ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดในแดนบวกติดต่อกันเป็นวันที่ 3 เมื่อวันศุกร์ (12 ก.ค.) โดยดาวโจนส์ปิดพุ่งขึ้น 243.95 จุด หรือ 0.90% หลังจากถ้อยแถลงของนายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ยังคงส่งสัญญาณว่า เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนก.ค.
นายพาวเวลได้แถลงนโยบายการเงินและภาวะเศรษฐกิจสหรัฐรอบครึ่งปีต่อคณะกรรมาธิการบริการการเงินประจำสภาผู้แทนราษฎร และคณะกรรมาธิการการธนาคารประจำวุฒิสภา เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยกล่าวว่า เฟดจะดำเนินการอย่างเหมาะสมเพื่อรักษาการขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐ เนื่องจากในขณะนี้มีปัจจัยลบหลายประการ เช่น ความตึงเครียดทางการค้า และความวิตกต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจโลก กำลังถ่วงแนวโน้มเศรษฐกิจ
-- นักลงทุนในตลาดการเงินจับตาข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของจีนในช่วงเช้านี้ ซึ่งได้แก่ ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 2, การผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนมิ.ย., ยอดค้าปลีกเดือนมิ.ย. และการลงทุนในสินทรัพย์ถาวรเดือนมิ.ย.
ผลสำรวจความเห็นจากนักวิเคราะห์จำนวนหนึ่งระบุว่า GDP ไตรมาส 2 ของจีนมีแนวโน้มขยายตัว 6.2% ซึ่งชะลอลงจากไตรมาส 1 ที่มีการขยายตัว 6.4% โดยนักวิเคราะห์คาดว่า การชะลอตัวของ GDP อาจจะผลักดันให้ทางการจีนออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการคลัง
-- หนังสือพิมพ์วอลล์สตรีท เจอร์นัล รายงานโดยอ้างแหล่งข่าวว่า หัวเว่ย เทคโนโลยี่ ซึ่งเป็นบริษัทเทเลคอมรายใหญ่ของจีน วางแผนปลดพนักงานหลายร้อยคนในสหรัฐอเมริกา ในขณะที่ทางบริษัทกำลังเผชิญกับความยากลำบากในการทำธุรกิจ หลังจากถูกรัฐบาลสหรัฐแบล็คลิสต์
รายงานระบุว่า การปลดพนักงานครั้งนี้คาดว่าจะพุ่งเป้าไปที่ ฟิวเจอร์เว่ย เทคโนโลยี่ (Futurewei Technologies) บริษัทในเครือของหัวเว่ยที่ดำเนินกิจการด้านวิจัยและพัฒนาซึ่งตั้งอยู่ในสหรัฐ โดยปัจจุบัน บริษัทในเครือของหัวเว่ยแห่งนี้มีการจ้างพนักงานประมาณ 850 คนในรัฐต่างๆ ซึ่งรวมถึงรัฐเท็กซัส แคลิฟอร์เนีย และวอชิงตัน
แหล่งข่าวที่เปิดเผยกับวอลล์สตรีท เจอร์นัล ระบุว่า พนักงานชาวจีนของหัวเว่ยที่ทำงานในสหรัฐ ได้รับข้อเสนอทางเลือกให้เดินทางกลับประเทศจีน และยังสามารถทำงานในบริษัทต่อไปได้
-- เจ้าหน้าที่ตำรวจฮ่องกงได้จับกุมตัวผู้ประท้วงจำนวน 37 คน หลังจากผู้ประท้วงจำนวนมากได้ออกมาชุมนุมครั้งล่าสุดเมื่อวานนี้ เพื่อพยายามกดดันให้นางแคร์รี ลัม ลาออกจากตำแหน่งผู้ว่าการเขตปกครองพิเศษฮ่องกง
รายงานระบุว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เข้าเคลียร์พื้นที่บริเวณนิวทาวน์พลาซ่า และได้ปะทะกับผู้ชุมนุม โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับบาดเจ็บ 7 คน ขณะที่ผู้ชุมนุมได้รับบาดเจ็บจำนวนมาก ทั้งนี้ มีการประมาณการว่า จำนวนผู้ที่ออกมาชุมนุมครั้งล่าสุดนี้มีประมาณ 28,000 - 110,000 ราย
หนังสือพิมพ์ไฟแนนเชียล ไทมส์รายงานโดยอ้างแหล่งข่าวว่า นางลัมได้ยื่นหนังสือลาออกจากตำแหน่งเมื่อไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา แต่รัฐบาลจีนได้ปฏิเสธหนังสือลาออกดังกล่าว
-- สถานการณ์ระหว่างอิหร่านและอังกฤษยังคงตึงเครียด โดยล่าสุดนายฮามิด บาเอดิเนจ๊าด เอกอัครราชทูตอิหร่านประจำอังกฤษ ออกโรงเตือนอังกฤษให้ปล่อยเรือบรรทุกน้ำมันของอิหร่านที่ยึดไปเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว มิเช่นนั้นอิหร่านจะใช้มาตรการตอบโต้
นายบาเอดิเนจ๊าดกล่าวว่า อังกฤษละเมิดข้อบังคับด้านการเดินเรือด้วยการกระทำที่ผิดกฎหมายและการปล้นสะดมในทะเล
ทั้งนี้ เรือนาวิกโยธินของอังกฤษในช่องแคบยิบรอลตาร์ ได้รับคำสั่งจากทางการอังกฤษให้เข้ายึดเรือบรรทุกน้ำมันของอิหร่านที่กำลังมุ่งหน้าไปยังซีเรีย เนื่องจากละเมิดมาตรการคว่ำบาตรของสหภาพยุโรป (EU) อย่างไรก็ดี อิหร่านปฏิเสธว่าเรือลำดังกล่าวไม่ได้มุ่งหน้าไปยังซีเรีย
-- สมาชิกสภานิติบัญญัติของสหรัฐจากพรรคเดโมแครตเปิดเผยว่า ในวันที่ 24 ก.ค.นี้ นายโรเบิร์ต มูลเลอร์ อัยการพิเศษของสหรัฐ จะเข้าให้การกับคณะกรรมาธิการสภาผู้แทนราษฏรสหรัฐ 2 คณะที่เกี่ยวกับการสอบสอนเรื่องรัสเซียแทรกแซงการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐปี 2559 โดยเลื่อนจากกำหนดเดิมออกไป 1 สัปดาห์
นายมูลเลอร์ได้ตกลงที่จะเปิดเผยให้สาธารณชนได้รับทราบเกี่ยวกับการตรวจสอบกรณีรัสเซียในเดือนก.ค.นี้ โดยนายมูลเลอร์จะแถลงต่อคณะกรรมาธิการด้านการพิจารณาคดีตามกฎหมายและข่าวกรองของสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ หลังจากที่คณะกรรมาธิการฯได้เรียกตัวเข้าพบ
-- สื่อต่างประเทศรายงานโดยอ้างแหล่งข่าวว่า คณะกรรมาธิการการค้าของรัฐบาลกลางสหรัฐ (FTC) ได้อนุมัติสั่งปรับบริษัทเฟซบุ๊ก อิงค์ เป็นเงินราว 5 พันล้านดอลลาร์ในสัปดาห์นี้เกี่ยวกับคดีสอบสวนเรื่องการจัดการข้อมูลผู้ใช้งานเฟซบุ๊ก
FTC ได้ทำการสอบสวนข้อกล่าวหาที่ว่า เฟซบุ๊กได้แบ่งปันข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้งาน 87 ล้านคนโดยไม่ได้รับอนุญาตให้กับบริษัทแคมบริดจ์ อนาลิติกา ซึ่งเป็นบริษัทวิเคราะห์ข้อมูลการเมืองของอังกฤษ
การสอบสวนมุ่งประเด็นไปที่การพิจารณาว่า การแบ่งปันข้อมูลดังกล่าวนั้นละเมิดข้อตกลงยินยอมปี 2554 ระหว่างเฟซบุ๊กกับ FTC หรือไม่
-- นายอิกนาซิโอ วิสโก ผู้ว่าการธนาคารกลางอิตาลี และเป็นกรรมการบริหารของธนาคารกลางยุโรป (ECB) เปิดเผยว่า ECB จะต้องออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม หากเศรษฐกิจยูโรโซนยังคงไม่ฟื้นตัวขึ้น
นายวิสโกกล่าวว่า กรรมการ ECB จะพิจารณาทางเลือกในการใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจภายในเวลาไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า ท่ามกลางการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่อ่อนแอ และคาดการณ์เงินเฟ้อในระดับต่ำ
คำกล่าวของนายวิสโกทำให้มีการคาดการณ์กันว่า ECB จะผ่อนคลายนโยบายการเงินในการประชุมครั้งต่อไปในวันที่ 25 ก.ค. หรือในการประชุมเดือนก.ย.
-- นายเกรก คล้าก รมว.ธุรกิจของอังกฤษ กล่าวว่า หากอังกฤษแยกตัวออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) โดยไม่มีการทำข้อตกลง ก็จะส่งผลให้มีการปลดพนักงานจำนวนหลายพันตำแหน่ง
"เป็นที่ชัดเจนว่า หากเราเผชิญกับ Brexit ที่ไม่มีการทำข้อตกลง ก็จะทำให้มีคนตกงานจำนวนหลายพันคน ซึ่งทุกคนรู้ดี ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มผลิตรถยนต์ กลุ่มอาหาร กลุ่มการบินและอวกาศ ซึ่งถ้าไม่มีประสิทธิภาพ และไม่สามารถทำการค้า ก็จะทำให้ขาดความสามารถในการแข่งขัน ซึ่งจะส่งผลให้เกิดการปลดพนักงาน" นายคล้ากกล่าว
-- สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจของประเทศต่างๆที่มีกำหนดเปิดเผยในวันนี้ จีนเตรียมเปิดเผยผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 2, การผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนมิ.ย., ยอดค้าปลีกเดือนมิ.ย. และการลงทุนในสินทรัพย์ถาวรเดือนมิ.ย. ทางด้านสหรัฐเตรียมเปิดเผยดัชนีภาคการผลิต (Empire State Manufacturing Index) เดือนก.ค. จากเฟดนิวยอร์ก
ส่วนในวันพรุ่งนี้ ธนาคารกลางออสเตรเลียเปิดเผยรายงานการประชุม, อังกฤษเตรียมเปิดเผยอัตราว่างงานเดือนพ.ค. ขณะที่อียูเตรียมเปิดเผยดุลการค้าเดือนพงค. ทางด้านสหรัฐมีกำหนดเปิดเผยยอดค้าปลีกเดือนมิ.ย., ราคานำเข้าและส่งออกเดือนมิ.ย., การผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนมิ.ย., สต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเดือนพ.ค. และดัชนีตลาดที่อยู่อาศัยเดือนก.ค.จากสมาคมผู้สร้างบ้านแห่งชาติ (NAHB)