World Today: สรุปประเด็นน่าติดตามประจำวันที่ 11 กันยายน 2562

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday September 11, 2019 09:07 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดในแดนบวกติดต่อกันเป็นวันที่ 5 เมื่อคืนนี้ (10 ก.ย.) หลังจากนักลงทุนส่งแรงซื้อเข้าหนุนหุ้นกลุ่มพลังงานและกลุ่มอุตสาหกรรม รวมทั้งปัจจัยบวกจากรายงานข่าวที่ว่า จีนได้ยื่นข้อเสนอซื้อสินค้าเกษตรจากสหรัฐเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ดี ดัชนี Nasdaq ยังคงปิดในแดนลบ เนื่องจากถูกกดดันจากการร่วงลงของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี

-- ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ประกาศปลดนายโบลตันพ้นตำแหน่งที่ปรึกษาฝ่ายความมั่นคงแห่งชาติ เนื่องจากมีความคิดเห็นไม่ตรงกัน ปธน.ทรัมป์ได้ทวีตข้อความว่า "ผมได้แจ้งคุณจอห์น โบลตันทราบแล้วว่าเขาไม่ต้องมาทำงานที่ทำเนียบขาวอีกต่อไป โดยที่ผ่านมา ผมไม่เห็นด้วยอย่างมากต่อข้อเสนอมากมายของเขา เช่นเดียวกับเจ้าหน้าที่คนอื่นๆในทำเนียบขาว ดังนั้นผมจึงขอให้คุณจอห์นลาออก และเขาได้ยื่นจดหมายลาออกในเช้าวันนี้ ผมขอขอบคุณจอห์นสำหรับการทำงานของเขา และผมจะประกาศชื่อผู้ที่จะมาดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาฝ่ายความมั่นคงแห่งชาติคนใหม่ในสัปดาห์หน้า"

-- นักลงทุนจับตาการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางยุโรป (ECB) ในวันพฤหัสบดีที่ 12 ก.ย.นี้ ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ECB จะปรับลดอัตราดอกเบี้ย และประกาศรื้อฟื้นโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) รอบใหม่ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจยูโรโซน

ขณะเดียวกันนักลงทุนจับตาการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งจะมีขึ้นในวันที่ 17-18 ก.ย.นี้ โดยนักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมครั้งนี้ หลังจากที่ได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% เช่นกันในการประชุมรอบที่แล้วในวันที่ 30-31 ก.ค. ซึ่งเป็นการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่วันที่ 16 ธ.ค.2551

-- แหล่งข่าวเปิดเผยว่า ประธานาธิบดีสี จิ้นผิงได้แสดงความไม่ไว้วางใจประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ในระหว่างที่ปธน.สี จิ้นผิงพบปะกับนายชินโซ อาเบะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น ในเดือนมิ.ย. ท่ามกลางความขัดแย้งทางการค้าระหว่างสหรัฐและจีนในเวลานั้น

แหล่งข่าวระบุว่า ปธน.สี จิ้นผิงได้กล่าวต่อนายอาเบะนอกรอบการประชุม G20 ที่นครโอซากาว่า "ผมไม่สามารถเชื่อในสิ่งที่ประธานาธิบดีทรัมป์พูดเกี่ยวกับการเจรจาการค้า" และแม้ว่านายอาเบะได้กล่าวต่อปธน.สี จิ้นผิงว่า ปธน.ทรัมป์ไว้วางใจปธน.สี จิ้นผิง แต่ปธน.สี จิ้นผิงก็ยังคงแสดงความไม่พอใจต่อปธน.ทรัมป์

ปธน.สี จิ้นผิงได้ยกตัวอย่างความไม่น่าเชื่อถือของปธน.ทรัมป์ โดยระบุว่า ถึงแม้ว่าปธน.ทรัมป์เห็นพ้องกับข้อเสนอของปธน.สี จิ้นผิงที่ให้มีการพูดคุยในประเด็นของบริษัทหัวเว่ยในการเจรจาการค้า แต่เมื่อการเจรจาการค้าเริ่มขึ้น ทางฝ่ายสหรัฐกลับบอกว่า เรื่องของหัวเว่ยไม่ถือเป็นประเด็นในการเจรจาการค้า เนื่องจากเกี่ยวข้องกับความมั่นคง จึงไม่อยู่ในวาระการเจรจา

ปธน.สี จิ้นผิงยังกล่าวว่า ในขณะที่รัฐบาลสหรัฐมักวิพากษ์วิจารณ์จีนเกี่ยวกับการที่รัฐบาลใช้มาตรการอุดหนุนบริษัทของรัฐ แต่สหรัฐเองก็ให้การอุดหนุนบริษัทโบอิ้งเช่นกัน

-- แอปเปิล อิงค์เปิดตัว iPhone ใหม่ 3 รุ่นเมื่อคืนนี้ โดยชูจุดขายเรื่องกล้องที่ถ่ายภาพได้ทั้งในมุมกว้าง และซูมภาพได้ละเอียดขึ้น รวมทั้งแบตเตอรีที่ใช้ได้นานขึ้น

ผู้เชี่ยวชาญระบุว่า iPhone ใหม่ทั้ง 3 รุ่นยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงมากนักจากปีที่แล้ว จนกว่าแอปเปิลจะเปิดตัว iPhone 5G ในปีหน้า ซึ่งจะเพิ่มความเร็วในการรองรับข้อมูลได้มากขึ้น

ทั้งนี้ iPhone 11 จะมาแทนที่ iPhone XR ส่วน iPhone 11 Pro มาแทนที่ iPhone XS ขณะที่ iPhone 11 Pro Max มาแทนที่ iPhone XS Max

สำหรับ iPhone 11 มีหน้าจอ 6.1 นิ้ว มีราคาเริ่มต้นที่ 699 ดอลลาร์ ซึ่งถูกกว่า iPhone XR ถึง 50 ดอลลาร์

ส่วน iPhone 11 Pro มีหน้าจอ 5.8 นิ้ว และ iPhone 11 Pro Max มีหน้าจอ 6.5 นิ้ว โดยมีราคาขั้นต่ำ 999 ดอลลาร์ และ 1,099 ดอลลาร์ตามลำดับ

แอปเปิลจะเปิดรับ pre-order สำหรับ iPhone ทั้ง 3 รุ่นในวันศุกร์นี้ และจะเริ่มจัดส่งสินค้าในวันที่ 20 ก.ย.

-- ศาลสูงในเมืองเบลฟาสต์เตรียมอ่านคำวินิจฉัยในวันพฤหัสบดีนี้เกี่ยวกับการแยกตัวของอังกฤษออกจากสหภาพยุโรปโดยไม่มีการทำข้อตกลง (no-deal Brexit) ว่าจะเป็นการขัดต่อกฎหมายหรือไม่

ทั้งนี้ นายเรย์มอนด์ แมคคอร์ด ซึ่งเป็นนักเคลื่อนไหวเรียกร้องสิทธิ ได้ยื่นเรื่องต่อศาลเพื่อให้วินิจฉัยว่า กรณีของ no-deal Brexit จะเป็นการละเมิดสนธิสัญญาสันติภาพปี 1998 ของไอร์แลนด์เหนือหรือไม่

ที่ผ่านมา นายบอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีอังกฤษ ยืนยันว่า อังกฤษจะแยกตัวออกจากสหภาพยุโรปในวันที่ 31 ต.ค. แม้ไม่มีการทำข้อตกลงก็ตาม

-- สหพันธ์ธุรกิจอิสระแห่งชาติสหรัฐ (NFIB) เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของธุรกิจขนาดย่อมปรับตัวลง 1.6 จุด สู่ระดับ 103.1 ในเดือนส.ค. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนมี.ค.

นอกจากนี้ NFIB ยังระบุว่า เจ้าของกิจการลดความเชื่อมั่นต่อภาวะเศรษฐกิจ และยอดขายในตลาด

เมื่อพิจารณาองค์ประกอบในดัชนีความเชื่อมั่น พบว่า องค์ประกอบ 7 ใน 10 ประเภทได้ปรับตัวลง

-- สำนักงานสถิติของกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยผลสำรวจการเปิดรับสมัครงานและอัตราการหมุนเวียนของแรงงาน (JOLTS) พบว่า ตัวเลขการเปิดรับสมัครงาน ซึ่งเป็นมาตรวัดอุปสงค์ในตลาดแรงงาน ลดลง 31,000 ตำแหน่ง สู่ระดับ 7.2 ล้านตำแหน่งในเดือนก.ค. โดยเป็นการปรับตัวลงเป็นเดือนที่ 2

ส่วนอัตราการเปิดรับสมัครงานลดลงสู่ระดับ 4.5% จากระดับ 4.6% ในเดือนมิ.ย.

การลดลงของตัวเลขการเปิดรับสมัครงานได้รับผลกระทบจากการปรับตัวลงของการจ้างงานในภาคค้าส่ง และในภาครัฐ

อย่างไรก็ดี ตัวเลขการจ้างงานเพิ่มขึ้น 237,000 ตำแหน่ง สู่ระดับ 6.0 ล้านตำแหน่งในเดือนก.ค. ขณะที่อัตราการจ้างงานเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 3.9%

ส่วนตัวเลขการลาออกจากงานโดยสมัครใจเพิ่มขึ้น 130,000 ตำแหน่ง สู่ระดับ 3.6 ล้านตำแหน่ง ซึ่งเป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยมีอัตราการลาออกเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 2.4% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนเม.ย.2544

ขณะเดียวกัน อัตราการปลดออกจากงาน เพิ่มขึ้นในเดือนก.ค. สู่ระดับ 1.2% จากระดับ 1.1% ในเดือนมิ.ย.

-- สำนักงานสถิติแห่งชาติอังกฤษ (ONS) เปิดเผยว่า จำนวนผู้มีงานทำในอังกฤษเพิ่มขึ้น 31,000 คนในช่วงเดือนพ.ค.-ก.ค. แต่ลดลงอย่างมากจากระดับ 115,000 คนในช่วงเดือนเม.ย.-มิ.ย.

ONS ยังเปิดเผยว่า อัตราการว่างงานทรงตัวที่ระดับ 3.8% ในช่วงเดือนพ.ค.-ก.ค. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ปี 2517

ค่าจ้างรวมโบนัสแตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2551 ขณะที่รายได้เฉลี่ยต่อสัปดาห์เพิ่มขึ้น 4%

ส่วนค่าจ้างไม่รวมโบนัสเพิ่มขึ้น 3.8% ซึ่งสูงกว่าอัตราเงินเฟ้อที่ระดับ 2.1%

-- ท่าอากาศยานฮีทโธร์วของกรุงลอนดอนแถลงว่า ทางท่าอากาศยานจะดำเนินการเพื่อสร้างความมั่นใจว่าจะยังคงเปิดให้บริการอย่างปลอดภัยในช่วงที่กลุ่มรณรงค์ต่อต้านการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศใช้โดรนป่วนการบินในวันศุกร์นี้

ทั้งนี้ กลุ่มดังกล่าวซึ่งเรียกตัวเองว่า กลุ่ม Heathrow Pause มีแผนที่จะใช้โดรนขัดขวางการบินในท่าอากาศยานฮีทโธร์วตั้งแต่วันที่ 13 ก.ย. เพื่อกดดันรัฐบาลให้ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอน

ทางด้านตำรวจระบุว่า เจ้าหน้าที่จะดำเนินการทางกฎหมายต่อผู้ที่ใช้โดรนป่วนการบินในท่าอากาศยาน เนื่องจากจะทำให้เกิดอันตรายต่อเครื่องบิน

-- ตลาดจับตาข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญที่มีกำหนดการเปิดเผยวันนี้ ได้แก่ ยอดขายรถเดือนส.ค.ของจีน รวมถึงดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนส.ค.และสต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่งเดือนก.ค.ของสหรัฐ ตลอดจนสต็อกน้ำมันรายสัปดาห์จากสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA)

ส่วนในวันพรุ่งนี้ ญี่ปุ่นเตรียมเปิดเผยยอดสั่งซื้อเครื่องจักรเดือนก.ค. เยอรมนีเตรียมเปิดเผยอัตราเงินเฟ้อเดือนส.ค. อียูจะเปิดเผยการผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนก.ค. ขณะเดียวกันธนาคารกลางยุโรป (ECB) เตรียมจัดประชุมนโยบายการเงินและแถลงมติอัตราดอกเบี้ย ขณะที่สหรัฐเตรียมเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์และอัตราเงินเฟ้อเดือนส.ค.


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ