World Today: สรุปประเด็นน่าติดตามประจำวันที่ 10 พฤษภาคม 2562

ข่าวเศรษฐกิจ Friday May 10, 2019 09:35 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

เจ้าหน้าที่สหรัฐและจีนได้เริ่มเปิดฉากการเจรจารอบใหม่วันแรกเมื่อเวลา 17.00 น.ของวันพฤหัสบดีตามเวลาสหรัฐ หรือเวลา 04.00 น.ของวันนี้ตามเวลาไทย โดยการเจรจาของทั้งสองฝ่ายซึ่งจะจัดขึ้นเป็นเวลาสองวันที่กรุงวอชิงตัน มีเป้าหมายที่จะหลีกเลี่ยงการทำสงครามการค้าระหว่างกัน

การเจรจาดังกล่าวเกิดขึ้นในขณะที่คณะทำงานของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ขู่ขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจีนวงเงิน 2 แสนล้านดอลลาร์ สู่ระดับ 25% จากเดิมที่ระดับ 10% โดยจะมีผลตั้งแต่ช่วงเที่ยงคืนของวันศุกร์ตามเวลาสหรัฐ รวมทั้งจะมีการเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีนวงเงิน 3.25 แสนล้านดอลลาร์ในอัตรา 25% ในไม่ช้า

ด้านทางการจีนระบุว่า จีนพร้อมตอบโต้สหรัฐในลักษณะเดียวกัน แต่นักวิเคราะห์มองว่า วิธีการโต้ตอบแบบตาต่อตาฟันต่อฟันอาจไม่ใช่ทางออกที่จีนเลือก เนื่องจากจีนมีอาวุธทางการเงินเพื่อต่อกรกับสหรัฐ อาทิ การกักตุนพันธบัตร หรือค่าเงินหยวน

ขณะเดียวกัน ปธน.ทรัมป์ได้ออกมากล่าวว่า เขาได้รับ "จดหมายที่มีความงดงาม" จากประธานาธิบดีสี จิ้นผิง และมีความเป็นไปได้ที่การเจรจาของทั้งสองฝ่ายจะบรรลุผลสำเร็จ

-- บริษัท อูเบอร์ เทคโนโลยีส์ อิงค์ ผู้ให้บริการรถโดยสารรับส่งผ่านแอปพลิเคชัน ระดมทุนได้ 8.1 พันล้านดอลลาร์ ในการเสนอขายหุ้นต่อสาธารณชนเป็นครั้งแรก (IPO) หลังกำหนดราคาหุ้นใกล้ระดับต่ำสุดของช่วงราคาเสนอขาย

แถลงการณ์ของบริษัทระบุว่า อูเบอร์เสนอขายหุ้นจำนวน 180 ล้านหุ้น ที่ราคาหุ้นละ 45 ดอลลาร์ หลังเสนอขายในช่วงราคา 44-50 ดอลลาร์ต่อหุ้น

-- ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลง 138.97 จุด หรือ 0.54% เมื่อคืนนี้ (9 พ.ค.) เนื่องจากนักลงทุนยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของสงครามการค้า หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐ ระบุว่า จีนไม่ยอมทำตามข้อตกลงที่เคยให้ไว้ในระหว่างการเจรจาการค้าร่วมกับสหรัฐ ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้สหรัฐประกาศขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากจีน โดยความกังวลในเรื่องดังกล่าวได้ฉุดหุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมและกลุ่มผู้ผลิตชิพร่วงลง

-- คณะกรรมการกลางกำกับดูแลกิจการสื่อสารของสหรัฐ (FCC) ได้มีมติด้วยคะแนน 5-0 เพื่อออกคำสั่งห้ามไม่ให้บริษัทไชน่า โมบายล์ ซึ่งเป็นผู้ให้บริการโทรคมนาคมยักษ์ใหญ่ของจีน ดำเนินธุรกิจในสหรัฐ นอกจากนี้ ทางคณะกรรมการยังอยู่ระหว่างการพิจารณาเอกสารอนุญาตที่ก่อนหน้านี้เคยมอบให้แก่บริษัทโทรคมนาคมของจีนอีก 2 รายอย่างไชน่า เทเลคอม และไชน่า ยูนิคอมด้วย

ทางการสหรัฐได้ให้เหตุผลในการสั่งห้ามครั้งนี้ว่า ไชน่า โมบายล์ เป็นบริษัทที่รัฐบาลจีนสามารถใช้เป็นช่องทางฉกฉวยผลประโยชน์จากเครือข่ายโทรคมนาคมของสหรัฐเพื่อขโมยข้อมูลลับ ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลของหน่วยงานรัฐบาลสหรัฐ หรือบริษัทอื่น ๆ ที่อาศัยเครือข่ายของสหรัฐ

-- ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์กล่าวเมื่อวานนี้ว่า เขารู้สึกไม่พอใจที่ได้ยินข่าวว่า เกาหลีเหนือได้ทำการยิงขีปนาวุธพิสัยใกล้ 2 ลูกเมื่อวานนี้

"มันเป็นขีปนาวุธขนาดเล็ก พิสัยใกล้ ไม่มีใครยินดีในเรื่องนี้" ปธน.ทรัมป์กล่าว

"ความสัมพันธ์ของเรายังคงดำเนินต่อไป พวกเขาต้องการเจรจา แต่ผมไม่คิดว่าพวกเขาพร้อมที่จะเจรจา" เขากล่าว

ปธน.ทรัมป์ยังเปรียบเทียบการเจรจาที่ชะงักงันกับเกาหลีเหนือ เหมือนกับการเจรจาการค้ากับจีนในขณะนี้

-- สกุลเงินลีราของตุรกีทรุดตัวลงแตะ 6.24 เทียบดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 8 เดือนเมื่อคืนนี้ ท่ามกลางความกังวลในตลาด หลังจากที่คณะกรรมการการเลือกตั้งของตุรกีประกาศจัดการเลือกตั้งครั้งใหม่ในนครอิสตันบูล ตามความต้องการของพรรคความยุติธรรมและการพัฒนา (AKP) ซึ่งเป็นพรรครัฐบาลของตุรกี ซึ่งได้อ้างว่า มีการทุจริตในการเลือกตั้งดังกล่าว

ก่อนหน้านี้ คณะกรรมการการเลือกตั้งระบุว่า นายอีเครม อิมาโมกูล ซึ่งเป็นผู้สมัครจากพรรคฝ่ายค้าน สามารถชนะการเลือกตั้งในนครอิสตันบูล ขณะที่พรรค AKP สูญเสียเก้าอี้นายกเทศมนตรี หลังจากที่ครองอำนาจในนครอิสตันบูลเป็นเวลา 25 ปี

คณะกรรมการการเลือกตั้งกำหนดการเลือกตั้งครั้งใหม่ในวันที่ 23 มิ.ย.

-- บริษัทเชฟรอน ซึ่งเป็นบริษัทพลังงานใหญ่เป็นอันดับ 2 ของสหรัฐ แถลงเมื่อวานนี้ว่า ทางบริษัทจะไม่เสนอวงเงินใหม่ในการซื้อกิจการบริษัทอนาดาร์โค ปิโตรเลียม ซึ่งเป็นบริษัทด้านการสำรวจและผลิตน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ

การตัดสินใจดังกล่าวของเชฟรอนบ่งชี้ว่า บริษัทออคซิเดนทัล ปิโตรเลียมจะเป็นผู้ชนะในการซื้อกิจการอนาดาร์โค

อย่างไรก็ดี เชฟรอนจะได้รับเงินจำนวน 1 พันล้านดอลลาร์จากอนาดาร์โค ซึ่งจะถือเป็นค่าฉีกสัญญา หลังจากที่อนาดาร์โคได้บรรลุข้อตกลงในการขายกิจการให้แก่เชฟรอน ก่อนที่จะเปลี่ยนใจขายกิจการให้แก่ออคซิเดนทัล เนื่องจากเสนอวงเงินสูงกว่าเชฟรอน

-- จับตาข้อมูลเศรษฐกิจในวันนี้ โดยเยอรมนีเปิดเผยดุลการค้าเดือนมี.ค. และความเชื่อมั่นทางธุรกิจเดือนพ.ค.จากสถาบัน ZEW ขณะที่อังกฤษเตรียมเปิดเผยผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 1/2562 และการผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนมี.ค. ส่วนสหรัฐจะเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนเม.ย.


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ