World Today: สรุปประเด็นน่าติดตามประจำวันที่ 6 กันยายน 2562

ข่าวเศรษฐกิจ Friday September 6, 2019 08:34 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้น 372.68 จุด หรือ 1.41% เมื่อคืนนี้ (5 ก.ย.) ขานรับรายงานข่าวที่ว่า สหรัฐและจีนยืนยันที่จะจัดการประชุมเพื่อเจรจาการค้ารอบใหม่ในเดือนหน้า นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับหนุนจากข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐ ซึ่งรวมถึงตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนที่พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 4 เดือน

-- นายบอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีอังกฤษ กล่าวคัดค้านการเรียกร้องให้สหภาพยุโรป (EU) ขยายกำหนดเส้นตายในการแยกตัวของอังกฤษออกจาก EU (Brexit)

"ผมขอตกคูตายดีกว่าไปขอร้องให้ EU ขยายกำหนดเส้นตาย Brexit" นายจอห์นสันกล่าว

ทั้งนี้ สภาสามัญชนให้การอนุมัติร่างกฎหมายป้องกันการแยกตัวของอังกฤษออกจากสหภาพยุโรปโดยไม่มีการทำข้อตกลง หรือ "no-deal Brexit" และหากสภาขุนนางให้การอนุมัติร่างกฎหมายฉบับดังกล่าว ก็จะทำให้นายจอห์นสันต้องเข้าเจรจากับผู้นำ EU ในวันที่ 17 ต.ค.เพื่อขอให้มีการขยายกำหนดเส้นตายในการแยกตัวของอังกฤษออกจาก EU เป็นวันที่ 31 ม.ค.2563 จากเดิมวันที่ 31 ต.ค. หากนายจอห์นสันไม่สามารถยื่นข้อตกลง Brexit ฉบับใหม่เข้าสู่การพิจารณาของรัฐสภา และได้รับการอนุมัติภายในกลางเดือนต.ค.

-- จับตาตลาดหุ้นเอเชียวันนี้ คาดปรับตัวเพิ่มขึ้นตามดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กซึ่งปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ ขานรับรายงานข่าวที่ว่า สหรัฐและจีนยืนยันที่จะจัดการประชุมเพื่อเจรจาการค้ารอบใหม่ในเดือนหน้า นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับหนุนจากข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐ ซึ่งรวมถึงตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนที่พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 4 เดือน

-- หนังสือพิมพ์วอลล์สตรีท เจอร์นัลรายงานว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมนโยบายการเงินในวันที่ 17-18 ก.ย. หลังจากที่ได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% เช่นกันในการประชุมรอบที่แล้วในวันที่ 30-31 ก.ค. ซึ่งเป็นการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่วันที่ 16 ธ.ค.2551

ก่อนหน้านี้ นักลงทุนคาดการณ์ว่าเฟดอาจจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยมากถึง 0.50% ในการประชุมเดือนนี้ หลังการเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐที่อ่อนแอ ท่ามกลางแรงกดดันจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ที่ต้องการให้เฟดปรับลดอัตราดอกเบี้ยถึง 1%

อย่างไรก็ดี วอลล์สตรีท เจอร์นัลระบุว่า การปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.50% ยังไม่ได้รับแรงสนับสนุนที่มากพอภายในคณะกรรมการเฟด แม้ว่านายเจมส์ บูลลาร์ด ประธานเฟด สาขาเซนต์หลุยส์ สนับสนุนการปรับลดอัตราดอกเบี้ยดังกล่าว

-- FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนคาดการณ์ว่า มีโอกาส 95% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมนโยบายการเงินในวันที่ 17-18 ก.ย. ขณะที่มีโอกาส 5% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.50%

เมื่อเดือนที่แล้ว ขณะที่ตลาดหุ้นวอลล์สตรีทเกิดความผันผวนอย่างหนัก นักลงทุนคาดการณ์ว่า มีโอกาสสูงถึง 29% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.50% ในการประชุมเดือนนี้

-- แหล่งข่าววงในของจีนที่ใกล้ชิดกับการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีน ระบุว่า การเจรจาการค้าระหว่างทั้งสองฝ่ายในครั้งนี้ จะแตกต่างจากการเจรจา 12 รอบในช่วง 18 เดือนที่ผ่านมา ซึ่งมักจบลงด้วยการประกาศทำสงครามการค้าระหว่างกัน

ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์จีนแถลงว่า นายหลิว เหอ รองนายกรัฐมนตรีจีน ได้ทำการสนทนาทางโทรศัพท์กับนายโรเบิร์ต ไลท์ไฮเซอร์ ผู้แทนการค้าสหรัฐ และนายสตีเวน มนูชิน รมว.คลังสหรัฐ ซึ่งทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องกันเกี่ยวกับการจัดการเจรจาการค้ารอบต่อไปที่กรุงวอชิงตันในช่วงต้นเดือนหน้า ขณะที่เจ้าหน้าที่ของสหรัฐและจีนจะทำการปรึกษาหารือกันในช่วงกลางเดือนนี้เพื่อเตรียมการประชุมดังกล่าว

นายหู สีจิน บรรณาธิการของหนังสือพิมพ์ โกลบอล ไทมส์ของจีน ทวีตข้อความระบุว่า "จีนและสหรัฐได้ประกาศการเจรจาการค้ารอบใหม่ และจะดำเนินการเพื่อให้มีความคืบหน้าครั้งใหญ่ โดยส่วนตัวแล้ว ผมคิดว่า สหรัฐ ซึ่งได้รับผลกระทบจากการทำสงครามการค้า ไม่หวังที่จะฝืนความตั้งใจของจีนอีกต่อไป โดยมีความเป็นไปได้มากขึ้นที่การเจรจาของทั้งสองฝ่ายจะมีความคืบหน้าครั้งสำคัญ"

-- สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญเมื่อคืนนี้ ออโตเมติก ดาต้า โพรเซสซิ่ง อิงค์ (ADP) และมูดี้ส์ อนาลิติกส์ เปิดเผยว่า การจ้างงานของภาคเอกชนสหรัฐพุ่งขึ้น 195,000 ตำแหน่งในเดือนส.ค. ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนเม.ย. หลังจากเพิ่มขึ้น 128,000 ตำแหน่งในเดือนก.ค. โดยนักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่าการจ้างงานของภาคเอกชนจะเพิ่มขึ้นเพียง 140,000 ตำแหน่งในเดือนส.ค.

กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกเพิ่มขึ้น 1,000 ราย สู่ระดับ 217,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว สุงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 215,000 ราย

กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ประสิทธิภาพในการผลิตของแรงงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐชะลอตัวสู่ระดับ 2.3% ในไตรมาส 2 หลังจากแตะระดับ 3.5% ในไตรมาสแรก เมื่อเทียบรายไตรมาส โดยการชะลอตัวของประสิทธิภาพในการผลิตของแรงงานในไตรมาส 2 ได้รับผลกระทบจากการร่วงลงของประสิทธิภาพในภาคการผลิต ซึ่งดิ่งลงแตะระดับ 2.2% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 2 ปี

ไอเอชเอส มาร์กิต ซึ่งเป็นบริษัทให้บริการข้อมูลทางการเงิน เปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการขั้นสุดท้ายของสหรัฐ ร่วงลงสู่ระดับ 50.7 ในเดือนส.ค. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนมี.ค.2559 และต่ำกว่าระดับเบื้องต้นที่ 50.9 จากระดับ 53.0 ในเดือนก.ค. โดยได้รับผลกระทบจากการชะลอตัวของคำสั่งซื้อใหม่ และการจ้างงาน

ผลสำรวจของสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) พบว่า ดัชนีภาคบริการของสหรัฐดีดตัวแตะระดับ 56.4 ในเดือนส.ค. จากระดับ 53.7 ในเดือนก.ค. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนส.ค.2559 โดยนักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่า ดัชนีภาคบริการของสหรัฐจะปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 54.0 ในเดือนส.ค.

กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า คำสั่งซื้อภาคโรงงานของสหรัฐพุ่งขึ้น 1.4% ในเดือนก.ค. โดยปรับตัวขึ้นเป็นเดือนที่ 2 ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 1.0% หลังจากเพิ่มขึ้น 0.5% ในเดือนมิ.ย.

-- สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญวันนี้ ยุโรปเตรียมเปิดเผยตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 2 (ประมาณการครั้งสุดท้าย) เวลา 16.00 น. ตามเวลาไทย

ส่วนตัวเลขล่าสุดที่เคยรายงานไปแล้วนั้น เมื่อเดือนที่ผ่านมา สำนักงานสถิติแห่งสหภาพยุโรป (ยูโรสแตท) เปิดเผยว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของยูโรโซน มีการขยายตัว 0.2% ในไตรมาส 2 เมื่อเทียบรายไตรมาส สอดคล้องกับตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ หลังจากที่มีการเติบโต 0.4% ในไตรมาสแรก

เมื่อเทียบรายปี เศรษฐกิจยูโรโซนมีการขยายตัว 1.1% ในไตรมาส 2 หลังจากขยายตัว 1.2% ในไตรมาสแรก

การชะลอตัวของเศรษฐกิจยูโรโซนได้รับผลกระทบจากการทำสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและประเทศคู่ค้า รวมทั้งความไม่แน่นอนกรณีการแยกตัวของอังกฤษออกจากสหภาพยุโรป (Brexit)

-- สหรัฐเตรียมรายงานตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนส.ค. เวลา 19.30 น. ตามเวลาไทย

ผลการสำรวจความเห็นของนักวิเคราะห์ระบุว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนส.ค.ของสหรัฐจะเพิ่มขึ้น 150,000 ตำแหน่ง และคาดว่าอัตราการว่างงานจะทรงตัวที่ระดับ 3.7%

ส่วนตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนก.ค.ซึ่งกระทรวงแรงงานสหรัฐได้เปิดเผยไปแล้วนั้น ปรับตัวขึ้น 164,000 ตำแหน่ง ซึ่งใกล้เคียงกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 165,000 ตำแหน่ง ขณะที่อัตราการว่างงานยังคงอยู่ที่ระดับ 3.7% สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลงสู่ระดับ 3.6%


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ