World Today: สรุปประเด็นน่าติดตามประจำวันที่ 18 มิถุนายน 2562

ข่าวเศรษฐกิจ Tuesday June 18, 2019 08:41 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นักลงทุนจับตาการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันที่ 18-19 มิ.ย.นี้ ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งนี้

อย่างไรก็ดี ตลาดการเงินได้เพิ่มการคาดการณ์เกี่ยวกับการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของเฟดในปีนี้ หลังการเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานที่อ่อนแอของสหรัฐ ขณะที่เจ้าหน้าที่เฟดหลายราย ซึ่งรวมถึงนายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด ก็ได้ส่งสัญญาณการปรับลดอัตราดอกเบี้ย ท่ามกลางความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐและจีน

ทั้งนี้ FedWatch ซึ่งเป็นเครื่องมือวิเคราะห์ภาวะการซื้อขายสัญญาฟิวเจอร์อัตราดอกเบี้ยสหรัฐของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนคาดการณ์ว่า มีโอกาส 79% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยอย่างเร็วที่สุดในเดือนก.ค. และมีโอกาส 90% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนก.ย. และมีโอกาส 97% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยอีกครั้งในเดือนธ.ค.

-- เหตุการณ์ประท้วงในฮ่องกงได้ก่อให้เกิดคำถามว่า ฮ่องกงถูกปกครองภายใต้ระบบ 1 ประเทศ 2 ระบบ ตามที่มีการวางแผนไว้ ก่อนอังกฤษส่งมอบฮ่องกงคืนสู่จีนเมื่อ 22 ปีที่แล้วหรือไม่ โดยเมื่อวานนี้ จีนพยายามที่จะควบคุมข้อมูลข่าวสารต่างๆ ขณะที่สื่อของรัฐบาลจีนได้กล่าวหาว่าความวุ่นวายที่เกิดขึ้นในฮ่องกงเป็นผลมาจากการแทรกแซงของสหรัฐ

ส่วนโพสต์ใน Weibo ที่แสดงการสนับสนุนผู้ประท้วงได้ถูกลบออกไป ขณะที่บรรดาผู้ชุมนุมได้เรียกร้องให้นางแคร์รี ลัม ผู้ว่าการเขตบริหารพิเศษฮ่องกง ลาออกจากตำแหน่ง อย่างไรก็ดี ผู้สังเกตการณ์มองว่า แม้ว่านางลัมจะถูกขับไล่ แต่จีนก็ยังคงมีชัยชนะ

-- เจ้าหน้าที่ฮ่องกงคนหนึ่งกล่าวว่า รัฐบาลจีนจะไม่มีวันยอมให้นางแคร์รี ลัม ผู้ว่าการเขตบริหารพิเศษฮ่องกง ลาออกจากตำแหน่ง แม้ว่านางลัมต้องการที่จะลาออกก็ตาม

ทั้งนี้ กลุ่มผู้ประท้วงในฮ่องกงมากกว่า 2 ล้านคนพากันเรียกร้องให้นางลัมลาออกจากตำแหน่งเมื่อวานนี้ ขณะที่ผู้ประท้วงได้พากันปิดกั้นถนนด้านนอกอาคารที่ทำการสำนักงานของนางลัม เพื่อกดดันให้นางลัมลาออกจากตำแหน่ง

"สิ่งนี้จะไม่เกิดขึ้น นางลัมได้รับการแต่งตั้งจากรัฐบาลกลางของจีน ดังนั้นการลาออกของนางลัมจะต้องผ่านการพิจารณาหารือจากเจ้าหน้าที่ระดับสูงของจีน" เจ้าหน้าที่รายนี้กล่าว

แหล่งข่าวยังระบุว่า แม้ว่าทางการจีนให้การอนุมัติต่อการลาออกของนางลัม โดยมองว่าถึงเวลาที่นางลัมจะพ้นจากตำแหน่งแล้ว แต่กระบวนการสรรหาผู้นำฮ่องกงคนใหม่ที่ถูกควบคุมดูแลจากรัฐบาลจีน ก็จะกลายเป็นประเด็นถกเถียงกันอีกเกี่ยวกับประชาธิปไตยในฮ่องกง

-- นายเหริน เจิ้งเฟย ผู้ก่อตั้งบริษัทหัวเว่ย เทคโนโลยี่ของจีนเปิดเผยว่า การคว่ำบาตรของสหรัฐจะส่งผลกระทบต่อรายได้ของบริษัทราว 3 หมื่นล้านดอลลาร์ในช่วง 2 ปีข้างหน้า โดยขัดขวางการขยายตัวของหัวเว่ยด้วยการปิดกั้นการเข้าถึงเทคโนโลยีที่สำคัญของสหรัฐ และยอดขายของบริษัทอาจจะทรงตัวที่ราว 1 แสนล้านดอลลาร์ ขณะที่บริษัทตั้งเป้าที่จะรักษางบประมาณด้านการวิจัยและพัฒนา และหลีกเลี่ยงการปรับลดพนักงาน และการขายสินทรัพย์สำคัญของบริษัท

-- บริษัทโบอิ้งแถลงวานนี้ว่า ทางบริษัทไม่มีแผนที่จะเปลี่ยนชื่อรุ่น 737 MAX หลังจากที่มีรายงานว่า โบอิ้งเตรียมเปลี่ยนแปลงชื่อดังกล่าวเพื่อปรับปรุงแผนการตลาดในอนาคตสำหรับเครื่องบินรุ่นดังกล่าว

"เราพุ่งความสนใจในขณะนี้ไปยังการให้บริการที่ปลอดภัยของเครื่องบินตระกูล MAX และการได้รับความน่าเชื่อถือของสายการบิน และผู้โดยสาร" โฆษกของโบอิ้งระบุในแถลงการณ์

"เรายังคงเปิดกว้างต่อข้อมูลจากลูกค้า และผู้ถือหุ้น แต่เราไม่มีแผนที่จะเปลี่ยนชื่อรุ่น 737 MAX ในขณะนี้" โฆษกระบุ

สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานก่อนหน้านี้ โดยอ้างคำกล่าวของนายเกรก สมิธ หัวหน้าเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงินของโบอิ้ง ที่ว่า หากโบอิ้งจำเป็นต้องเปลี่ยนชื่อแบรนด์ ทางบริษัทก็จะดำเนินการดังกล่าว ขณะที่ผู้บริหารรายอื่นของโบอิ้งยืนยันว่าบริษัทยังไม่มีแผนยกเลิกการใช้ชื่อ MAX ในขณะนี้

ทางด้านประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์เคยเสนอคำแนะนำแก่โบอิ้งในวันที่ 15 เม.ย.ว่า บริษัทควร "รีแบรนด์" ชื่อ 737 MAX หลังจากที่เกิดอุบัติเหตุเครื่องบินตก 2 ครั้งจนส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก

-- องค์การสหประชาชาติเปิดเผยข้อมูลประชากรโลกระบุว่า จีนอาจสูญเสียตำแหน่งประเทศที่มีประชากรมากที่สุดในโลกในไม่ช้านี้ ขณะที่คาดว่าอินเดียจะขึ้นมาแทนที่จีนภายในปี 2570 และจะมีประชากรสูงสุดในปี 2603

ทั้งนี้ คาดว่าประชากรของจีนจะลดลง 375 ล้านคนภายในปี 2643 ส่วนประชากรในยุโรปจะลดลงราว 120 ล้านคนภายในปี 2643 จากระดับใกล้ 750 ล้านคนในปัจจุบัน สู่ระดับ 630 ล้านคน

-- มอร์แกน สแตนลีย์ออกบทวิเคราะห์ "Beyond the G20" ระบุว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจปรับลดอัตราดอกเบี้ยใกล้ 0% ภายในฤดูใบไม้ผลิปีหน้า ถ้าหากความสัมพันธ์ทางการค้าระหว่างสหรัฐและจีนยังคงย่ำแย่ลง และส่งผลกระทบทำให้เศรษฐกิจสหรัฐเข้าสู่ภาวะถดถอย

มอร์แกน สแตนลีย์ระบุว่า หากเกิดเหตุการณ์ดังกล่าว ดัชนี S&P 500 จะดิ่งลงสู่ระดับ 2,400 จุด หรือทรุดตัวลงเกือบ 500 จุด หรือ 17% จากระดับปัจจุบัน ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีจะร่วงลงสู่ระดับ 1.75% ในปีนี้ โดยปรับตัวลง 0.33% จากระดับปัจจุบัน

-- ยอดผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์แผ่นดินไหว 6 แมกนิจูด ที่มณฑลเสฉวน ทางตะวันตกเฉียงใต้ของจีน เมื่อคืนนี้ เพิ่มขึ้นเป็น 11 ราย และมีผู้บาดเจ็บ 122 ราย

แผ่นดินไหวครั้งนี้เกิดขึ้นในเขตฉางหนิง เมืองอี้ปิน มณฑลเสฉวน เมื่อเวลา 22.55 น.ตามเวลากรุงปักกิ่งเมื่อคืนนี้ โดยมีศูนย์กลางที่ระดับความลึก 16 กิโลเมตร ที่ละติจูด 28.34 องศาเหนือ และลองจิจูด 104.90 องศาตะวันออก

-- นายโมฮัมเหม็ด มอร์ซี อดีตประธานาธิบดีอียิปต์ ได้ถึงแก่อสัญกรรมภายในศาลที่กรุงไคโรเมื่อวานนี้ ในระหว่างที่ศาลกำลังพิจารณาคดี ในข้อหาจารกรรม

สถานีโทรทัศน์ของทางการอียิปต์รายงานว่า นายมอร์ซีได้ขออนุญาตจากศาลเพื่อลุกขึ้นพูด ซึ่งศาลอนุญาต แต่จากนั้นนายมอร์ซีเป็นลมล้มลง และถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล ขณะที่สื่อท้องถิ่นรายงานว่า นายมอร์ซีเกิดอาการหัวใจล้มเหลว และถึงแก่อสัญกรรรมในเวลาต่อมา

นายนาบิล ซาเดค อัยการของรัฐได้เปิดเผยในแถลงการณ์ว่า นายมอร์ซีได้ล้มลงในคอกจำเลย ในห้องพิจารณาคดี หลังจากที่เขาให้ปากคำต่อศาลได้เพียง 5 นาที ก่อนที่จะถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล จากนั้นทางโรงพยาบาลได้ประกาศการถึงแก่อสัญกรรมของนายมอร์ซี เมื่อเวลา 16.50 น.ตามเวลาท้องถิ่น หรือประมาณ 21.50 น.ตามเวลาไทยเมื่อคืนนี้

-- สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจที่มีกำหนดเปิดเผยในวันนี้ ออสเตรเลียเปิดเผยดัชนีราคาบ้านประจำไตรมาส 1/2562 ธนาคารกลางออสเตรเลียเปิดเผยรายงานการประชุม จีนเปิดเผยดัชนีราคาบ้านเดือนพ.ค. เยอรมนีเปิดเผยดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนพ.ค. และความเชื่อมั่นทางธุรกิจเดือนมิ.ย.จากสถาบัน ZEW อียูเปิดเผยดุลการค้าเดือนเม.ย. อัตราเงินเฟ้อเดือนพ.ค. และ ความเชื่อมั่นทางธุรกิจเดือนมิ.ย.จากสถาบัน ZEW สหรัฐเปิดเผยตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านและการอนุญาตก่อสร้างเดือนพ.ค.

ส่วนในวันพรุ่งนี้ ญี่ปุ่นเปิดเผยยอดนำเข้า ยอดส่งออก และดุลการค้าเดือนพ.ค. อังกฤษเปิดเผยอัตราเงินเฟ้อเดือนพ.ค. สหรัฐเปิดเผยสต็อกน้ำมันรายสัปดาห์จากสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA) และคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (FOMC) แถลงมติอัตราดอกเบี้ย (เช้าวันที่ 20 มิ.ย.)


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ