Spotlight: ผู้ค้าปลีกสหรัฐคาดยอดขายช่วงวันหยุดแข็งแกร่ง แม้เผชิญความไม่แน่นอนจากต้นทุนภาษีนำเข้า

ข่าวเศรษฐกิจ Friday October 4, 2019 13:36 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

สมาพันธ์ค้าปลีกแห่งชาติของสหรัฐ (NRF) เปิดเผยว่า ยอดค้าปลีกในช่วงวันหยุดในเดือนพ.ย.และธ.ค.ปีนี้ คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 3.8%-4.2% เมื่อเทียบรายปี แต่ผู้ค้าปลีกก็ยังคงเผชิญกับความไม่แน่นอนที่สำคัญจากผลกระทบของภาษีนำเข้าต่อต้นทุนที่แท้จริง

*การคาดการณ์ยอดขายที่แข็งแกร่ง

ตัวเลขคาดการณ์ยอดขายจะแตะที่ระดับ 7.279-7.307 แสนล้านดอลลาร์ โดยตัวเลขดังกล่าวซึ่งไม่รวมยอดขายจากดีลเลอร์รถยนต์, สถานีบริการน้ำมัน และร้านอาหารนั้น สูงกว่ายอดขายเฉลี่ยในช่วงวันหยุดที่เพิ่มขึ้น 3.7% ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา

"เศรษฐกิจสหรัฐยังคงขยายตัว และการใช้จ่ายของผู้บริโภคยังคงเป็นกลไกหลักที่ขับเคลื่อนการขยายตัวนั้น" นายแมทธิว เชย์ ประธานและซีอีโอของ NRF กล่าวระหว่างการแถลงข่าวเมื่อวานนี้

แจ็ค ไคลน์เฮนซ์ หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของ NRF กล่าวว่า "แม้มีความวิตกกังวลทางเศรษฐกิจ แต่ข้อมูลเศรษฐกิจในปัจจุบันและแรงผลักดันของเศรษฐกิจที่ผ่านมาแสดงให้เห็นว่า เราสามารถคาดหวังได้ว่ายอดขายในช่วงเทศกาลวันหยุดจะแข็งแกร่งกว่าปีที่แล้ว"

"การขยายตัวของการจ้างงานและค่าแรงที่สูงขึ้นหมายถึงการมีเงินมากขึ้นในครอบครัว ดังนั้น เราจึงเห็นทั้งความตั้งใจและความสามารถในการใช้จ่ายช่วงเทศกาลวันหยุดปีนี้" เขากล่าว

อย่างไรก็ตาม นายเชย์กล่าวว่า ความไม่แน่นอนเกี่ยวกับประเด็นต่างๆ รวมถึงการค้า, อัตราดอกเบี้ย, ปัจจัยเสี่ยงทั่วโลก และ วาทะกรรมทางการเมือง ทำให้การเติบโตทางเศรษฐกิจของสหรัฐชะลอตัวลง

*การเก็บภาษีนำเข้ายังคงเป็นความวิตกมากที่สุด

นายเชย์ตั้งข้อสังเกตว่า ผู้ค้าปลีกเห็นความไม่แน่นอนมากที่สุดในประเด็นการค้า และในหลายๆ ด้าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับแนวทางการเจรจาระหว่างสหรัฐและจีน และการเก็บภาษีสินค้าที่นำเข้าจากจีน

"ความไม่แน่นอนนั้นทำให้ยากต่อการวางแผนล่วงหน้า และมีผลกระทบไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง ถึงแม้ว่าจนถึงขณะนี้ จะยังไม่ปรากฎว่ามีผลกระทบรุนแรงต่อราคาผู้บริโภคก็ตาม" นายเชย์กล่าว

นายเชย์กล่าวว่า ภาษีนำเข้าจะไม่มีผลกระทบมากนักในช่วงเทศกาลวันหยุด เป็นเพราะความพยายามของผู้ค้าปลีกในการนำแนวทางต่างๆ มาใช้ เพื่อพยายามลดผลกระทบต่อผู้บริโภค และ ท้ายที่สุดผลกระทบก็จะแตกต่างกันไปตามบริษัทและผลิตภัณฑ์

เขากล่าวเสริมว่า ผู้ค้าปลีกใช้กลยุทธ์ต่างๆ โดยขึ้นอยู่กับภาคส่วนของตลาดที่พวกเขาดำเนินงาน, ขนาด และความซับซ้อนของธุรกิจ, ความสัมพันธ์กับซัพพลายเออร์ และ ฐานลูกค้าของพวกเขา

แม้มีความพยายามดังกล่าวข้างต้น แต่ NRF ยังคงพบว่า 79% ของผู้บริโภคที่ได้รับการสำรวจในเดือนก.ย.มีความกังวลว่า ภาษีนำเข้าจะทำให้ราคาสูงขึ้น ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อการใช้จ่ายของพวกเขา

"ความกังวลดังกล่าวสามารถส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของพวกเขาว่าจะมีเสถียรภาพหรือไม่ และส่งผลกระทบต่อแนวโน้มการเติบโตของเศรษฐกิจในอนาคต" นายเชย์เตือน

เขาบ่งชี้ด้วยว่า ความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐและจีนส่งผลกระทบกับต้นทุนที่แท้จริงของผู้ค้าปลีกในแง่ของการกำหนดภาษีนำเข้าสำหรับทุกขั้นตอนของสินค้าทั้งหมด

"ซัพพลายเออร์, ผู้ผลิตหรือเกษตรกร ได้ถูกบังคับต้องให้แบกรับภาษีดังกล่าวในตลาดที่เคยมีกำไรอย่างมาก" นายเชย์ตั้งข้อสังเกต

ถึงแม้ว่าผู้ค้าปลีกจะค้นหา "วิธีที่สร้างสรรค์" เพื่อหลีกเลี่ยงการส่งผ่านผลกระทบของภาษีนำเข้าไปยังผู้บริโภค แต่คำถามก็คือ พวกเขาจะสามารถดำเนินการได้นานเพียงใด และอีกคำถามคือในที่สุดแล้วเศรษฐกิจจะสามารถดำรงอยู่ได้นานแค่ไหน ผมคิดว่านั่นเป็นคำถามที่ต้องตอบในตอนนี้ "

นายเชย์กล่าวว่า NRF คัดค้านยุทธวิธีที่สหรัฐใช้ในการปรับเปลี่ยนความสัมพันธ์ทางการค้าระหว่างสหรัฐกับจีน และเชื่อว่า การดำเนินการผ่านช่องทางพหุภาคีที่เป็นความร่วมมือระหว่างประเทศตามปกติ อาทิ องค์การการค้าโลก (WTO) ควรเป็นหนทางในการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งแทนที่จะเป็นการดำเนินการเพียงฝ่ายเดียว

"ความหวังทั้งหมดของเราคือการที่เราจะหาวิธีที่สร้างสรรค์ในการแก้ไขปัญหาเหล่านี้ เพื่อแก้ไขข้อพิพาททางการค้าของเรา และเพื่อก้าวไปข้างหน้า" นายเชย์กล่าว สำนักข่าวซินหัวรายงาน


แท็ก สหรัฐ  

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ