สหประชาชาติ (UN) ได้ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวทางเศรษฐกิจทั่วโลกในปี 2562 และ 2563 เนื่องจากความตึงเครียดด้านการค้าที่ยังไม่ได้รับการแก้ไข ความไม่แน่นอนระดับสูงในด้านนโยบายระหว่างประเทศ และความเชื่อมั่นทางธุรกิจที่อ่อนตัวลง
UN ระบุในรายงานสถานการณ์และแนวโน้มเศรษฐกิจโลกรอบครึ่งปีว่า หลังจากเศรษฐกิจโลกขยายตัว 3.0% ในปี 2561 UN คาดการณ์ในขณะนี้ว่า การขยายตัวของผลิตภัณฑ์มวลรวมของโลก จะชะลอลงสู่ 2.7% ในปี 2562 และ 2.9% ในปี 2563 ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงการปรับลดตัวเลขคาดการณ์ที่เคยเปิดเผยไปเมื่อเดือนม.ค.
รายงานของ UN ระบุว่า แนวโน้มการขยายตัวทางเศรษฐกิจในประเทศที่พัฒนาแล้วทั้งหมด และประเทศกำลังพัฒนาส่วนใหญ่ อ่อนตัวลง เนื่องจากผลกระทบของปัจจัยทั้งภายในและภายนอกประเทศ
รายงานยังได้ระบุถึงปัจจัยเสี่ยงขาลงหลายปัจจัย ซึ่งอาจทำให้เศรษฐกิจโลกชะลอตัวมากยิ่งขึ้น หรือยืดเยื้อมากขึ้น และมีแนวโน้มที่จะสร้างความเสียหายอย่างมากต่อความคืบหน้าในการพัฒนา
ความเสี่ยงเหล่านี้ รวมถึงการขยายตัวของความตึงเครียดด้านการค้า การถดถอยลงอย่างฉับพลันด้านการเงิน และผลกระทบที่เพิ่มขึ้นอันเนื่องมาจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ท่ามกลางความขัดแย้งทางการค้าที่ยังไม่ได้รับการแก้ไข และภาษีนำเข้าที่เพิ่มขึ้นนั้น UN ได้ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของการค้าโลกลงเหลือ 2.7% ในปี 2562 ซึ่งชะลอตัวลงอย่างมากจาก 3.4% ในปี 2561
รายงานระบุว่า ระยะเวลาที่ยืดเยื้อมากยิ่งขึ้นของกิจกรรมการค้าระหว่างประเทศที่อ่อนแอ อาจส่งผลกระทบต่อแนวโน้มการลงทุน และส่งผลกระทบเชิงลบต่อการขยายตัวของประสิทธิภาพการผลิตในระยะกลาง
รายงานดังกล่าวยังตั้งข้อสังเกตด้วยว่า ในการรับมือกับการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลงและเงินเฟ้อที่ซบเซานั้น ธนาคารกลางขนาดใหญ่ในโลก ได้ผ่อนคลายท่าทีในการดำเนินนโยบายการเงิน โดยการเปลี่ยนแปลงนโยบายการเงินในช่วงที่ผ่านมาได้ช่วยสร้างเสถียรภาพให้กับตลาดการเงินโลก และกระแสเงินทุนไหลเข้าสู่ประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่
นายดอว์น ฮอลแลนด์ หัวหน้าฝ่ายตรวจสอบเศรษฐกิจโลกของแผนกกิจการด้านเศรษฐกิจและสังคมของ UN ได้แสดงความวิตกเกี่ยวกับแรงกดดันด้านค่าจ้าง อันเนื่องมาจากความตึงเครียดด้านการค้า "ในประเทศต่างๆ ที่อัตราการว่างงานอยู่ในระดับต่ำมากซึ่งรวมถึงสหรัฐนั้น ขณะนี้ เราได้เห็นแรงกดดันในตลาดแรงงาน และการขาดแคลนแรงงาน"
นายเอลเลียต แฮร์ริส หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของ UN และผู้ช่วยเลขาธิการด้านการพัฒนาเศรษฐกิจกล่าวว่า "จำเป็นต้องมีนโยบายที่ครอบคลุมและกำหนดเป้าหมายมากยิ่งขึ้น เพื่อรับมือกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจในปัจจุบัน
นายแฮร์ริสกล่าวว่า มีความชัดเจนมากขึ้นว่า นโยบายที่จะส่งเสริมการพัฒนาอย่างยั่งยืน จำเป็นจะต้องมองข้ามการขยายตัวของ GDP และ กำหนดมาตรการใหม่ๆที่แข็งแกร่งมากขึ้นในการสนับสนุนประสิทธิภาพทางเศรษฐกิจ ซึ่งจะสะท้อนต้นทุนของความไม่เท่าเทียม ความไม่มั่นคง และการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศได้อย่างเหมาะสม
หลิน หยวน
สำนักข่าวซินหัวรายงาน