World Today: สรุปประเด็นน่าติดตามประจำวันที่ 19 กันยายน 2562

ข่าวเศรษฐกิจ Thursday September 19, 2019 09:28 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีมติ 7-3 เสียงในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น 0.25% สู่ระดับ 1.75-2.00% ในการประชุมเมื่อวานนี้ ตามที่ตลาดการเงินคาดการณ์ไว้ อย่างไรก็ดี เฟดไม่ได้ส่งสัญญาณชัดเจนเกี่ยวกับการปรับลดอัตราดอกเบี้ยต่อไป การที่มีกรรมการเฟดถึง 3 รายลงมติต่างจากเสียงส่วนใหญ่ในการประชุมเมื่อวานนี้ บ่งชี้ถึงความแตกแยกระหว่างกรรมการเฟดครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่เดือนธ.ค.2557 ส่วนถ้อยคำในแถลงการณ์หลังการประชุมครั้งนี้แทบไม่แตกต่างจากการประชุมรอบที่แล้ว โดยคณะกรรมการเฟดยังคงเน้นย้ำถึงพัฒนาการของแนวโน้มเศรษฐกิจโลก และระบุว่าการแรงกดดันเงินเฟ้ออยู่ในระดับต่ำ เป็นสาเหตุของการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในครั้งนี้

-- นายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้แถลงข่าวต่อสื่อมวลชนภายหลังจากที่ประชุมเฟดมีมติปรับลดอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นลง 0.25% สู่ระดับ 1.75-2.00% เมื่อวานนี้ว่า การดำเนินนโยบายการเงินอย่างพอเหมาะเช่นนี้จะช่วยให้เศรษฐกิจสหรัฐยังคงขยายตัวอย่างแกร่งท่ามกลางสถานการณ์ในปัจจุบัน และเพื่อสร้างความเชื่อมั่นว่าเศรษฐกิจจะสามารถรับมือกับความเสี่ยงต่างๆที่กำลังเกิดขึ้นในขณะนี้

นายพาวเวลยังกล่าวด้วยว่า เฟดจะไม่ใช้อัตราดอกเบี้ยติดลบเป็นเครื่องมือในการกระตุ้นเศรษฐกิจในอนาคต โดยระบุว่าเฟดเคยพิจารณาเรื่องดังกล่าวในช่วงที่เกิดวิกฤตการเงินปี 2551

-- สภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาสหรัฐ กำลังอยู่ระหว่างการพิจารณาตัวบทกฎหมายใหม่ เพื่อประเมินว่าฮ่องกงเป็นอิสระจากรัฐบาลจีนเพียงพอหรือไม่ในการดำรงสถานะการค้าพิเศษกับสหรัฐ

ความเคลื่อนไหวดังกล่าวเป็นการส่งสัญญาณว่า สหรัฐอาจเปลี่ยนสถานะทางการค้าพิเศษของฮ่องกง เพื่อกดดันให้รัฐบาลจีนเลิกคุกคามกลุ่มผู้ประท้วงเรียกร้องประชาธิปไตยในฮ่องกง

สถานะการค้าพิเศษของฮ่องกงนั้นถูกหยิบมาเป็นเครื่องมือกดดันรัฐบาลจีน หลังกลุ่มนักเคลื่อนไหวเรียกร้องประชาธิปไตยในฮ่องกงได้เดินทางเยือนกรุงวอชิงตัน เพื่อขอเสียงสนับสนุนการต่อต้านรัฐบาลจีน โดยกลุ่มนักเคลื่อนไหวมองว่า รัฐบาลจีนได้ตักตวงผลประโยชน์จากสถานะการค้าพิเศษระหว่างฮ่องกงกับสหรัฐ และขอให้สหรัฐจัดการกับเรื่องนี้

-- ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (18 ก.ย.) หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเมื่อวานนี้ ตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้ อย่างไรก็ดี เฟดไม่ได้ส่งสัญญาณที่ชัดเจนเกี่ยวกับการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในอนาคต

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 27,147.08 จุด เพิ่มขึ้น 36.28 จุด หรือ +0.13% ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,006.73 จุด เพิ่มขึ้น 1.03 จุด หรือ +0.03% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 8,177.39 จุด ลดลง 8.62 จุด, -0.11%

-- ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ทวีตข้อความตำหนินายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ว่าเป็นผู้ที่ไม่มีวิสัยทัศน์ หลังการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในวันนี้

"เจอโรม พาวเวล และเฟดล้มเหลวอีกครั้งหนึ่ง ไม่มีกึ๋น ไม่มีสามัญสำนึก ไม่มีวิสัยทัศน์ และเป็นผู้สื่อสารที่แย่มาก" ข้อความในทวีตเตอร์ระบุ

อย่างไรก็ดี นายพาวเวลกล่าวกับผู้สื่อข่าวในเรื่องนี้ว่า "เฟดมีความเป็นอิสระ ผมอยากให้คุณมั่นใจได้ว่า ผมและกรรมการเฟดทุกคนจะดำเนินนโยบายการเงินโดยไม่คำนึงถึงการเมือง เราทำหน้าที่ของเราอย่างดีที่สุด บนพื้นฐานของความจริง หลักฐาน และการวิเคราะห์ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้เป้าหมายต่างๆของเราบรรลุผล"

-- เจพีมอร์แกน วาณิชธนกิจสหรัฐ ออกรายงานระบุว่า นายบอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีอังกฤษ ไม่มีแนวโน้มที่จะบรรลุข้อตกลงการแยกตัวของอังกฤษออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) ในการประชุมสุดยอดผู้นำสหภาพยุโรป (EU) ในวันที่ 17-18 ต.ค.

"เรามองสถานการณ์ในเชิงลบมากกว่าในเชิงบวก เมื่อพิจารณาถึงแนวโน้มการบรรลุข้อตกลงการแยกตัวของอังกฤษออกจาก EU ในการประชุมสุดยอดในเดือนต.ค."

"สหราชอาณาจักรกำลังใช้กลยุทธ์ในการเสนอรายละเอียดของข้อเสนอในช่วงใกล้กำหนดเส้นตาย Brexit พร้อมกับขู่ถึงผลกระทบของการแยกตัวโดยไม่มีการทำข้อตกลง (no-deal Brexit) เพื่อบังคับให้ EU ยอมรับข้อเสนอของสหราชอาณาจักร"

-- นายฌอง-คล็อด ยุงเกอร์ ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป (EC) กล่าวเตือนว่า อังกฤษกำลังมุ่งหน้าไปสู่เส้นทางของการแยกตัวออกจากสหภาพยุโรป (EU) โดยไม่มีการทำข้อตกลง (no-deal Brexit) ขณะที่เหลือเวลาอีกเพียง 6 สัปดาห์ก่อนที่อังกฤษจะแยกตัวออกจาก EU

นายยุงเกอร์กล่าวว่า นายบอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีอังกฤษ ได้กล่าวต่อเขาว่า อังกฤษยังคงต้องการทำข้อตกลง แต่ก็พร้อมที่จะแยกตัวออกจาก EU ในวันที่ 31 ต.ค. ไม่ว่ามีหรือไม่มีข้อตกลง

"มีเวลาเหลือน้อยมาก และความเสี่ยงของการเกิด no-deal Brexit ก็ใกล้เป็นความจริง" นายยุงเกอร์กล่าว

ทั้งนี้ นายจอห์นสันจะพบกับผู้นำ EU ในการประชุมสุดยอดครั้งสำคัญในวันที่ 17-18 ต.ค. เพียง 2 สัปดาห์ก่อนที่อังกฤษจะแยกตัวจาก EU ในวันที่ 31 ต.ค.

-- นายกรัฐมนตรีอินเดีย นเรนธรา โมดี มีแผนกระตุ้นเศรษฐกิจอินเดียให้มีมูลค่าสูงถึง 5 ล้านล้านดอลลาร์ ภายในปี 2568 อย่างไรก็ดี เศรษฐกิจที่ชะลอตัวลงและวิกฤตทางการธนาคารต่างอยู่ในภาวะเสี่ยง อีกทั้งนักลงทุนต่างชาติยังเริ่มถอนการลงทุนจากอินเดีย

ทั้งนี้ ในไตรมาส 2 เศรษฐกิจของอินเดียขยายตัว 5% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนมี.ค. 2556

-- ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ทวีตข้อความในวันนี้ ระบุว่า เขาได้สั่งการให้กระทรวงการคลังสหรัฐเพิ่มการคว่ำบาตรต่ออิหร่าน

"ผมเพิ่งสั่งการให้กระทรวงการคลังเพิ่มการคว่ำบาตรให้มากขึ้นต่ออิหร่าน" ข้อความในทวิตเตอร์ระบุ

คำสั่งดังกล่าวของปธน.ทรัมป์มีขึ้น หลังเกิดเหตุโจมตีแหล่งผลิตน้ำมันของซาอุดีอาระเบียเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ขณะที่สหรัฐระบุว่าอิหร่านอยู่เบื้องหลังการโจมตีในครั้งนี้ แต่อิหร่านปฏิเสธข้อกล่าวหาดังกล่าว

-- จับตาผลการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) และธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) ในวันนี้ ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจของประเทศต่างๆที่มีกำหนดเปิดเผยในวันนี้ได้แก่ อังกฤษเตรียมเปิดเผยยอดค้าปลีกเดือนส.ค. ขณะที่สหรัฐเตรียมเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ดัชนีการผลิตเดือนก.ย.จากเฟดฟิลาเดลเฟีย, ดุลบัญชีเดินสะพัดไตรมาส 2/2562, ยอดขายบ้านมือสองเดือนก.ค. และดัชนีชี้นำเศรษฐกิจเดือนส.ค.จาก Conference Board ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจในวันพรุ่งนี้ ญี่ปุ่นเตรียมเปิดเผยอัตราเงินเฟ้อเดือนส.ค., เยอรมนีเปิดเผยดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนส.ค. และอียูเปิดเผยความเชื่อมั่นผู้บริโภคเบื้องต้นเดือนก.ย.


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ