World Today: สรุปประเด็นน่าติดตามประจำวันที่ 11 ธันวาคม 2562

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday December 11, 2019 09:28 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ ขณะที่นักลงทุนรอดูความชัดเจนว่า สหรัฐจะเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีนเพิ่มเติมในวันที่ 15 ธ.ค.นี้หรือไม่ นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาผลการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันนี้ตามเวลาสหรัฐ หรือในช่วงเช้าวันพรุ่งนี้ตามเวลาไทย เพื่อจับสัญญาณเกี่ยวกับแนวโน้มอัตราดอกเบี้ย

-- สื่อต่างประเทศหลายแห่งซึ่งรวมถึงสำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า เจ้าหน้าที่จีนคาดว่าประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐจะเลื่อนการปรับขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจีนที่กำหนดไว้ในวันอาทิตย์ที่ 15 ธ.ค.นี้ เพื่อให้เวลามากขึ้นในการเจรจาทำข้อตกลงการค้าชั่วคราว ซึ่งทั้งสองฝ่ายยังคงยืนยันว่าใกล้จะบรรลุข้อตกลง แม้ต้องเลื่อนกำหนดเส้นตายหลายครั้งแล้วก็ตาม

เจ้าหน้าที่เปิดเผยว่า สหรัฐและจีนซึ่งยังคงติดต่อกันเกือบทุกวันนั้น ใกล้ที่จะบรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับภาษีนำเข้าที่ถูกกำหนดไว้แล้ว แต่แทนที่จะยกเลิกภาษีที่มีอยู่ กลับเป็นการให้ความสำคัญกับการปรับลดอัตราภาษีที่มีผลบังคับใช้แล้ว

นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่คาดว่าปธน.ทรัมป์จะประชุมกับคณะทำงานด้านการค้าของเขาในวันพฤหัสบดีนี้ ขณะที่ยังคงมีการหารือเกี่ยวกับแนวโน้มการเลื่อนเก็บภาษีนำเข้าที่กำหนดไว้ในวันที่ 15 ธ.ค.นี้

-- นายแลร์รี่ คุดโลว์ หัวหน้าที่ปรึกษาฝ่ายเศรษฐกิจประจำทำเนียบขาว เปิดเผยว่า สหรัฐยังคงพร้อมที่จะเรียกเก็บภาษีเพิ่มขึ้นต่อสินค้านำเข้าจากจีนในวันที่ 15 ธ.ค. หลังมีกระแสข่าวว่า สหรัฐอาจชะลอการเรียกเก็บภาษีในวันดังกล่าว

"ความจริงก็คือ สหรัฐยังคงพร้อมที่จะเรียกเก็บภาษีเหล่านี้ในวันที่ 15 ธ.ค. โดยท่านประธานาธิบดีระบุว่าหากการเจรจายังคงไม่ได้ผลลัพธ์ตามที่ท่านต้องการ สหรัฐก็จะกลับมาเรียกเก็บภาษีเหล่านี้" นายคุดโลว์กล่าว

นายคุดโลว์กล่าว หลังจากที่หนังสือพิมพ์วอลล์สตรีท เจอร์นัลรายงานว่า สหรัฐจะชะลอการเรียกเก็บภาษีเพิ่มขึ้นต่อสินค้านำเข้าจากจีนในวันที่ 15 ธ.ค.

วอลล์สตรีท เจอร์นัลยังระบุว่า เจ้าหน้าที่เจรจาการค้าของสหรัฐได้เรียกร้องจีนให้คำมั่นสัญญาที่จะซื้อสินค้าเกษตรจากสหรัฐเพิ่มขึ้น ก่อนที่จะมีการบรรลุข้อตกลงการค้า ขณะที่จีนต้องการให้การซื้อสินค้าเกษตรสหรัฐมีสัดส่วนสอดคล้องกับการที่สหรัฐยกเลิกการเรียกเก็บภาษีต่อสินค้านำเข้าจากจีน

นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่สหรัฐต้องการให้มีการทบทวนทุกรายไตรมาสเพื่อรับรองว่าจีนได้ซื้อสินค้าเกษตรสหรัฐตามที่ได้ตกลงกันไว้

-- หนังสือพิมพ์เซาธ์ ไชน่า มอร์นิ่ง โพสต์รายงานว่า สหรัฐและจีนไม่มีแนวโน้มที่จะบรรลุข้อตกลงการค้าเฟสแรกในสัปดาห์นี้

รายงานระบุว่า โอกาสที่สหรัฐจะบรรลุข้อตกลงการค้ากับจีนได้ริบหรี่ลง ขณะที่สหรัฐกำลังให้ความสนใจต่อการบรรลุข้อตกลงสหรัฐอเมริกา-เม็กซิโก-แคนาดา (USMCA)

แหล่งข่าวเปิดเผยว่า สมาชิกพรรคเดโมแครตในสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐและฝ่ายบริหารของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ใกล้บรรลุข้อตกลง USMCA เพื่อนำมาทดแทนข้อตกลงการค้าเสรีอเมริกาเหนือ (NAFTA)

อย่างไรก็ดี เซาธ์ ไชน่า มอร์นิ่ง โพสต์ระบุว่า แม้ว่าสหรัฐและจีนไม่สามารถบรรลุข้อตกลงในสัปดาห์นี้ แต่สหรัฐก็ไม่มีแนวโน้มที่จะเพิ่มการเรียกเก็บภาษีต่อสินค้านำเข้าจากจีนในวันที่ 15 ธ.ค.ตามที่มีการกำหนดไว้ก่อนหน้านี้

-- ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ทวีตข้อความเมื่อคืนนี้ว่า การที่สภาคองเกรสเตรียมถอดถอนเขาออกจากตำแหน่ง ถือเป็นการกลั่นแกล้งทางการเมือง เนื่องจากเขาเป็นประธานาธิบดีที่มีผลงานในการทำให้เศรษฐกิจสหรัฐขยายตัวอย่างแข็งแกร่ง

"ประธานาธิบดีซึ่งผ่านการพิสูจน์จากผลงานมาแล้ว ซึ่งรวมถึงการทำให้สหรัฐมีเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งที่สุดในประวัติศาสตร์ และประธานาธิบดีคนนี้ถือเป็นหนึ่งในผู้ที่ประสบความสำเร็จที่สุดของสหรัฐ และที่สำคัญที่สุดคือ เขาไม่ได้ทำอะไรผิด การถอดถอนประธานาธิบดีคนนี้เกิดจากความบ้าคลั่งทางการเมือง" ข้อความในทวิตเตอร์ระบุ

ด้านนางสเตฟานี กริสแชม โฆษกทำเนียบขาว ได้ออกมาเปิดเผยว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์จะเข้าชี้แจงต่อวุฒิสภาเกี่ยวกับ 2 ข้อหาที่สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐได้ยื่นถอดถอนเขาออกจากตำแหน่ง

"ท่านประธานาธิบดีจะชี้แจงต่อวุฒิสภาเกี่ยวกับข้อหาที่ไม่มีมูลความจริง และหวังว่าวุฒิสภาจะตัดสินให้ท่านพ้นผิด เนื่องจากท่านไม่ได้ทำสิ่งใดผิด" นางกริสแชมกล่าว

ทั้งนี้ คณะกรรมาธิการตุลาการประจำสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐประกาศญัตติเกี่ยวกับการถอดถอนประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์เมื่อวานนี้โดยมี 2 ญัตติ ได้แก่ การใช้อำนาจในทางมิชอบ และขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ของสภาคองเกรส

คณะกรรมาธิการตุลาการจะลงมติต่อญัตติดังกล่าวในสัปดาห์นี้ ก่อนที่จะยื่นเข้าสู่การพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎรแบบเต็มคณะ

-- สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐซึ่งสังกัดพรรคเดโมแครตประกาศว่า พวกเขาได้บรรลุข้อตกลงกับคณะบริหารของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์เกี่ยวกับการปรับแก้ไขข้อตกลงสหรัฐ-เม็กซิโก-แคนาดา (USMCA) ซึ่งเป็นข้อตกลงการค้าอเมริกาเหนือฉบับใหม่

นางแนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐเปิดเผยในการแถลงข่าวร่วมกับส.ส.เดโมแครตคนอื่นๆว่า "นี่เป็นวันที่เราได้ดำเนินการเพื่อที่จะบรรลุข้อตกลงกับรัฐบาล"

"แน่นอนว่า ไม่มีข้อสงสัยเลยว่า ข้อตกลงการค้านี้ดีกว่า NAFTA มาก แต่ในแง่ของการทำงานของเรา การเปลี่ยนแปลงที่เราเสนอสำหรับข้อตกลงการค้าฉบับใหม่นั้น ดีกว่าที่รัฐบาลเสนอไว้เริ่มแรก" นางเพโลซีกล่าวถึงการปรับแก้ไขข้อตกลง USMCA ซึ่งจะมาแทนที่ข้อตกลงเขตการค้าเสรีอเมริกาเหนือ (NAFTA) ที่ใช้มา 25 ปี

ความเคลื่อนไหวดังกล่าวมีขึ้น หลังจากที่ผู้นำของสหรัฐ, แคนาดา และเม็กซิโกลงนามร่วมกันในข้อตกลง USMCA มาเป็นเวลากว่า 1 ปี ขณะที่พรรคเดโมแครตก็พยายามเจรจากับเจ้าหน้าที่บริหารของปธน.ทรัมป์มาหลายเดือน เพื่อแก้ไขข้อกังวลของพวกเขาเกี่ยวกับเครื่องมือบังคับใช้สำหรับมาตรฐานด้านแรงงานและสิ่งแวดล้อม รวมถึงข้อกำหนดด้านเวชภัณฑ์ในข้อตกลงการค้าไตรภาคีฉบับใหม่ดังกล่าว

-- สำนักงานสถิติแห่งชาติอังกฤษ (ONS) เปิดเผยว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของอังกฤษปรับตัวขึ้น 0.7% ในเดือนต.ค. เมื่อเทียบรายปี ซึ่งเป็นการขยายตัวต่ำที่สุดนับตั้งแต่เดือนมี.ค.2555

นอกจากนี้ เศรษฐกิจอังกฤษขยายตัว 0% ในเดือนต.ค. เมื่อเทียบรายเดือน ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 0.1%

การชะลอตัวของเศรษฐกิจอังกฤษได้รับผลกระทบจากความไม่แน่นอนของการแยกตัวของอังกฤษออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) และการเลือกตั้งทั่วไปในวันที่ 12 ธ.ค.

0NS ยังเปิดเผยด้วยว่า ตัวเลขการขาดดุลการค้าของอังกฤษพุ่งขึ้นสู่ระดับ 1.45 หมื่นล้านปอนด์ในเดือนต.ค. จากระดับ 1.15 หมื่นล้านปอนด์ในเดือนก.ย. ซึ่งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ว่า ตัวเลขการขาดดุลการค้าจะแตะระดับ 1.165 หมื่นล้านปอนด์ในเดือนต.ค.

-- นักลงทุนจับตาผลการประชุมนโยบายการเงินของเฟดในวันนี้ตามเวลาสหรัฐ หรือในช่วงเช้าตรู่วันพรุ่งนี้ตามเวลาไทย ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่า เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งนี้ หลังจากปรับลดอัตราดอกเบี้ยติดต่อกัน 3 ครั้งในปีนี้

นอกจากนี้ นักลงทุนยังรอดูข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญของประเทศต่าง ๆ ที่มีกำหนดการเปิดเผยในวันนี้ ได้แก่ ยอดขายรถเดือนพ.ยของจีน รวมถึงอัตราเงินเฟ้อเดือนพ.ย.ของสหรัฐ และสต็อกน้ำมันรายสัปดาห์จากสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA)

ส่วนในวันพรุ่งนี้ ญี่ปุ่นเตรียมเปิดเผย ยอดสั่งซื้อเครื่องจักรเดือนต.ค. ในขณะที่เยอรมนีจะเปิดเผยอัตราเงินเฟ้อเดือนพ.ย. ด้านอียูเตรียมเปิดเผยการผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนต.ค. ธนาคารกลางยุโรป (ECB) จะจัดประชุมนโยบายการเงินและแถลงมติอัตราดอกเบี้ย และสหรัฐจะเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ รวมถึงดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนพ.ย.


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ