การประท้วงในฮ่องกงที่ยังไม่มีทีท่าว่าจะคลี่คลายลงนั้น เริ่มส่งผลกระทบต่อนักลงทุน เนื่องจากการประท้วงก่อให้เกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอย รวมถึงการตั้งคำถามเกี่ยวกับการเป็นศูนย์กลางการเงินของเอเชีย
ทั้งนี้ ฮ่องกงมีทรัพย์สินทางธนาคารในสัดส่วน 8.5 เท่าของตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) และมีนักลงทุนจากต่างชาติที่เข้าลงทุนในตลาดหุ้นในสัดส่วน 40%
-- นายโรดริโก ดูเตอร์เต ประธานาธิบดีฟิลิปปินส์เตรียมเข้าพบประธานาธิบดีสี จิ้นผิงในวันนี้ และสิ่งแรกที่เขาจะทำคือการหารือเกี่ยวกับประเด็นคำตัดสินของศาลอนุญาโตตุลาการถาวร (PCA) ซึ่งได้ชี้ขาดไว้ว่ารัฐบาลจีนไม่มีสิทธิเหนือทรัพยากรบริเวณน่านน้ำพิพาททะเลจีนใต้
-- แอปเปิลมีส่วนแบ่งการตลาดในอินเดียเป็นจำนวนมาก โดยได้รับแรงหนุนจากราคาผลิตภัณฑ์ที่สูงและภาษีนำเข้า แต่ทุกสิ่งอาจเปลี่ยนแปลงไปนับจากนี้ เนื่องจากเมื่อวันพุธที่ผ่านมา อินเดียได้ออกคำสั่งให้บริษัทต่างๆ ผลิตผลิตภัณฑ์ในอินเดียอย่างน้อย 30% โดยแอปเปิลวางแผนที่จะเริ่มขายสินค้าออนไลน์ภายในเดือนนี้
-- นายสตีเวน มนูชิน รัฐมนตรีคลังสหรัฐ เปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่ด้านการค้าของสหรัฐเชื่อว่า ตัวแทนเจรจาการค้าของจีนจะเดินทางมายังกรุงวอชิงตัน เพื่อเข้าร่วมเจรจาการค้ากับเจ้าหน้าที่ของสหรัฐ
นายมนูชินกล่าวกับผู้สื่อข่าวเมื่อวานนี้ว่า สหรัฐและจีนยังคงต้องเจรจาร่วมกัน และทางสหรัฐกำลังวางแผนที่จะเชิญคณะผู้แทนของจีนให้เดินทางมายังกรุงวอชิงตัน อย่างไรก็ดี นายมนูชินไม่ได้กล่าวอย่างเจาะจงว่า การเจรจาการค้ารอบใหม่ที่วางแผนว่าจะจัดขึ้นในเดือนก.ย.นี้ จะเกิดขึ้นตามแผนหรือไม่
-- ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (28 ส.ค.) โดยได้ปัจจัยหนุนจากการที่นักลงทุนเข้าช้อนซื้อหุ้นกลุ่มธนาคาร หลังจากหุ้นดังกล่าวร่วงลงอย่างหนักในช่วงที่ผ่านมา ขณะที่หุ้นกลุ่มพลังงานดีดตัวขึ้นตามทิศทางราคาน้ำมันดิบ อย่างไรก็ดี นักลงทุนยังคงกังวลเกี่ยวกับข้อพิพาทการค้าระหว่างสหรัฐและจีน รวมทั้งตลาดพันธบัตรสหรัฐที่ส่งสัญญาณถึงแนวโน้มเศรษฐกิจถดถอย
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 26,036.10 จุด พุ่งขึ้น 258.20 จุด หรือ +1.00% ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,887.94 จุด เพิ่มขึ้น 18.78 จุด หรือ +0.65% ส่วนดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,856.88 จุด เพิ่มขึ้น 29.94 จุด หรือ +0.38%
-- กลุ่มธุรกิจมากกว่า 160 กลุ่มในสหรัฐได้รวมตัวกันเรียกร้องให้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์เลื่อนการเรียกเก็บภาษีทั้งหมดที่มีต่อจีนในปีนี้ เนื่องจากจะส่งผลกระทบทำให้ผู้บริโภคต้องซื้อสินค้าราคาแพงในช่วงเทศกาลวันหยุด
ทั้งนี้ กลุ่มธุรกิจดังกล่าวได้รวมตัวกันใช้ชื่อว่า "พันธมิตรการค้าเสรีสำหรับชาวอเมริกัน" โดยประกอบด้วยกลุ่มสหพันธ์ค้าปลีกแห่งชาติ, สมาคมผู้นำอุตสาหกรรมค้าปลีก, สมาคมผู้ผลิตเครื่องมือ และสมาคมเทคโนโลยีผู้บริโภค เป็นต้น
-- สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 ทรงมีพระบรมราชานุญาตให้นายบอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีอังกฤษปิดสมัยประชุมสภาอย่างเร็วที่สุดในวันที่ 9 ก.ย. และอย่างช้าที่สุดในวันที่ 12 ก.ย.เป็นต้นไป และจะเปิดสมัยประชุมสภาอีกครั้งในวันที่ 14 ต.ค. ซึ่งจะส่งผลให้สมาชิกสภามีเวลาเหลือเพียง 2 สัปดาห์ในการอนุมัติกฎหมายเพื่อยับยั้งอังกฤษจากการถอนตัวออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) ในวันที่ 31 ต.ค.โดยไม่มีข้อตกลง
ก่อนหน้านี้ สมาชิกรัฐสภาอังกฤษมีกำหนดกลับเข้าประชุมสภาในสัปดาห์หน้า โดยจะมีการประชุมไปจนถึงวันที่ 9 ก.ย. ก่อนที่จะมีการพักสมัยประชุมเป็นเวลา 3 สัปดาห์เพื่อให้พรรคการเมืองต่างๆ จัดการประชุมภายในพรรค แต่การดำเนินการของนายจอห์นสันในครั้งนี้ได้ทำให้การพักสมัยประชุมสภายาวนานขึ้นเป็น 5 สัปดาห์
การดำเนินการดังกล่าวจะทำให้มีการปิดรัฐสภาอังกฤษตั้งแต่กลางเดือนก.ย.เป็นเวลาราว 1 เดือน ซึ่งจะทำให้รัฐสภามีเวลาน้อยลงในการออกกฎหมายเพื่อสกัดความพยายามของนายจอห์นสันในการนำอังกฤษแยกตัวออกจากสหภาพยุโรป (EU) ในวันที่ 31 ต.ค.โดยไร้ข้อตกลง
-- หนังสือพิมพ์นิกเกอิของญี่ปุ่นรายงานว่า อัลฟาเบท ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของกูเกิล ประกาศย้ายฐานการผลิตสมาร์ทโฟน Pixel ออกจากจีนไปยังเวียดนาม โดยจะเริ่มต้นในปีนี้
การดำเนินการดังกล่าวมีขึ้น ท่ามกลางค่าแรงที่พุ่งสูงขึ้นในจีน รวมทั้งแรงกดดันจากการที่สหรัฐประกาศเพิ่มการเรียกเก็บภาษีในการทำสงครามการค้ากับจีน
-- จับตาข้อมูลเศรษฐกิจในวันนี้ โดยเกาหลีใต้จะเปิดเผยความเชื่อมั่นภาคธุรกิจเดือนส.ค. เยอรมนีจะเปิดเผยอัตราว่างงานเดือนส.ค. ขณะที่อียูเตรียมเปิดเผยความเชื่อมั่นภาคธุรกิจและความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนส.ค. และสหรัฐจะเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 2/2562 (ประมาณการครั้งที่ 2) รวมถึงยอดทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) เดือนก.ค.
ส่วนในวันพรุ่งนี้ ธนาคารกลางเกาหลีใต้ประชุมนโยบายการเงินและแถลงมติอัตราดอกเบี้ย ญี่ปุ่นเปิดเผยอัตราว่างงานเดือนก.ค. ขณะที่อียูเปิดเผยอัตราเงินเฟ้อเดือนก.ค ทางด้านสหรัฐเตีรยมเปิดเผยดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) เดือนก.ค., การใช้จ่ายส่วนบุคคลเดือนก.ค. และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนส.ค.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน