World Today: สรุปประเด็นน่าติดตามประจำวันที่ 15 พฤษภาคม 2562

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday May 15, 2019 09:38 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิววยอร์กปิดดีดตัวขึ้นกว่า 200 จุดเมื่อคืนนี้ เนื่องจากนักลงทุนเข้าช้อนซื้อเก็งกำไรหลังจากตลาดร่วงลงอย่างหนักเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา โดยหุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมและกลุ่มเทคโนโลยีนำตลาดพุ่งขึ้น ขณะเดียวกันนักลงทุนยังคงจับตาความคืบหน้าในการแก้ไขความขัดแย้งทางการค้าระหว่างสหรัฐและจีน โดยล่าสุดประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐ ระบุว่า สหรัฐกำลังอยู่ในสถานะที่ดีขึ้นในการทำข้อตกลงกับจีน

-- ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ออกมาแสดงมุมมองที่ค่อนข้างบวกเกี่ยวกับการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีน โดยปธ.ทรัมป์ได้ทวีตข้อความเมื่อคืนนี้ว่า สหรัฐกำลังอยู่ในสถานะที่ดีขึ้นในการทำข้อตกลงกับจีน ขณะที่เม็ดเงินหลายพันล้านดอลลาร์กำลังไหลกลับสู่สหรัฐ

"เรากำลังอยู่ในสถานะที่ดีขึ้นในการทำข้อตกลง ขณะที่เม็ดเงินหลายพันล้านดอลลาร์ และการจ้างงานกำลังกลับสู่สหรัฐ โดยหลายประเทศกำลังเจรจากับเรา เพราะไม่ต้องการให้สิ่งนี้เกิดขึ้น ซึ่งผู้นำของเราควรจะทำเรื่องนี้มาหลายปีแล้ว" ข้อความในทวิตเตอร์ระบุ

-- ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ยังคงเดินหน้ากดดันให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ปรับลดอัตราดอกเบี้ย โดยล่าสุดได้ทวีตข้อความว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ควรปรับลดอัตราดอกเบี้ย เพื่อให้สหรัฐเป็นฝ่ายชนะในการทำสงครามการค้ากับจีน

"จีนกำลังอัดฉีดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ และอาจทำการปรับลดอัตราดอกเบี้ย เหมือนอย่างที่เคยทำ เพื่อชดเชยแก่ภาคธุรกิจที่กำลังสูญเสียในการทำสงครามการค้า ซึ่งถ้าเฟดปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพื่อรับมือกับจีน นี่ก็จะถือเป็นการจบเกม เราชนะ ขณะที่จีนต้องการจะทำข้อตกลงการค้า" ข้อความในทวิตเตอร์ระบุ

-- ตลาดการเงินจับตาข้อมูลเศรษฐกิจจีนในช่วงเช้านี้ โดยสำนักงานสถิติแห่งชาติจีน (NBS) รายงานว่า การผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนเม.ย.ปรับตัวขึ้น 5.4% เมื่อเทียบเป็นรายปี แต่ต่ำกว่าที่ตลาดคาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้น 6.5%

ขณะที่ยอดค้าปลีกเดือนเม.ย. ปรับตัวขึ้น 7.2% เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งน้อยกว่าที่ตลาดคาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้น 8.6%

ส่วนการลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์ของจีนในช่วง 4 เดือนแรกปีนี้ ปรับตัวขึ้น 11.9% เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากช่วงเดือนม.ค.-มี.ค.ที่มีการขยายตัว 11.8% ขณะที่การลงทุนในสินทรัพย์ถาวรในช่วง 4 เดือนแรกปีนี้ ปรับตัวขึ้น 6.1% เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งน้อยกว่าที่ตลาดคาดการณ์ว่าจะขยายตัว 6.4%

-- ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ออกมาปฏิเสธรายงานข่าวของหนังสือพิมพ์นิวยอร์ก ไทม์สซึ่งระบุว่า เจ้าหน้าที่รักษาความมั่นคงระดับสูงของสหรัฐกำลังพิจารณาที่จะส่งกำลังทหารกว่า 120,000 นายเข้าไปประจำการที่ตะวันออกกลางเพื่อต่อสู้กับอิหร่าน

ปธน.ทรัมป์กล่าวกับผู้สื่อข่าวที่ทำเนียบขาวว่า "นี่เป็นข่าวปลอม สำหรับคำถามที่ว่าผมจะทำหรือไม่นั้น แน่นอนว่าผมคงทำ แต่เรายังไม่มีแผนการดังกล่าวในตอนนี้"

หนังสือพิมพ์นิวยอร์ก ไทม์ส รายงานเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาว่า นายแพทริค ชานาฮาน รักษาการรัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมสหรัฐ ได้เสนอแผนกลยุทธ์ต่อเจ้าหน้าที่ความมั่นคงของรัฐบาลปธน.ทรัมป์ โดยจะมีการส่งกองกำลังทหารทั้งหมด 120,000 นายไปประจำการในตะวันออกกลาง เพื่อรับมือกับการโจมตีของอิหร่านหรือการใช้อาวุธนิวเคลียร์

-- บิตคอยน์พุ่งขึ้นเหนือระดับ 8,000 ดอลลาร์เมื่อคืนนี้ หลังจากดีดตัวเหนือ 7,000 ดอลลาร์เมื่อวานนี้ ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นมากที่สุดเป็นอันดับ 2 ในปีนี้ โดยหากพิจารณาตั้งแต่ต้นปีนี้ บิตคอยน์ทะยานขึ้นแล้วมากกว่า 120%

นักวิเคราะห์รายหนึ่งระบุว่า มีแนวโน้มว่าการดีดตัวของบิตคอยน์ได้แรงหนุนจากการที่นักลงทุนของจีนได้เข้าซื้อบิตคอยน์เพื่อกระจายความเสี่ยงในการลงทุน

นอกจากนี้ บิตคอยน์ยังได้ปัจจัยหนุนจากข่าวลือที่ว่า บริษัทฟิเดลิตี อินเวสเมนท์ ซึ่งเป็นหนึ่งในบริษัทจัดการสินทรัพย์รายใหญ่ที่สุดในโลก จะเริ่มทำการซื้อขายสกุลเงินดิจิทัลสำหรับนักลงทุนสถาบัน

-- สำนักงานสถิติแห่งชาติของอังกฤษ (ONS) เปิดเผยว่า อัตราการว่างงานในอังกฤษลดลงสู่ระดับ 3.8% ในไตรมาสแรก ซึ่งเป็นระดับต่ำที่สุดนับตั้งแต่ปี 2517

ONS ยังเปิดเผยว่า อัตราการว่างงานของผู้หญิงในอังกฤษลดลงสู่ระดับ 3.7% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ปี 2514 ส่วนอัตราการว่างงานของผู้ชายอยู่ที่ระดับ 3.9% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ปี 2518

ขณะที่ประสิทธิภาพในการผลิตของแรงงานลดลง 0.2% ในไตรมาสแรก เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว โดยเป็นการปรับตัวลงติดต่อกัน 3 ไตรมาส

ส่วนตัวเลขค่าจ้างรายสัปดาห์ ซึ่งรวมถึงโบนัส เพิ่มขึ้น 3.2% ในไตรมาสแรก

-- สำนักงานสถิติแห่งชาติเกาหลีใต้เปิดเผยว่า อัตราว่างงานเดือนเม.ย.เพิ่มขึ้นสู่ระดับ 4.4% จากระดับ 4.3% ในเดือนมี.ค. ซึ่งบ่งชี้ว่า ตลาดแรงงานของเกาหลีใต้ยังคงซบเซา ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลง

รายงานระบุว่า อัตราว่างงานเดือนเม.ย.ที่ระดับ 4.4% นั้น ถือเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนเม.ย.ปี 2543 และหากเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว อัตราว่างงานเดือนเม.ย.ปรับตัวขึ้น 0.3%

ส่วนตัวเลขจ้างงานในเดือนเม.ย.อยู่ที่ระดับ 27.03 ล้านตำแหน่ง เพิ่มขึ้น 171,000 ตำแหน่ง จากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว

-- กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีราคานำเข้าขยับขึ้นเพียง 0.2% เมื่อเทียบรายเดือน ในเดือนเม.ย. หลังจากเพิ่มขึ้น 0.6% ในเดือนมี.ค. เนื่องจากถูกกดดันจากการที่ราคาสินค้าทุนร่วงลงมากที่สุดในรอบ 10 ปี ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่าดัชนีราคานำเข้าจะพุ่งขึ้น 0.7% ในเดือนเม.ย.

ส่วนดัชนีราคานำเข้าพื้นฐาน ซึ่งไม่รวมหมวดอาหารและพลังงาน ลดลง 0.3% ในเดือนเม.ย. และดัชนีราคาส่งออกเพิ่มขึ้น 0.2% ในเดือนเม.ย. เมื่อเทียบรายเดือน

-- เจพีมอร์แกนเปิดเผยว่า เป็นเรื่องยากที่นางเทเรซา เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ จะสามารถดำรงตำแหน่งได้เกินกว่าสิ้นเดือนมิ.ย.

"ถึงแม้คุณเมย์มีทักษะที่น่าประทับใจในการเอาตัวรอด แต่เราคาดการณ์ว่าเวลากำลังจะหมดลงสำหรับการเป็นหัวหน้าพรรคอนุรักษ์นิยมของเธอ"

"ในมุมมองของเรา เป็นเรื่องยากที่คุณเมย์จะดำรงตำแหน่งได้เกินกว่าสิ้นเดือนมิ.ย." เจพีมอร์แกนระบุในบทวิเคราะห์สำหรับลูกค้า

ทางด้านหน่วยงานซึ่งเป็นตัวแทนสาขาของพรรคอนุรักษ์นิยมทั่วอังกฤษได้เรียกร้องให้ทางพรรคจัดการประชุมฉุกเฉินในช่วงกลางเดือนมิ.ย.เพื่อให้มีการลงคะแนนเสียงไม่ไว้วางใจนางเมย์ เนื่องจากไม่พอใจต่อการดำเนินการเกี่ยวกับการแยกตัวของอังกฤษออกจากสหภาพยุโรป (Brexit)

-- ด้านข้อมูลเศรษฐกิจที่มีกำหนดการเปิดเผยวันนี้ ได้แก่ ดุลการค้าเดือนเม.ยของอินโดนีเซีย ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 1/2562 (ประมาณการครั้งที่ 2) ของอียู รวมถึงยอดค้าปลีก, การผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนเม.ย., ดัชนีภาคการผลิต (Empire State Manufacturing Index) เดือนพ.ค.จากเฟดนิวยอร์ก, สต็อกสินค้าภาคธุรกิจเดือนมี.ค. ดัชนีตลาดที่อยู่อาศัยเดือนพ.ค.จากสมาคมผู้สร้างบ้านแห่งชาติ (NAHB) ของสหรัฐ ตลอดจนสต็อกน้ำมันรายสัปดาห์จากสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA)

ส่วนในวันพรุ่งนี้ ญี่ปุ่นเตรียมเปิดเผยดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนเม.ย. ออสเตรเลียเตรียมเปิดเผย อัตราว่างงานเดือนเม.ย. จีนเตรียมเปิดเผยดัชนีราคาบ้านเดือนเม.ย. ด้านธนาคารกลางอินโดนีเซียเตรียมจัดประชุมนโยบายการเงินและแถลงมติอัตราดอกเบี้ย ส่วนอียูเตรียมเปิดเผยดุลการค้าเดือนมี.ค. และสหรัฐจะเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านและการอนุญาตก่อสร้างเดือนเม.ย. รวมถึงดัชนีการผลิตเดือนพ.ค.จากเฟดฟิลาเดลเฟีย


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ