นางซาราห์ แซนเดอร์ส โฆษกทำเนียบขาว เปิดเผยว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐ และประธานาธิบดีสี จิ้นผิงของจีน จะตัดสินใจว่าจะจัดประชุมร่วมกันเพื่อทำข้อตกลงการค้าหรือไม่ หลังจากการเจรจาการค้าระหว่างเจ้าหน้าที่สหรัฐกับจีนเสร็จสิ้นลงในสัปดาห์หน้า โดยทางสหรัฐเชื่อว่าการประชุมสุดยอดระหว่างผู้นำสหรัฐกับจีนมีแนวโน้มที่จะเกิดขึ้น
ขณะที่หนังสือพิมพ์โกลบอลไทมส์ ซึ่งเป็นสื่อที่ได้รับการสนับสนุนจากพรรคคอมมิวนิสต์จีน รายงานในบทวิเคราะห์ว่า ผู้สังเกตการณ์จำนวนมากไม่มั่นใจว่ากระบวนการดังกล่าวจะเผชิญกับทางตันหรือไม่ เมื่อพิจารณาจากผลการเจรจาในสัปดาห์นี้ที่ไม่มีการเปิดเผยรายละเอียด
คณะเจรจาการค้าของสหรัฐและจีนได้เสร็จสิ้นการเจรจาการค้าที่กรุงปักกิ่งเมื่อวันพุธที่ 1 พ.ค.ที่ผ่านมา และทั้งสองฝ่ายจะหารือกันในรอบต่อไปที่กรุงวอชิงตันในสัปดาห์หน้า
สำหรับการเจรจาในสัปดาห์นี้ นายสตีเวน มนูชิน รมว.คลังสหรัฐ และนายโรเบิร์ต ไลท์ไฮเซอร์ ผู้แทนการค้าสหรัฐ ได้เจรจาการค้าร่วมกับนายหลิว เหอ รองนายกรัฐมนตรีจีน โดยการเจรจาครอบคลุมถึงประเด็นต่างๆ อาทิ ทรัพย์สินทางปัญญา การบังคับถ่ายโอนเทคโนโลยี อุปสรรคด้านการค้าที่ไม่ใช่ภาษี ภาคบริการ การจัดซื้อ และการปฏิรูปโครงสร้าง
แหล่งข่าวระบุว่า ประเด็นที่ทั้งสองฝ่ายยังไม่สามารถบรรลุข้อตกลง ได้แก่ การบังคับใช้กลไกตรวจสอบการปฏิบัติตามข้อตกลง และการกำหนดกรอบเวลาในการยกเลิกการเรียกเก็บภาษีต่อสินค้านำเข้าของจีน ซึ่งทางจีนระบุว่า การบังคับใช้กลไกตรวจสอบการปฏิบัติตามข้อตกลง ควรจะเป็นการดำเนินการทั้งสองฝ่าย มิใช่การตรวจสอบจีนแต่เพียงฝ่ายเดียว
นอกจากนี้ สหรัฐยังกดดันจีนให้เปิดตลาดแก่บริษัทสหรัฐมากยิ่งขึ้น รวมทั้งทำการปฏิรูปเศรษฐกิจ