สื่อต่างประเทศรายงานโดยอ้างการเปิดเผยของแหล่งข่าวว่า คณะบริหารของประธานาธิบดีโดนัล์ ทรัมป์แห่งสหรัฐต้องการที่จะกำหนดวิธีและสถานที่ที่บริษัทรถยนต์ทั่วโลกจะผลิตรถยนต์และชิ้นส่วนรถยนต์เพื่อรักษาสิทธิด้านการปลอดภาษีภายใต้ข้อตกลงการค้าเสรีอเมริกาเหนือ (NAFTA) ฉบับใหม่ ซึ่งนับเป็นการแทรกแซงโดยตรงที่สุดในการจัดการด้านการค้าและการผลิต
ประเด็นดังกล่าวกำลังมีการหารือกันระหว่างเจ้าหน้าที่คณะบริหารของปธน.ทรัมป์, เจ้าหน้าที่สภาคองเกรส และผู้ผลิตรถยนต์ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ในบริบทของกฎหมายที่ผู้ออกกฎหมายจะลงมติให้ข้อตกลงการค้ามีผลบังคับใช้ ขณะที่ทำเนียบขาวต้องการระบุอย่างเฉพาะเจาะจงในข้อตกลงที่จะอนุญาตให้สหรัฐจัดการด้านกฎการผลิตสำหรับบริษัทต่างๆ แต่เพียงฝ่ายเดียว
ข้อตกลงระหว่างสหรัฐ-เม็กซิโก-แคนาดาซึ่งลงนามโดยปธน.ทรัมป์ และประธานาธิบดีของเม็กซิโกและแคนาดาในเดือนพ.ย. 2561 นั้น ยังคงรอการอนุมัติจากสภาคองเกรสสหรัฐ โดยทำเนียบขาวได้กำหนดกฎเกณฑ์การผลิตใหม่สำหรับภาคยานยนต์ อันเป็นส่วนหนึ่งของข้อตกลงที่เป็นประโยชน์มากที่สุดต่อสหรัฐ แต่บริษัทต่างๆ, ผู้ออกกฎหมาย และแม้แต่คณะกรรมาธิการการค้าระหว่างประเทศของสหรัฐที่ทำการวิเคราะห์ทางเศรษฐกิจได้เตือนว่า กฎเกณฑ์ที่เข้มงวดมากจนเกินไปจะทำให้ราคารถยนต์สูงขึ้น และทำให้ยอดขายลดลง
ทั้งนี้ การผลักดันดังกล่าวเกิดขึ้นท่ามกลางการตอบโต้ของปธน.ทรัมป์ด้วยการเก็บภาษีนำเข้าสินค้าในห่วงโซ่อุปทานผ่านทางจีน ซึ่งแสดงให้เห็นว่าการบริหารงานของเขาได้เปลี่ยนแปลงไปจากวิธีการแบบตลาดเสรีของพรรครีพับลิกัน และตั้งใจที่จะใช้เครื่องมือบีบบังคับที่ใช้ในระบบเศรษฐกิจแบบสั่งการเช่นจีน เพื่อควบคุมการผลิตภายในประเทศ