World Today: สรุปประเด็นน่าติดตามประจำวันที่ 14 สิงหาคม 2562

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday August 14, 2019 09:35 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้น 372.54 จุด หรือ 1.44% เมื่อคืนนี้ หลังจากรัฐบาลสหรัฐประกาศชะลอการเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีน ซึ่งข่าวดังกล่าวช่วยให้นักลงทุนคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีนซึ่งเป็นสองยักษ์ใหญ่ทางเศรษฐกิจของโลก และยังช่วยหนุนหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี โดยเฉพาะอย่างยิ่งหุ้นของบริษัทที่เข้าไปลงทุนจำนวนมากในประเทศจีน เช่น แอปเปิล และอินเทล

-- สำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐ (USTR) ชะลอการเรียกเก็บภาษีสินค้าจีนออกไปเป็นวันที่ 15 ธ.ค. จากเดิมที่มีกำหนดในวันที่ 1 ก.ย. พร้อมกับถอดสินค้าบางประเภทออกจากบัญชีรายการสินค้าของจีนที่จะถูกเรียกเก็บภาษีครั้งใหม่ โดยระบุถึงปัจจัยด้านสุขภาพ, ความปลอดภัย และความมั่นคงแห่งชาติ ซึ่งสินค้าดังกล่าวจะไม่ถูกเรียกเก็บภาษีเพิ่มขึ้นอีก 10%

ทั้งนี้ สินค้าที่ได้รับการชะลอการจัดเก็บภาษี ได้แก่ โทรศัพท์มือถือ แล็ปท็อปคอมพิวเตอร์ คอนโซลวิดีโอเกม ของเล่น จอมอนิเตอร์ รองเท้า และเสื้อผ้า

-- China Foreign Exchange Trading System (CFETS) ระบุว่า อัตราค่ากลางสกุลเงินหยวนในวันนี้อยู่ที่ระดับ 7.0312 หยวนต่อดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 0.14%

อัตราค่ากลางสกุลเงินหยวนในวันนี้อยู่ในระดับสูงกว่าอัตราค่ากลางที่กำหนดเมื่อวานนี้ซึ่งอยู่ที่ระดับ 7.0326 หยวนต่อดอลลาร์สหรัฐ และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์ในตลาดคาดการณ์ไว้ที่ 7.0502 หยวนต่อดอลลาร์สหรัฐ

-- ท่าอากาศยานนานาชาติของฮ่องกงเปิดให้บริการตามปกติแล้วเช้านี้ หลังจากกลุ่มผู้ชุมนุมต่อต้านรัฐบาลได้เข้ายึดอาคารผู้โดยสารเมื่อคืนนี้ อีกทั้งมีการทุบตีและจับตัวประชาชนที่อยู่ในสนามบินจำนวน 2 ราย

โฆษกของการท่าอากาศยานฮ่องกงเปิดเผยในวันนี้ว่า ท่าอากาศยานได้กลับมาดำเนินการตามปกติ และกำลังทำการปรับกำหนดเวลาเที่ยวบินใหม่

-- ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์กล่าวว่า สถานการณ์ในฮ่องกงกำลังมีความล่อแหลม แต่เขาหวังว่าสิ่งนี้จะเกิดผลดีสำหรับทุกฝ่าย ซึ่งรวมถึงจีน และสำหรับเสรีภาพ โดยไม่มีผู้ใดบาดเจ็บ หรือเสียชีวิต

"สถานการณ์ในฮ่องกงกำลังยุ่งยากอย่างมาก เราจะจับตาดูต่อไป โดยมันเป็นสถานการณ์ที่ล่อแหลม แต่ผมคิดว่าจะส่งผลดีต่อเสรีภาพ และผมหวังว่าจะส่งผลดีต่อทุกฝ่าย ซึ่งรวมถึงจีน และจะมีการหาทางออกอย่างสันติวิธี" ปธน.ทรัมป์กล่าว

การแสดงความคิดเห็นดังกล่าวมีขึ้น ในขณะที่การชุมนุมของชาวฮ่องกงกำลังลุกลามบานปลาย โดยกลุ่มผู้ชุมนุมได้เข้ายึดอาคารผู้โดยสารของท่าอากาศยานนานาชาติฮ่องกงและปะทะกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ จนทำให้เจ้าหน้าที่ต้องระงับการให้บริการภายในสนามบิน ส่งผลให้ไม่มีเที่ยวบินขาเข้าและขาออกจากท่าอากาศยาน

ด้านสำนักงานข้าหลวงใหญ่ฝ่ายสิทธิมนุษยชนของสหประชาชาติ (UNHCHR) ก็ได้ออกเรียกร้องให้ทุกฝ่ายในฮ่องกงใช้ความอดกลั้น และให้มีการสอบสวนกรณีที่เจ้าหน้าที่ตำรวจทำการยิงแก๊สน้ำตาเข้าใส่กลุ่มผู้ชุมนุมในลักษณะที่ละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศ

-- บริษัทซีบีเอสและบริษัทเวียคอม ซึ่งเป็นบริษัทด้านความบันเทิงชั้นนำในสหรัฐ ประกาศข้อตกลงที่จะควบรวมกิจการครั้งใหญ่หลังจากแยกกิจการกันมา 13 ปี โดยจะสร้างบริษัทสื่อสหรัฐแห่งใหม่ที่มีมูลค่าประมาณ 3 หมื่นล้านดอลลาร์ เพื่อรับมือกับการแข่งขันในตลาดที่รุนแรงขึ้นในอุตสาหกรรมสื่อของสหรัฐ

มูลค่าตลาดในปัจจุบันของซีบีเอสอยู่ที่ราว 1.8 หมื่นล้านดอลลาร์ ขณะที่เวียคอมมีมูลค่าตลาดราว 1.2 หมื่นล้านดอลลาร์ และบริษัทที่ควบรวมกิจการกันนี้จะมีรายได้ประมาณ 2.8 หมื่นล้านดอลลาร์

-- รัฐบาลญี่ปุ่นเปิดเผยในวันนี้ว่า ยอดสั่งซื้อเครื่องจักรพื้นฐานซึ่งไม่รวมเครื่องจักรสำหรับอุตสาหกรรมต่อเรือและสาธารณูปโภค พุ่งขึ้น 13.9% ในเดือนมิ.ย. สู่ระดับ 9.603 แสนล้านเยน เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า

สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า ยอดสั่งซื้อเครื่องจักร ซึ่งเป็นดัชนีวัดการใช้จ่ายด้านทุนของภาคเอกชนญี่ปุ่นนั้น ดีดตัวขึ้นในเดือนมิ.ย. หลังจากที่ปรับตัวลง 7.8% ในเดือนพ.ค.

-- สำนักงานสถิติแห่งชาติจีน (NBS) รายงานในวันนี้ว่า ยอดค้าปลีกเดือนก.ค.ปรับตัวขึ้น 7.6% เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้น 8.6%

ขณะที่การผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนก.ค.ขยายตัว 4.8% เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะขยายตัว 6% และการลงทุนในสินทรัพย์ถาวรช่วงเดือนม.ค.-ก.ค. ปรับตัวขึ้น 5.7% เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้น 5.8%

-- จับตาข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญที่มีกำหนดการเปิดเผยวันนี้ โดยอังกฤษเตรียมเปิดเผยอัตราเงินเฟ้อเดือนก.ค. อียูเตรียมเปิดเผยตัวเลขประมาณการผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 2/2562 ครั้งที่ 2 และการผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนมิ.ย. ด้านสหรัฐจะเปิดเผยราคานำเข้าและราคาส่งออกเดือนก.ค. รวมถึงสต็อกน้ำมันรายสัปดาห์จากสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA)

ส่วนในวันพรุ่งนี้ ออสเตรเลียเตรียมเปิดเผยอัตราว่างงานเดือนก.ค. จีนจะเปิดเผยดัชนีราคาบ้านเดือนก.ค. ญี่ปุ่นจะเปิดเผยการผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนมิ.ย. ด้านอังกกฤษเตรียมเปิดเผยยอดค้าปลีกเดือนก.ค. ขณะที่สหรัฐจะเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ยอดค้าปลีกเดือนก.ค., ดัชนีภาคการผลิต (Empire State Manufacturing Index) เดือนส.ค. จากเฟดนิวยอร์ก, ดัชนีการผลิตเดือนส.ค.จากเฟดฟิลาเดลเฟีย, การผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนก.ค., ดัชนีตลาดที่อยู่อาศัยเดือนส.ค.จากสมาคมผู้สร้างบ้านแห่งชาติ (NAHB) และสต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเดือนมิ.ย.


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ