World Today: สรุปประเด็นน่าติดตามประจำวันที่ 15 สิงหาคม 2562

ข่าวเศรษฐกิจ Thursday August 15, 2019 09:42 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลง 800.49 จุด หรือ 3.05% เมื่อคืนนี้ (14 ส.ค.) หลังจากตลาดพันธบัตรสหรัฐเกิดภาวะ inverted yield curve หรือภาวะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะสั้นอยู่สูงกว่าพันธบัตรระยะยาว ซึ่งบ่งชี้ถึงภาวะเศรษฐกิจถดถอย นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอในหลายประเทศ ซึ่งรวมถึงการผลิตภาคอุตสาหกรรมของจีนที่ขยายตัวในอัตราต่ำสุดในรอบ 17 ปี และผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของเยอรมนีที่หดตัวลงในไตรมาส 2

-- อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐเกิดภาวะ inverted yield curve เมื่อวานนี้ ซึ่งเป็นภาวะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะสั้นอยู่สูงกว่าพันธบัตรระยะยาว โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 2 ปีดีดตัวเหนืออัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปี ซึ่งจะบ่งชี้ถึงภาวะเศรษฐกิจถดถอย

ณ เวลา 17.48 น.ตามเวลาไทยเมื่อวานนี้ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 2 ปี อยู่ที่ระดับ 1.630% ส่วนอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี อยู่ที่ระดับ 1.623% ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 30 ปี อยู่ที่ระดับ 2.065%

-- ราคาน้ำมันดิบ WTI ปิดตลาดร่วงลง 1.87 ดอลลาร์ หรือ 3.3% แตะที่ 55.23 ดอลลาร์/บาร์เรล เมื่อคืนนี้ (14 ส.ค.) หลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA) รายงานว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐเพิ่มขึ้นติดต่อกันเป็นสัปดาห์ที่ 2 โดยปรับตัวขึ้น 1.6 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 9 ส.ค. สวนทางนักวิเคราะห์ที่คาดว่าลดลง 2.8 ล้านบาร์เรล

นอกจากนี้ นักลงทุนมีกังวลต่อภาวะเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว โดยสำนักงานสถิติแห่งชาติจีน (NBS) เปิดเผยว่า การผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนก.ค.ขยายตัว 4.8% เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งเป็นการขยายตัวในอัตราต่ำสุดในรอบ 17 ปี ขณะที่สำนักงานสถิติแห่งชาติเยอรมนีเปิดเผยว่า GDP ไตรมาส 2 หดตัวลง 0.1% เมื่อเทียบเป็นรายไตรมาส ซึ่งเป็นการหดตัวครั้งแรกนับตั้งแต่ไตรมาส 3 ของปี 2561

-- เหตุประท้วงในฮ่องกงที่กินเวลายาวนานถึง 10 สัปดาห์ได้ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจซึ่งบอบช้ำจากสงครามการค้าระหว่างจีนและสหรัฐอยู่ก่อนหน้านี้แล้ว แบรนด์ระดับโลกอย่างวอลท์ ดิสนีย์ ไปจนถึงปราด้าได้ออกโรงเตือนถึงผลกระทบดังกล่าว ขณะที่สายการบินหลายเจ้าได้ยกเลิกเที่ยวบินนับร้อยหลังผู้ประท้วงบุกปิดสนามบิน ธุรกิจโรงแรมอยู่ในภาวะตกต่ำ ขณะที่ตลาดหุ้นมูลค่ากว่า 6 แสนดอลลาร์ปรับตัวลงต่อเนื่องนับตั้งแต่ต้นเดือนก.ค.

-- ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ทวีตข้อความโจมตีนายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อีกครั้ง โดยกล่าวว่า นายพาวเวล "เป็นคนไร้ทิศทาง" พร้อมกับตำหนินโยบายของเฟดว่าเป็นสาเหตุที่ทำให้ตลาดพันธบัตรสหรัฐส่งสัญญาณถึงภาวะเศรษฐกิจถดถอย

ปธน.ทรัมป์ระบุในทวิตเตอร์เมื่อวานนี้ว่า "จีนไม่ใช่ปัญหาของสหรัฐ แต่ปัญหาของเราคือเฟดที่ขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วเกินไปและมากเกินไป"

ความเคลื่อนไหวของปธน.ทรัมป์มีขึ้นหลังจากตลาดพันธบัตรสหรัฐเกิดภาวะ inverted yield curve เมื่อวานนี้ ซึ่งเป็นภาวะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะสั้นอยู่สูงกว่าพันธบัตรระยะยาว อันบ่งชี้ถึงภาวะเศรษฐกิจถดถอย และเป็นสาเหตุที่ทำให้ตลาดหุ้นสหรัฐดิ่งลงอย่างหนักเมื่อคืนนี้

-- ยอดจองโรงแรมในฮ่องกงปรับตัวลดลงอย่างหนัก เนื่องจากได้รับผลกระทบจากการที่ผู้ชุมนุมจำนวนหลายพันคนได้ยึดครองสนามบินก่อนหน้านี้ จนส่งผลให้นักท่องเที่ยวจากจีนแผ่นดินใหญ่ไม่กล้าเดินทางมาฮ่องกงเพราะกังวลในเรื่องความปลอดภัย โดยปกติแล้วยอดนักท่องเที่ยวขาเข้าของฮ่องกงนั้นเป็นชาวจีนแผ่นดินใหญ่ถึง 80%

นอกจากนี้ ตัวแทนจากอุตสาหกรรมท่องเที่ยวของฮ่องกงยังคาดการณ์ว่า ตัวเลขรายได้จากการขายห้องพักน่าจะร่วงลงกว่า 50% ในเดือนนี้ด้วย ขณะที่ราคาห้องเองก็ปรับตัวลดลง ไม่ว่าจะราคาห้องพักในโรงแรมระดับบนอย่างคอนราด แมริออท และแชงกรี-ลา

-- บริษัทเทนเซนต์ โฮลดิ้งส์ ผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตรายใหญ่ของจีน และเป็นเจ้าของสื่อสังคมออนไลน์วีแชต เปิดเผยว่า บริษัทมีกำไรและรายได้พุ่งขึ้นในไตรมาส 2 โดยได้รับปัจจัยหนุนจากการให้บริการเกมส์ออนไลน์ และธุรกิจฟินเทค

เทนเซนต์ระบุว่า บริษัทมีกำไรเพิ่มขึ้น 35% เมื่อเทียบรายปี สู่ระดับ 2.41 หมื่นล้านหยวนในไตรมาส 2 ขณะที่มีรายได้เพิ่มขึ้น 21% สู่ระดับ 8.88 หมื่นล้านหยวน

นอกจากนี้ บริษัทมีกำไรเพิ่มขึ้น 25% สู่ระดับ 5.13 หมื่นล้านหยวนในช่วงครึ่งปีแรก ขณะที่มีรายได้เพิ่มขึ้น 18% สู่ระดับ 1.743 แสนล้านหยวน

-- หลังจากที่รายการโทรทัศน์ของออสเตรเลียออกมาเรียกคนว่างงานว่า "dole bludgers" (ผู้กินเงินสวัสดิการว่างงานแต่ไม่ประสงค์ทำงาน) กระแสจากสื่อโซเชียลมีเดียได้ออกมาตีกลับคำพูดดังกล่าว โดยข้อความในทวิตเตอร์ได้ออกมาเรียกร้องให้มีการสนับสนุนผู้ที่ว่างงานซึ่งได้รับสวัสดิการที่ไม่ได้เพิ่มขึ้นเหนือระดับเงินเฟ้อมากว่า 25 ปี และออกแคมเปญเรียกร้องการเพิ่มสวัสดิการให้กับผู้ว่างงาน

-- ท่าอากาศยานนานาชาติฮ่องกงสามารถให้บริการตามปกติในวันนี้ หลังจากที่ศาลอนุมัติให้เจ้าหน้าที่สามารถสกัดบุคคลที่จะดำเนินการใดๆที่ผิดกฎหมายในการขัดขวางหรือแทรกแซงการใช้บริการในสนามบิน

ขณะนี้มีผู้ชุมนุมประท้วงรัฐบาลเหลือเพียง 30-40 คนในอาคารผู้โดยสารขาเข้า หลังจากที่ผู้ชุมนุมจำนวนหลายพันคนได้ยึดครองสนามบินก่อนหน้านี้ และได้ปะทะกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ จนส่งผลกระทบให้มีการยกเลิกเที่ยวบินมากกว่า 100 เที่ยว

กลุ่มผู้ประท้วงได้แจกจ่ายใบปลิว และได้เผยแพร่ข้อความในระบบออนไลน์ โดยได้ขอโทษต่อผู้โดยสาร และประชาชนทั่วไปต่อความไม่สะดวกที่เกิดขึ้นในช่วง 5 วันที่มีการยึดสนามบิน

"เราไม่มีความประสงค์ที่จะทำให้การเดินทางของคุณต้องล่าช้าออกไป และเราไม่ต้องการให้เกิดความไม่สะดวกต่อคุณ เราขอให้คุณเข้าใจ และให้อภัยพวกเรา ขณะที่คนหนุ่มสาวในฮ่องกงเดินหน้าต่อสู้เพื่อเสรีภาพ และประชาธิปไตย" ข้อความในอีเมล์ระบุ

-- นางเจเน็ต เยลเลน อดีตประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) กล่าวว่า สหรัฐมีแนวโน้มมากที่สุดที่จะไม่เข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอย

"ดิฉันคิดว่าเศรษฐกิจสหรัฐมีความแข็งแกร่งเพียงพอที่จะหลีกเลี่ยงภาวะเศรษฐกิจถดถอย แต่ความเสี่ยงก็ได้เพิ่มขึ้นสูงกว่าที่ดิฉันจะนิ่งนอนใจ" นางเยลเลนกล่าว

นางเยลเลนยังกล่าวว่า การร่วงลงของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะยาวในวันนี้ ซึ่งทำให้เกิดความวิตกเกี่ยวกับการเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยนั้น อาจจะเกิดจากปัจจัยหลายอย่าง โดยไม่จำเป็นต้องบ่งชี้ถึงภาวะเศรษฐกิจในอนาคต

-- นายวิลเบอร์ รอสส์ รมว.พาณิชย์สหรัฐ กล่าวว่า การที่สหรัฐตัดสินใจชะลอการขึ้นภาษีต่อสินค้าบางรายการที่นำเข้าจากจีน ไม่ได้มีสาเหตุจากการที่สหรัฐยอมอ่อนข้อ โดยมีการแลกเปลี่ยนทางการค้ากับจีน แต่เป็นเพราะรัฐบาลต้องการช่วยเหลือผู้บริโภคชาวอเมริกัน

นอกจากนี้ นายรอสส์ยังกล่าวว่า การที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ตัดสินใจชะลอการขึ้นภาษีสินค้าจีนในครั้งนี้ ไม่ใช่เพื่อต้องการสกัดการดิ่งลงของตลาดหุ้นวอลล์สตรีทแต่อย่างใด

-- จับตาข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญในวันนี้ โดยออสเตรเลียเตรียมเปิดเผยอัตราว่างงานเดือนก.ค., อังกฤษเปิดเผยยอดค้าปลีกเดือนก.ค. ทางด้านสหรัฐเตรียมเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ยอดค้าปลีกเดือนก.ค., ดัชนีภาคการผลิต (Empire State Manufacturing Index) เดือนส.ค. จากเฟดนิวยอร์ก, ดัชนีการผลิตเดือนส.ค.จากเฟดฟิลาเดลเฟีย, การผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนก.ค., ดัชนีตลาดที่อยู่อาศัยเดือนส.ค.จากสมาคมผู้สร้างบ้านแห่งชาติ (NAHB) และสต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเดือนมิ.ย.

ส่วนในวันพรุ่งนี้ ยูโรสแตทเตรียมเปิดเผยดุลการค้าเดือนมิ.ย.ของอียู ขณะที่สหรัฐเตรียมเปิดเผยตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านและการอนุญาตก่อสร้างเดือนก.ค. และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคขั้นต้นเดือนส.ค.


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ