World Today: สรุปประเด็นน่าติดตามประจำวันที่ 9 ธันวาคม 2562

ข่าวเศรษฐกิจ Monday December 9, 2019 08:20 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้น 337.27 จุด หรือ 1.22% เมื่อวันศุกร์ (6 ธ.ค.) ขานรับตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐที่ขยายตัวได้ดีเกินคาด และจากการที่นักลงทุนมีความเชื่อมั่นมากขึ้นเกี่ยวกับแนวโน้มการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีน

-- กระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรพุ่งขึ้น 266,000 ตำแหน่งในเดือนพ.ย. สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 187,000 ตำแหน่ง

ส่วนอัตราการว่างงานลดลงสู่ระดับ 3.5% ในเดือนพ.ย. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 50 ปี จากระดับ 3.6% ในเดือนต.ค.

-- ตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียมีแนวโน้มสดใสในวันนี้ โดยคาดว่าจะได้รับแรงหนุนจากตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐ รวมทั้งความหวังเกี่ยวกับแนวโน้มการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีน

-- นักลงทุนจับตาการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันที่ 10-11 ธ.ค.นี้ ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าเฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งนี้ หลังจากที่ได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยติดต่อกัน 3 ครั้งในปีนี้

สำหรับการประชุมครั้งหลังสุดของเฟดเมื่อวันที่ 30 ต.ค.ที่ผ่านมานั้น ที่ประชุมมีมติ 8-2 เสียง ให้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น 0.25% สู่ระดับ 1.50-1.75% ตามที่ตลาดการเงินคาดการณ์ไว้

อย่างไรก็ดี เฟดส่งสัญญาณพักวงจรการปรับลดอัตราดอกเบี้ย โดยในแถลงการณ์การประชุมของวันที่ 30 ต.ค.นั้น เฟดได้ถอดประโยคสำคัญออก ซึ่งระบุว่า "เฟดจะดำเนินการอย่างเหมาะสมเพื่อรักษาการขยายตัวทางเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน" ซึ่งประโยคดังกล่าวได้ปรากฎในแถลงการณ์เฟดนับตั้งแต่การประชุมในเดือนมิ.ย.

-- นักลงทุนรอดูผลการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางยุโรป (ECB) ในวันพฤหัสบดีนี้ เพื่อจับสัญญาณเกี่ยวกับทิศทางนโยบายการเงินและอัตราดอกเบี้ย

ส่วนในการประชุมครั้งหลังสุดของ ECB เมื่อวันที่ 24 ต.ค.ที่ผ่านมานั้น ที่ประชุมมีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ซึ่งเป็นอัตราดอกเบี้ยรีไฟแนนซ์ที่ระดับ 0% โดยเป็นระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ และคงอัตราดอกเบี้ยเงินฝากที่ธนาคารพาณิชย์ฝากไว้กับ ECB ที่ระดับ -0.50% ขณะที่คงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ที่ระดับ 0.25%

-- กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) แถลงเมื่อวันศุกร์ว่า โอเปกและประเทศพันธมิตรมีมติปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันอีก 500,000 บาร์เรล/วัน ซึ่งเป็นการปรับลดกำลังการผลิตมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ รวมเป็น 1.7 ล้านบาร์เรล/วัน ในช่วงเดือนม.ค.-มี.ค.63

มติการประชุมดังกล่าวเป็นปัจจัยหนุนราคาน้ำมันดิบดีดตัวขึ้นเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา โดยสัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนม.ค. ปรับตัวขึ้น 77 เซนต์ หรือ 1.3% ปิดที่ 59.20 ดอลลาร์/บาร์เรล และสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนก.พ. เพิ่มขึ้น 1 ดอลลาร์ หรือ 1.6% ปิดที่ 64.39 ดอลลาร์/บาร์เรล

-- สำนักงานสถิติแห่งชาติจีน (NBS) รายงานเมื่อวานนี้ว่า ยอดส่งออกเดือนพ.ย.ร่วงลง 1.1% เมื่อเทียบเป็นรายปี ทำสถิติลดลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 4 เนื่องจากสงครามการค้ายังคงส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจจีน

ส่วนยอดนำเข้าในเดือนพ.ย.ขยับขึ้น 0.3% ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนเม.ย. และออกมาดีกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะร่วงลง 1.4%

ทั้งนี้ จีนมียอดเกินดุลการค้าในเดือนพ.ย.อยู่ที่ระดับ 3.873 หมื่นล้านดอลลาร์ ลดลงจากระดับ 4.281 หมื่นล้านดอลลาร์ในเดือนต.ค. และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 4.43 หมื่นล้านดอลลาร์

-- นายหลิว ฉีจิน ที่ปรึกษาด้านนโยบายของธนาคารกลางจีนเปิดเผยว่า เศรษฐกิจจีนมีแนวโน้มขยายตัวต่ำกว่าระดับ 6% ในช่วง 5 ปีข้างหน้า โดยคาดว่าจะขยายตัวราว 5% - 6% ในช่วงปี 2563-2568

นายหลิวแสดงความเห็นว่า นโยบายการเงินของธนาคารกลางจีนอยู่ในภาวะค่อนข้างผ่อนคลาย และยังกล่าวด้วยว่า ความพยายามที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจให้ขยายตัวมากเกินไปนั้น ไม่เป็นผลดีต่อภาพรวมเศรษฐกิจของประเทศ

-- หัวหน้าพรรคการเมืองต่างๆของอังกฤษต่างเร่งหาเสียง ก่อนหน้าที่การเลือกตั้งทั่วไปของอังกฤษจะเริ่มเปิดฉากขึ้นในวันที่ 12 ธ.ค.นี้ โดยนายบอริส จอห์นสัน หัวหน้าพรรคอนุรักษ์นิยม ได้ระบุในจดหมายเปิดผนึกว่า การเลือกตั้งครั้งนี้จะเป็นการเลือกตั้งครั้งประวัติศาสตร์ และทางเลือกที่จะเดินหน้าต่อไปภายหลังการถอนตัวของอังกฤษออกจากสหภาพยุโรป (Brexit)

ทางด้านนายเจเรมี คอร์บิน หัวหน้าพรรคแรงงาน กล่าวว่า การเลือกตั้งครั้งนี้จะเป็นโอกาสที่ลงคะแนนเสียงเพื่อความหวัง และตนเองมีแผนการณ์ที่ทะเยอทะยานที่สุดสำหรับการเปลี่ยนแปลงโฉมหน้าของประเทศในรอบหลายสิบปี

-- ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐ ได้ทวีตขอบคุณอิหร่านที่ยอมแลกเปลี่ยนตัวนักโทษ โดยข้อความในทวีตของผู้นำสหรัฐระบุว่า ขอบคุณอิหร่านสำหรับการเจรจาต่อรองที่มีความยุติธรรมเป็นอย่างยิ่ง เห็นมั้ย เราสามารถทำข้อตกลงร่วมกันได้!

สหรัฐและอิหร่านได้แลกเปลี่ยนตัวนักโทษ 2 ราย ได้แก่ นายซียื่อ หวาง นักวิจัยชาวอเมริกันเชื้อสายจีนที่ถูกตัดสินว่าเป็นสายลับในอิหร่าน และนายมาสซุด โซเลมานี ผู้เชี่ยวชาญด้านสเต็มเซลล์ซึ่งถูกกล่าวหาว่าละเมิดมาตรการคว่ำบาตรทางการค้าด้วยการส่งออกวัตถุด้านชีววิทยาให้กับอิหร่าน

ทั้งนี้ นายหวางถูกจับกุมตัวในอิหร่านเมื่อปี 2559 โทษฐานร่วมมือกับรัฐบาลต่างชาติ ขณะที่นายมาสซุดถูกจับกุมตัวที่สนามบินชิคาโก้เมื่อปีที่แล้ว

การแลกเปลี่ยนตัวนักโทษระหว่างสหรัฐและอิหร่านครั้งนี้ถือเป็นสัญญาณที่เกิดขึ้นไม่บ่อยครั้งนักสำหรับการดำเนินการภายใต้ความร่วมมือกันของทั้ง 2 ประเทศ

-- สำนักงานคณะรัฐมนตรีญี่ปุ่นเปิดเผยในวันนี้ว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 3 ของญี่ปุ่น ขยายตัว 1.8% เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งแข็งแกร่งกว่าตัวเลขประมาณการเบื้องต้นที่ระบุว่า GDP ขยายตัวเพียง 0.2% โดยได้แรงหนุนจากการลงทุนภาคเอกชน

สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า ตัวเลข GDP ไตรมาส 3 ขยายตัวได้ดีกว่าที่นักวิเคราะห์ในโพลสำรวจของเกียวโดคาดว่าจะขยายตัวเพียง 0.8%

-- จับตาข้อมูลเศรษฐกิจในวันนี้ โดยเยอรมนีเตรียมเปิดเผยดุลการค้าเดือนต.ค. ส่วนในวันพรุ่งนี้ จีนเปิดเผย ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนพ.ย. และดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนพ.ย. ขณะที่อังกฤษเตรียมเปิดเผยดุลการค้าเดือนต.ค.และการผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนต.ค. ส่วนสถาบัน ZEW เตรียมเปิดเผยความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจเดือนธ.ค.ของเยอรมนีและอียู ทางด้านสหรัฐเปิดเผยความเชื่อมั่นของธุรกิจขนาดย่อมเดือนพ.ย.จากสหพันธ์ธุรกิจอิสระแห่งชาติสหรัฐ (NFIB)


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ