World Today: สรุปประเด็นน่าติดตามประจำวันที่ 24 กรกฎาคม 2562

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday July 24, 2019 09:27 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวก 177.29 จุด หรือ 0.65% เมื่อคืนนี้ ขานรับผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทจดทะเบียนรายใหญ่ ซึ่งรวมถึงโคคา โคล่า และยูไนเต็ด เทคโนโลยีส์ นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยหนุนจากรายงานที่ว่า เจ้าหน้าที่สหรัฐและจีนจะจัดการเจรจาการค้าในสัปดาห์หน้า รวมทั้งข่าวทำเนียบขาวและสภาคองเกรสสามารถบรรลุข้อตกลงเพื่อหลีกเลี่ยงการปิดหน่วยงานรัฐบาล หรือชัตดาวน์

-- สื่อต่างประเทศรายงานโดยอ้างการเปิดเผยของเจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวว่า นายโรเบิร์ต ไลท์ไฮเซอร์ ผู้แทนการค้าสหรัฐ และเจ้าหน้าที่ระดับสูงคนอื่นๆ จะเดินทางไปยังประเทศจีนในวันจันทร์หน้า และจะพำนักอยู่ในนครเซี่ยงไฮ้จนถึงวันพุธ เพื่อเจรจาการค้ากับเจ้าหน้าที่ระดับสูงของจีน

เจ้าหน้าที่ของทำเนียบขาวระบุว่า ในการพบกันครั้งนี้ ทั้งสองฝ่ายจะเจรจาหารือกันในประเด็นต่างๆที่ยังค้างคา แต่ไม่คาดว่าทั้งสองฝ่ายจะสามารถบรรลุข้อตกลงกันได้ในประเด็นหลักๆ

ด้านนายแลร์รี่ คุดโลว์ หัวหน้าที่ปรึกษาฝ่ายเศรษฐกิจของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กล่าวว่า ถือเป็นสัญญาณที่ดีที่เจ้าหน้าที่สหรัฐจะเดินทางไปยังจีนในสัปดาห์หน้าเพื่อเจรจาการค้ากับเจ้าหน้าที่จีน และคาดหวังว่า จีนจะเริ่มต้นสั่งซื้อสินค้าเกษตรจากสหรัฐ ในฐานะที่เป็นส่วนหนึ่งของข้อตกลงโดยรวม และเพื่อแสดงถึงไมตรีจิตของจีน

-- กระทรวงยุติธรรมสหรัฐเปิดเผยว่า ทางกระทรวงกำลังเปิดการสอบสวนบริษัทเทคโนโลยีดิจิทัลขนาดใหญ่หรือบิ๊กเทค เพื่อประเมินว่า บริษัทเหล่านี้ดำเนินธุรกิจในลักษณะที่ต่อต้านการแข่งขันหรือไม่ ซึ่งเป็นสัญญาณชัดเจนที่สุดที่บ่งชี้ว่า รัฐบาลของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐ กำลังดำเนินการเพื่อตรวจสอบบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่

กระทรวงยุติธรรมสหรัฐระบุในแถลงการณ์ว่า ทางกระทวงจะตรวจสอบว่า บรรดาแพลตฟอร์มออนไลน์ชั้นนำมีอำนาจทางการตลาดหรือไม่และอย่างไร และทำการปฏิบัติที่ลดการแข่งขัน ขัดขวางนวัตกรรม หรือเป็นอันตรายต่อผู้บริโภคหรือไม่

ทั้งนี้ กระทรวงยุติธรรมสหรัฐไม่ได้ระบุชื่อบริษัทที่เฉพาะเจาะจง แต่กล่าวว่า การทบทวนจะพิจารณาถึงความวิตกเกี่ยวกับการสืบค้น สื่อสังคม และ บริการค้าปลีกออนไลน์ ซึ่งเป็นการบ่งชี้ที่ชัดเจนถึงบริษัท อัลฟาเบท อเมซอนดอทคอม เฟซบุ๊ก และแอปเปิล

-- ทางการจีนเตือนว่า สหรัฐควรหยุดยื่นมือเข้ามาแทรกแซงเหตุการณ์ประท้วงในฮ่องกง โดยนางหัว ชุนหยิง โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีนแถลงว่า "มีสัญญาณว่าผู้ประท้วงได้รับแรงสนับสนุนจากต่างชาติ"

นอกจากนี้ นางหัวยังกล่าวอีกด้วยว่า "ดิฉันสงสัยว่าเจ้าหน้าที่ของสหรัฐจะสามารถตอบคำถามต่อประชาคมโลกถึงบทบาทของสหรัฐที่มีต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในฮ่องกงได้หรือไม่"

คำกล่าวของนางหัวมีขึ้น หลังจากที่กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐออกมากล่าวว่า การโจมตีกลุ่มผู้ประท้วงโดยแก๊งอาชญากรเป็นการจงใจ "สร้างความไม่สงบ" ขณะที่นายหวัง อี้ รมว.ต่างประเทศจีนเคยกล่าวโจมตีว่า มีกองทัพจากชาติตะวันเข้ามาสร้างสถานการณ์ในฮ่องกงเมื่อเดือนที่ผ่านมา

-- นายบอริส จอห์นสัน อดีตรัฐมนตรีต่างประเทศอังกฤษ และอดีตนายกเทศมนตรีกรุงลอนดอน คว้าชัยชนะในการชิงตำแหน่งผู้นำพรรคคนใหม่ โดยได้คะแนนเสียงส่วนใหญ่จากสมาชิกพรรคอนุรักษ์นิยมทั่วประเทศจำนวน 160,000 คน และนายจอห์นสันจะเป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไปของอังกฤษโดยอัตโนมัติ

นายจอห์นสันถือเป็นผู้รณรงค์คนสำคัญที่ให้อังกฤษถอนตัวจากสหภาพยุโรป (EU) ในการลงประชามติในปี 2559

นายจอห์นสันกล่าวว่า อังกฤษจะต้องแยกตัวออกจาก EU ในวันที่ 31 ต.ค. แม้ไม่มีการทำข้อตกลงก็ตาม

นอกจากนี้ นายจอห์นสันยังคัดค้านการจัดการลงประชามติครั้งใหม่เกี่ยวกับ Brexit เนื่องจากจะสร้างความแตกแยกในประเทศ

-- วุฒิสภาสหรัฐให้การรับรองนายมาร์ค เอสเปอร์ เป็นรัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐ โดยนายเอสเปอร์จะรับตำแหน่งดังกล่าว ต่อจากนายจิม แมททิส ซึ่งได้ประกาศลาออกจากตำแหน่งในเดือนธ.ค.ปีที่แล้ว หลังจากที่มีความขัดแย้งด้านนโยบายต่างประเทศกับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ โดยเฉพาะในประเด็นของซีเรีย

หลังจากที่นายแมททิสประกาศลาออกจากตำแหน่งในเดือนธ.ค. นายแพททริค ชานาฮาน ก็ได้รับการแต่งตั้งเป็นรักษาการรัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐ แต่ก็ต้องลาออกในเวลาต่อมา หลังจากที่เผชิญข่าวอื้อฉาวในการใช้ความรุนแรงในครอบครัว ส่งผลให้นายเอสเปอร์เข้ารับตำแหน่งรักษาการรัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐในเดือนที่แล้ว

-- กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ประกาศปรับลดตัวเลขคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจโลกในปีนี้ สู่ระดับ 3.2% จากเดิมที่ระดับ 3.3% ซึ่งมีการคาดการณ์ในเดือนเม.ย. และต่ำกว่าระดับ 3.5% ซึ่งมีการคาดการณ์ในเดือนม.ค.

ขณะเดียวกัน IMF คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจโลกจะมีการขยายตัว 3.5% ในปีหน้า แต่ต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ในเดือนเม.ย.ที่ระดับ 3.6%

IMF ระบุว่า การขยายตัวของเศรษฐกิจโลกได้รับผลกระทบจากความขัดแย้งทางการค้าระหว่างสหรัฐและประเทศคู่ค้า, ความกังวลเกี่ยวกับการแยกตัวของอังกฤษออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) ขณะที่เงินเฟ้อยังคงอยู่ในระดับต่ำ "ความเสี่ยงยังคงมีแนวโน้มในช่วงขาลง ซึ่งรวมถึงความตึงเครียดทางการค้า และเทคโนโลยี ซึ่งจะบั่นทอนความเชื่อมั่น และทำให้การลงทุนชะลอตัว" IMF ระบุ

นอกจากนี้ IMF ยังเปิดเผยว่า การขยายตัวของปริมาณการค้าทั่วโลกได้ลดลงสู่ระดับ 0.50% ในช่วงไตรมาสแรก เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว

-- สมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติของสหรัฐ (NAR) เปิดเผยว่า ยอดขายบ้านมือสองดิ่งลง 1.7% สู่ระดับ 5.27 ล้านยูนิตในเดือนมิ.ย. ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่ายอดขายบ้านจะลดลงเพียง 0.2% สู่ระดับ 5.33 ล้านยูนิต จากระดับ 5.36 ล้านยูนิตในเดือนพ.ค.

ยอดขายบ้านได้รับผลกระทบจากการที่ราคาบ้านพุ่งแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ แม้อัตราดอกเบี้ยเงินกู้จำนองปรับตัวลง

เมื่อเทียบรายปี ยอดขายบ้านมือสองลดลง 2.2% ในเดือนมิ.ย. ซึ่งเป็นการลดลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 16

-- กระทรวงยุติธรรมสหรัฐเปิดเผยว่า ทางกระทรวงกำลังเปิดการสอบสวนบริษัทเทคโนโลยีดิจิทัลขนาดใหญ่หรือบิ๊กเทค เพื่อประเมินว่า บริษัทเหล่านี้ดำเนินธุรกิจในลักษณะที่ต่อต้านการแข่งขันหรือไม่ ซึ่งเป็นสัญญาณชัดเจนที่สุดที่บ่งชี้ว่า รัฐบาลของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐ กำลังดำเนินการเพื่อตรวจสอบบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่

กระทรวงยุติธรรมสหรัฐระบุในแถลงการณ์ว่า ทางกระทวงจะตรวจสอบว่า บรรดาแพลตฟอร์มออนไลน์ชั้นนำมีอำนาจทางการตลาดหรือไม่และอย่างไร และทำการปฏิบัติที่ลดการแข่งขัน ขัดขวางนวัตกรรม หรือเป็นอันตรายต่อผู้บริโภคหรือไม่

ทั้งนี้ กระทรวงยุติธรรมสหรัฐไม่ได้ระบุชื่อบริษัทที่เฉพาะเจาะจง แต่กล่าวว่า การทบทวนจะพิจารณาถึงความวิตกเกี่ยวกับการสืบค้น สื่อสังคม และ บริการค้าปลีกออนไลน์ ซึ่งเป็นการบ่งชี้ที่ชัดเจนถึงบริษัท อัลฟาเบท อเมซอนดอทคอม เฟซบุ๊ก และอปเปิล

ด้านโฆษกกระทรวงยุติธรรมปฏิเสธที่จะเปิดเผยรายชื่อบริษัทที่จะถูกตรวจสอบ

-- แหล่งข่าวระบุว่า บริษัทนิสสัน มอเตอร์ เตรียมประกาศปลดพนักงานทั่วโลกกว่า 10,000 คน ในความพยายามที่จะพลิกฟื้นธุรกิจ หลังจากที่บริษัทประสบยอดขายและกำไรที่ตกต่ำ ท่ามกลางข่าวอื้อฉาวของการจับกุมตัวนายคาร์ลอส กอส์น อดีตประธานบริษัท ในกรณียักยอกเงินของบริษัท

ทั้งนี้ คาดว่านิสสันจะประกาศแผนการปลดพนักงานอย่างเป็นทางการในวันพฤหัสบดีนี้ พร้อมกับการเปิดเผยผลประกอบการในช่วงเดือนเม.ย.-มิ.ย.

-- กระทรวงยุติธรรมสหรัฐแถลงว่า บริษัทไมโครซอฟท์ คอร์ป ยินยอมที่จะจ่ายเงินจำนวน 25.3 ล้านดอลลาร์ รวมทั้งค่าปรับในคดีอาญา เพื่อยุติการสอบสวนในคดีซึ่งบริษัทถูกกล่าวหาว่าได้ติดสินบนรัฐบาลไทย และอีกหลายประเทศ

ทั้งนี้ ไมโครซอฟท์ตกลงที่จะจ่ายเงินราว 16.6 ล้านดอลลาร์ เพื่อยุติคดีซึ่งบริษัทถูกกล่าวหาจากคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐ (SEC) ที่ว่า บริษัทได้จ่ายเงินอย่างไม่เหมาะสมต่อรัฐบาลไทย ซาอุดีอาระเบีย ตุรกี และฮังการี โดยบริษัทไม่ต้องยอมรับผิดในคดีดังกล่าว

SEC ระบุว่า ไมโครซอฟท์ได้มอบของขวัญ และเสนอแพคเกจเดินทางท่องเที่ยวที่ไม่เหมาะสมต่อเจ้าหน้าที่ไทย และซาอุดีอาระเบีย ผ่านทางกองทุนลับที่มีการจัดตั้งขึ้นโดยบุคคลที่ 3

-- จับตาข้อมูลเศรษฐกิจที่มีกำหนดการเปิดเผยวันนี้ ได้แก่ ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตและภาคบริการขั้นต้นของฝรั่งเศส, เยอรมนี, อียู และสหรัฐจากมาร์กิต รวมถึงยอดขายบ้านใหม่เดือนมิ.ยของสหรัฐ และสต็อกน้ำมันรายสัปดาห์จากสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA) ส่วนในวันพรุ่งนี้ธนาคารกลางยุโรป (ECB) จะจัดประชุมนโยบายการเงินและแถลงมติอัตราดอกเบี้ย ขณะที่สหรัฐเตรียมเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์และ ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนมิ.ย.


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ