOMC) แถลงมติอัตราดอกเบี้ย (เช้าวันที่ 2 พ.ค.)


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ