World Today: สรุปประเด็นน่าติดตามประจำวันที่ 10 มิถุนายน 2562

ข่าวเศรษฐกิจ Monday June 10, 2019 09:09 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้น 263.28 จุด หรือ 1.02% เมื่อวันศุกร์ (7 มิ.ย.) เนื่องจากนักลงทุนคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในไม่ช้านี้ หลังจากตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรเดือนพ.ค.ของสหรัฐขยายตัวน้อยกว่าคาดการณ์

ทั้งนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้นเพียง 75,000 ตำแหน่งในเดือนพ.ค. โดยต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ระดับ 180,000 ตำแหน่ง และต่ำกว่าระดับ 224,000 ตำแหน่งในเดือนเม.ย. โดยนับเป็นครั้งที่ 2 ในรอบ 4 เดือนที่การจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้นน้อยกว่า 100,000 ตำแหน่ง

ส่วนอัตราการว่างงานทรงตัวที่ระดับ 3.6% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนธ.ค.2512 สอดคล้องกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้

-- ดาวโจนส์ฟิวเจอร์เคลื่อนไหวในแดนบวกช่วงเช้านี้ ขานรับรายงานข่าวที่ว่า สหรัฐสามารถบรรลุข้อตกลงกับเม็กซิโกเพื่อหลีกเลี่ยงการเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากเม็กซิโก

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐเปิดเผยเมื่อวันศุกร์ว่า สหรัฐได้บรรลุข้อตกลงกับเม็กซิโกแล้ว เพื่อหลีกเลี่ยงการเก็บภาษีสินค้านำเข้าทั้งหมดจากเม็กซิโกในวันจันทร์ที่ 10 มิ.ย.นี้ โดยปธน.ทรัมป์ระบุว่า เขาจะระงับการเก็บภาษีนำเข้าสินค้าทั้งหมดจากเม็กซิโก เนื่องจากทั้งสองประเทศสามารถบรรลุข้อตกลงกันได้เกี่ยวกับประเด็นผู้อพยพ

ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 30 พ.ค.ที่ผ่านมา ปธน.ทรัมป์ได้ประกาศเรียกเก็บภาษีต่อสินค้าทั้งหมดที่นำเข้าจากเม็กซิโกในอัตรา 5% โดยจะเริ่มมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 10 มิ.ย. และจะเพิ่มขึ้นทุกเดือนจนแตะระดับ 25% ในวันที่ 1 ต.ค. ถ้าเม็กซิโกไม่สามารถสกัดการหลั่งไหลของผู้อพยพผิดกฎหมายที่ข้ามพรมแดนเข้าสู่สหรัฐ

-- ชาวฮ่องกงนับล้านคนได้ออกมาชุมนุมประท้วงเพื่อคัดค้านร่างกฎหมายส่งตัวผู้กระทำความผิดไปยังจีนแผ่นดินใหญ่ โดยผู้ชุมนุมมาจากหลากหลายภาคส่วน รวมทั้งภาคธุรกิจ กลุ่มศาสนา ภาคการศึกษา และสื่อมวลชน ซึ่งได้แสดงความกังวลเกี่ยวกับกรณีที่ว่า พวกเขาไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะถูกเจ้าหน้าที่จีนกล่าวหาว่าก่ออาชญากรรม และไม่ไว้วางใจในกระบวนการยุติธรรมของจีน

ทางด้านเพจเฟซบุ๊กของสถานกงสุลใหญ่ของไทย ณ เมืองฮ่องกง (Royal Thai Consulate-General, Hong Kong) ได้ประกาศเตือนคนไทยให้หลีกเลี่ยงการเดินทางไปในบริเวณที่มีการชุมนุมประท้วง

-- บริษัทยูไนเต็ด เทคโนโลยีส์ คอร์ป ซัพพลายเออร์ด้านการบินและอวกาศ ได้ประกาศซื้อกิจการของบริษัทเรย์เธียน ผู้ผลิตยุทโธปกรณ์ ในวงเงินรวมกัน 7.4 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อก่อตั้งบริษัทยักษ์ใหญ่ในแวดวงการบิน-อวกาศและยุทโธปกรณ์

แถลงการณ์ระบุว่า ข้อตกลงซื้อกิจการนี้ใช้หุ้นซื้อทั้งหมด โดยผู้ถือหุ้นรายปัจจุบันของยูไนเต็ด เทคโนโลยีส์ จะถือหุ้นส่วนใหญ่ของบริษัทที่จะควบรวมขึ้นใหม่ ซึ่งจะมีชื่อว่าบริษัทเรย์เธียน เทคโนโลยีส์ คอร์ป

ข้อตกลงดังกล่าวคาดว่าจะเสร็จสิ้นในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2563 เมื่อยูไนเต็ด เทคโนโลยีส์ แยกธุรกิจลิฟต์อย่างโอทิส และธุรกิจเครื่องปรับอากาศอย่างแคเรียร์ เป็นอันแล้วเสร็จ โดยนายเกร็ก เฮย์ส ซีอีโอของยูไนเต็ด เทคโนโลยีส์ จะรับหน้าที่เป็นซีอีโอของบริษัทใหม่ ขณะที่นายโทมัส เคนเนดี ซีอีโอของเรย์เธียน จะดำรงตำแหน่งประธานบริหาร

-- ที่ประชุมรัฐมนตรีจากชาติสมาชิกกลุ่ม G20 ได้เลี่ยงที่จะไม่ให้คำมั่นในการต่อสู้กับมาตรการคุ้มครองการค้าในแถลงการณ์ร่วมเมื่อวานนี้ ซึ่งแสดงให้เห็นความแตกแยกในเรื่องความสัมพันธ์ทางการค้า ขณะที่สหรัฐและจีนกำลังทำสงครามการค้า

แถลงการณ์ดังกล่าวมีขึ้น หลังบรรดารัฐมนตรีจากกลุ่มประเทศสมาชิก G20 ได้เข้าร่วมประชุมที่เมืองสึกูบะ เขตอิบารากิของญี่ปุ่นเมื่อวานนี้เป็นวันที่สอง เพื่อหารือเรื่องการค้าและเศรษฐกิจดิจิทัล โดยแถลงการณ์มีเนื้อหาว่า "การค้าและการลงทุนระหว่างประเทศควรเป็นกลไกสำคัญต่อไปในการขับเคลื่อนการเติบโต ผลิตภาพ นวัตกรรม การสร้างงาน และการพัฒนา"

อย่างไรก็ดี แถลงการณ์ดังกล่าวไม่ได้ให้คำมั่นในการต่อสู้กับมาตรการคุ้มครองการค้า เพียงแค่แสดงความกังวลถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้นเท่านั้น โดยผู้เข้าร่วมการประชุมบางรายได้แสดงความเต็มใจในการต่อสู้ลัทธิคุ้มครองการค้า แต่ก็มีรัฐมนตรีบางรายไม่เห็นด้วย จึงออกแถลงการณ์ร่วมในประเด็นนี้ไม่ได้

-- สำนักงานศุลกากรจีน (GAC) เปิดเผยในวันนี้ว่า ยอดส่งออกเดือนพ.ค.เพิ่มขึ้น 7.7% เมื่อเทียบรายปี สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 4.7% ขณะที่ยอดนำเข้าหดตัวลง 2.5% เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งสวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะขยายตัว 5.8% ส่งผลให้จีนมียอดเกินดุลการค้าที่ระดับ 2.7912 แสนล้านหยวน ซึ่งสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ระดับ 1.36 แสนล้านหยวน

หากพิจารณาในรูปสกุลเงินดอลลาร์ ยอดส่งออกของจีนเพิ่มขึ้น 1.1% สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลง 3.8% ขณะที่ยอดนำเข้าหดตัวลง 8.5% ซึ่งหดตัวมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะหดตัวเพียง 3.3% ส่งผลให้จีนมียอดเกินดุลการค้าที่ระดับ 4.165 หมื่นล้านดอลลาร์ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 2.32 หมื่นล้านดอลลาร์

-- สำนักงานคณะรัฐมนตรีญี่ปุ่นได้ปรับเพิ่มประมาณการการขยายตัวของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ประจำไตรมาส 1/2562 ขึ้นสู่ระดับ 2.2% จากตัวเลขประมาณการเบื้องต้นที่ระดับ 2.1% เนื่องจากตัวเลขการใช้จ่ายด้านทุนมีความแข็งแกร่ง

การปรับเพิ่มประมาณการตัวเลข GDP ของสำนักงานคณะรัฐมนตรีญี่ปุ่นนั้น สอดคล้องกับมุมมองของรัฐบาลที่ว่า เศรษฐกิจญี่ปุ่นซึ่งใหญ่เป็นอันดับ 3 ของโลก กำลังฟื้นตัวขึ้นเล็กน้อย แม้แนวโน้มเศรษฐกิจโลกยังคงไม่แน่นอน อันเนื่องมาจากข้อพิพาทการค้าระหว่างจีนและสหรัฐ

-- สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ทางการจีนได้เรียกตัวแทนจากบริษัทเทคโนโลยีต่างชาติเข้าพบเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นไมโครซอฟท์ เดลล์ ซัมซุง และเออาร์เอ็ม เพื่อพูดคุยกรณีที่สหรัฐได้สั่งแบนบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ของจีนอย่างบริษัทหัวเว่ย เทคโนโลยี่

รายงานข่าวระบุว่า แม้เจ้าหน้าที่จากรัฐบาลจีนไม่ได้เอ่ยชื่อหัวเว่ยโดยตรงหรือใช้คำพูดในลักษณะข่มขู่ แต่ก็เป็นที่เข้าใจกันว่าการพูดคุยดังกล่าวมีขึ้น เพื่อเตือนบริษัทเทคโนโลยีต่างชาติเกี่ยวกับผลลัพธ์ที่อาจเกิดขึ้นหากบริษัทเหล่านี้ปฏิบัติตามคำสั่งของสหรัฐ

การที่จีนยังไม่ใช้คำพูดในลักษณะข่มขู่ชัดเจนนั้นบ่งชี้ว่า จีนยังคงต้องอาศัยเทคโนโลยีของสหรัฐสักระยะหนึ่งก่อนที่จีนจะพัฒนาเทคโนโลยีทั้งหมดได้ด้วยตนเอง โดยการที่รัฐบาลจีนเรียกตัวแทนจากบริษัทต่าง ๆ เข้าพบนั้นไม่ใช่เรื่องผิดปกติ เพราะเป็นวิธีการในการชี้แจงมุมมองของจีนให้บริษัทเหล่านี้ทราบ

-- จับตาข้อมูลเศรษฐกิจของประเทศต่างๆในวันนี้ โดยอังกฤษเตรียมเปิดเผยดุลการค้าและการผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนเม.ย. และสหรัฐจะเปิดเผยตัวเลขการเปิดรับสมัครงานและอัตราการหมุนเวียนของแรงงาน (JOLTS) เดือนเม.ย.

ส่วนในวันพรุ่งนี้ ออสเตรเลียเตรียมเปิดเผยความเชื่อมั่นทางธุรกิจเดือนพ.ค.จากเนชั่นแนล ออสเตรเลีย แบงก์ (NAB) ขณะที่อังกฤษจะเปิดเผยอัตราว่างงานเดือนเม.ย. และสหรัฐจะเปิดเผยดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนพ.ค.


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ