นักเศรษฐศาสตร์สหรัฐกล่าวว่า แม้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะส่งสัญญาณการยุติวงจรของการผ่อนคลายทางการเงิน แต่การที่ข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐชะลอตัวลงก็อาจทำให้เฟดตัดสินใจปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีกในช่วงสองหรือสามไตรมาสข้างหน้า
เมื่อวันพุธที่ผ่านมา เฟดได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งที่ 3 ของปีนี้ ภายหลังการประชุมนโยบาย 2 วันสิ่นสุดลง แต่ส่งสัญญาณว่าจะหยุดลดดอกเบี้ย เพื่อประเมินสภาพเศรษฐกิจก่อนที่จะดำเนินการใดๆเพิ่มเติม
นายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด กล่าวกับผู้สื่อข่าวในการแถลงข่าวหลังการประชุมว่า นโยบายการเงินปัจจุบันน่าจะยังเหมาะสมอยู่ พร้อมชี้ว่า จะคงอัตราดอกเบี้ยในปัจจุบันไว้นานเท่าที่แนวโน้มเศรษฐกิจยังคงเป็นไปตามคาดการณ์เฟด
อย่างไรก็ตาม นางทิฟฟานี วิลดิง ซึ่งรองประธานกรรมการบริหารของ PIMCO บริษัทจัดการการลงทุนระดับโลกเชื่อว่า ข้อมูลเศรษฐกิจในช่วงสองถึงสามไตรมาสข้างหน้ามีแนวโน้มที่จะทำให้เฟดตัดสินใจปรับลดอัตราดอกเบี้ยอีก
นางวิลดิงเขียนในบล็อกเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา"โดยรวมแล้ว เราเชื่อว่าสาเหตุที่จะทำให้มีการปรับลดดอกเบี้ยอีกมีมากกว่าแนวโน้มที่จะมีการปรับขึ้นดอกเบี้ย และเราเชื่อว่าการที่คาดการณ์ว่าจะคงอัตราดอกเบี้ยเช่นนี้ต่อไปอีกอาจจะเป็นการมองโลกในแง่ดีเกินไป"
"อาจไม่ใช่อุปสรรคมากเป็นพิเศษสำหรับเฟดที่จะปรับลดคาดการณ์ เพราะคาดการณ์การเติบโตของเศรษฐกิจในปี 2563 ของเฟดที่ 2% ก็สูงกว่าคาดการณ์ของตลาด (1.7%) และของ PIMCO (1.25-1.75%)" เธอกล่าว
นางวิลดิงตั้งข้อสังเกตว่า การขยายตัวของการค้าและการผลิตในภาคอุตสาหกรรมทั่วโลกยังไม่ได้อยู่ในภาวะวิกฤติ ซึ่งแสดงให้เห็นว่าการลงทุนของสหรัฐและการส่งออกที่ขยายตัวขึ้น จะชะลอตัวลงในไม่ช้า
"การขยายตัวของการบริโภคที่แท้จริงมีแนวโน้มที่จะชะลอตัวลงในช่วงไตรมาสหน้า เนื่องจากกำไรขององค์กรนั้นฉุดการเติบโตของตลาดแรงงาน รายได้รวม และการบริโภคที่แท้จริง" นางวิลดิงกล่าว พร้อมเสริมว่า อัตราเงินเฟ้อของสหรัฐยังคงต่ำกว่าเป้าหมายระยะยาวของเฟดที่ 2%