ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวขึ้นเล็กน้อยในช่วงเช้าวันนี้ หลังตลาดหุ้นสหรัฐปิดบวกทำนิวไฮเมื่อคืนนี้ ท่ามกลางความเชื่อมั่นของนักลงทุนเกี่ยวกับความตึงเครียดด้านการค้าที่ลดลงระหว่างสหรัฐ-จีน
ตลาดหุ้นญี่ปุ่นและเกาหลีใต้บวกขึ้นเช้านี้ ขณะที่ตลาดหุ้นออสเตรเลียทรงตัวหลังปรับตัวขึ้นอย่างมากเมื่อวานนี้ แต่สัญญาฟิวเจอร์ดัชนี S&P 500 ลดลง หลังจากปิดที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ครั้งใหม่เมื่อคืนนี้ โดยได้แรงหนุนจากการทำข้อตกลงการค้าระหว่างสหรัฐและจีน และความเชื่อมั่นทางธุรกิจที่ฟื้นตัวขึ้น
-- บรรดานักเศรษฐศาสตร์คาดว่า เศรษฐกิจฮ่องกงจะหดตัวลง 1.3% ในปี 2562 และคาดว่าจะหดตัวลงต่อไปเมื่อเทียบรายปีในช่วง 2 ไตรมาสแรกของปี 2563 ด้วย โดยจะขึ้นอยู่กับว่าการประท้วงของชาวฮ่องกงในอนาคตจะเป็นไปอย่างสันติหรือจะนำไปสู่ความรุนแรง
ส่วนแนวโน้มธุรกิจของฮ่องกงอยู่ที่ระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ปี 2546 โดยไอเอชเอส มาร์กิตเปิดเผยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ของฮ่องกง ปรับตัวลงสู่ระดับ 38.5 ในเดือนพ.ย. จากระดับ 39.3 ในเดือนต.ค. โดยดัชนี PMI ลดต่ำกว่าระดับ 50 ซึ่งบ่งชี้ภาวะธุรกิจหดตัวนับตั้งแต่เดือนเม.ย. 2561
-- ธนาคารกลางออสเตรเลีย (RBA) เปิดเผยรายงานการประชุมประจำเดือนธ.ค.ในวันนี้ โดยธนาคารกลางส่งสัญญาณว่าอาจจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยอีกครั้งในการประชุมเดือนก.พ. หากรายได้ภาคครัวเรือนยังคงอยู่ในภาวะย่ำแย่ หรือตลาดแรงงานกลับเข้าสู่ภาวะตกต่ำ
รายงานการประชุมเดือนธ.ค.ระบุว่า คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของ RBA ได้แสดงความกังวลเกี่ยวค่าจ้างที่ขยายตัวในอัตราที่อ่อนแอเกินกว่าที่จะกระตุ้นอัตราเงินเฟ้อ หรือการอุปโภคบริโภคให้ฟื้นตัวขึ้นได้
-- จีนและรัสเซียได้เผยแพร่ร่างมติถึงคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (UN) เพื่อเสนอให้ยกเลิกมาตรการคว่ำบาตรต่อเกาหลีเหนือ ซึ่งรวมถึงการห้ามส่งออกรูปปั้น, อาหารทะเล และสิ่งทอ
ร่างมติดังกล่าวยังเรียกร้องให้ UN ยกเลิกคำสั่งห้ามชาวเกาลีเหนือไปทำงานในต่างประเทศ และยกเลิกข้อกำหนดในปี 2560 ที่ให้ส่งแรงงานเกาหลีเหนือกลับประเทศภายในสัปดาห์หน้า รวมถึงยกเลิกการคว่ำบาตรโครงการร่วมมือด้านการสร้างรถไฟและถนนระหว่างเกาหลีเหนือและเกาหลีใต้ด้วย
-- บริษัท โบอิ้ง โค ออกแถลงการณ์ยืนยันว่า ทางบริษัทจะระงับการผลิตเครื่องบินรุ่น 737 MAX เป็นการชั่วคราว โดยจะเริ่มตั้งแต่เดือนม.ค. 2563 อันเนื่องมาจากความกังวลด้านความปลอดภัย หลังจากเกิดเหตุการณ์เครื่องบินรุ่น 737 MAX ของโบอิ้งตกถึง 2 ครั้ง และส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก
โบอิ้งออกแถลงการณ์ในวันจันทร์ตามเวลาสหรัฐว่า ขณะนี้โบอิ้งมีเครื่องบินรุ่น 737 MAX ค้างสต็อกอยู่จำนวน 400 ลำ เนื่องจากหน่วยงานกำกับดูแลด้านการบินได้สั่งระงับการขึ้นบินของเครื่องบินรุ่นดังกล่าว ด้วยเหตุนี้ โบอิ้งจึงได้ตัดสินใจที่จะนำเครื่องบินที่เหลืออยู่ในสต็อกออกมาทยอยส่งมอบให้กับลูกค้า และจะระงับการผลิตเครื่องบิน 737 MAX เป็นการชั่วคราว โดยจะเริ่มตั้งแต่เดือนหน้าเป็นต้นไป
-- นายสตีเวน มนูชิน รมว.คลังสหรัฐ กล่าวยืนยันว่า สหรัฐและจีนจะลงนามในข้อตกลงการค้าเฟสแรกในต้นเดือนม.ค. และหลังจากนั้นทั้งสองฝ่ายจะเริ่มต้นเจรจาทำข้อตกลงเฟสสอง
"เราจะใช้เวลาเล็กน้อยในการแปลเนื้อหาในข้อตกลงเฟสแรก และจะมีการลงนามข้อตกลงในช่วงต้นเดือนม.ค. และหลังจากนั้น เราจะเริ่มต้นเจรจาข้อตกลงเฟสสอง" นายมนูชินกล่าว
นายมนูชินเปิดเผยว่า ข้อตกลงเฟสแรกระบุถึงการถ่ายโอนเทคโนโลยี, ทรัพย์สินทางปัญญา, การซื้อสินค้าเกษตร, การเข้าถึงภาคบริการทางการเงิน และการดำเนินการด้านปริวรรตเงินตรา
-- รัฐบาลอินโดนีเซียทำการยื่นฟ้องสหภาพยุโรป (EU) ต่อองค์การการค้าโลก (WTO) เมื่อวานนี้ โดยระบุว่า การที่ EU ตั้งกำแพงภาษีต่อการนำเข้าเชื้อเพลิงชีวภาพที่ทำจากน้ำมันปาล์มถือเป็นการดำเนินการที่ไม่ยุติธรรม
ทางด้าน EU ได้ทำการร้องเรียน WTO ในเดือนพ.ย.ต่อการที่อินโดนีเซียประกาศห้ามการส่งออกแร่นิกเกิล และได้ตอบโต้อินโดนีเซียด้วยการเรียกเก็บภาษีนำเข้าไบโอดีเซลเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว โดยอ้างว่าการทำไร่ปาล์มน้ำมันของอินโดนีเซียได้ทำให้เกิดการตัดไม้ทำลายป่าจำนวนมาก จึงไม่ควรถูกรวมอยู่ในเป้าหมายการผลิตพลังงานหมุนเวียน
-- ประธานาธิบดีสี จิ้นผิงได้พบนางแคร์รี ลัม ผู้ว่าการเขตบริหารพิเศษฮ่องกง ที่เดินทางไปยังกรุงปักกิ่งเมื่อวานนี้ ซึ่งนางลัมได้รายงานสถานการณ์ในฮ่องกง รวมทั้งการดำเนินการของรัฐบาลฮ่องกงแก่ผู้นำจีน
ทางด้านปธน.สี จิ้นผิงกล่าวว่า ปีนี้ถือเป็นปีที่ยากลำบากที่สุด และมีความยุ่งยากซับซ้อนมากที่สุดสำหรับฮ่องกง นับตั้งแต่ที่อังกฤษส่งมอบเกาะฮ่องกงกลับคืนสู่การปกครองของจีนในวันที่ 1 ก.ค.2540
นอกจากนี้ ปธน.สี จิ้นผิงยังยืนยันว่า รัฐบาลจีนยังคงให้การสนับสนุนนางลัมในการเป็นผู้นำรัฐบาลฮ่องกงต่อไป และสนับสนุนให้ตำรวจฮ่องกงรักษากฎหมายโดยเคร่งครัด
-- จับตาข้อมูลเศรษฐกิจของประเทศต่างๆในวันนี้ โดยอังกฤษเปิดเผยอัตราว่างงานเดือนก.ย., อียูเปิดเผยดุลการค้าเดือนต.ค. และสหรัฐเตรียมเปิดเผยตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านและการอนุญาตก่อสร้างเดือนพ.ย., การผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนพ.ย. และตัวเลขการเปิดรับสมัครงานและอัตราการหมุนเวียนของแรงงาน (JOLTS) เดือนต.ค.
ส่วนในวันพรุ่งนี้ ญี่ปุ่นเปิดเผยยอดนำเข้า ยอดส่งออก และดุลการค้าเดือนพ.ย., เยอรมนีเปิดเผยดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนพ.ย. และดัชนีภาวะธุรกิจเดือนธ.ค.จาก Ifo, อังกฤษเปิดเผยอัตราเงินเฟ้อเดือนพ.ย., อียูเปิดเผยอัตราเงินเฟ้อเดือนพ.ย. และสหรัฐเปิดเผยสต็อกน้ำมันรายสัปดาห์จากสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA)