World Today: สรุปประเด็นน่าติดตามประจำวันที่ 18 ธันวาคม 2562

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday December 18, 2019 09:09 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ตลาดหุ้นสหรัฐยังคงเดินหน้าทำนิวไฮอย่างต่อเนื่องเมื่อคืนนี้ หลังจากสหรัฐเปิดเผยรายงานตัวเลขการสร้างบ้านและการผลิตภาคอุตสาหกรรมที่ขยายตัวแข็งแกร่งเกินคาด ซึ่งทำให้นักลงทุนมีความเชื่อมั่นต่อแนวโน้มเศรษฐกิจของสหรัฐ นอกจากนี้ ตลาดยังคงขานรับข่าวสหรัฐและจีนบรรลุข้อตกลงการค้าเฟสแรก และเตรียมเจรจาข้อตกลงเฟสที่สอง

-- ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) รายงานว่า ตัวเลขการผลิตภาคอุตสาหกรรมโดยรวมของสหรัฐเพิ่มขึ้น 1.1% ในเดือนพ.ย. สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 0.7% โดยได้รับปัจจัยหนุนจากการที่พนักงานของบริษัทเจเนอรัล มอเตอร์ (GM) ยุติการผละงานประท้วง

ทางด้านกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขการเริ่มต้นสร้างบ้านเพิ่มขึ้น 3.2% ในเดือนพ.ย. เมื่อเทียบรายเดือน สู่ระดับ 1.365 ล้านยูนิต จากระดับ 1.323 ล้านยูนิตในเดือนต.ค. สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าตัวเลขการเริ่มต้นสร้างบ้านเดือนพ.ย.จะเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 1.345 ล้านยูนิต โดยได้ปัจจัยหนุนจากอัตราดอกเบี้ยเงินกู้จำนองในระดับต่ำ

-- นักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ที่อังกฤษแยกตัวออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) หลังจากมีรายงานว่า นายบอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีอังกฤษ เตรียมออกกฎหมายป้องกันไม่ให้มีการขยายเวลาช่วงเปลี่ยนผ่านของอังกฤษหลังจากแยกตัวจากสหภาพยุโรป (Brexit) เกินสิ้นปี 2563 ส่งผลให้นักลงทุนกังวลว่าอังกฤษอาจแยกตัวจากสหภาพยุโรป (EU) โดยไม่มีการทำข้อตกลง (no-deal Brexit) สื่ออังกฤษรายงานว่า นายจอห์นสันจะเพิ่มบทบัญญัติหนึ่งเข้าไปในร่างกฎหมาย Brexit ซึ่งจะระบุห้ามการขยายช่วงเวลาเปลี่ยนผ่านของอังกฤษเกินกว่าเดือนธ.ค.2563 หลังจากที่อังกฤษแยกตัวจาก EU อย่างเป็นทางการในวันที่ 31 ม.ค.2563

รายงานดังกล่าวสร้างความวิตกว่าระยะเวลา 11 เดือนที่เหลืออยู่จะไม่เพียงพอสำหรับการเจรจาการค้าระหว่างอังกฤษและ EU ซึ่งอาจทำให้เกิดภาวะ no-deal Brexit

-- ตลาดการเงินยังคงจับตาการค้าระหว่างสหรัฐและจีนอย่างใกล้ชิด โดยแม้นักลงทุนบางส่วนจะยังมีข้อกังขาเกี่ยวกับข้อตกลงการค้าระหว่างสหรัฐและจีน รวมถึงยังวิตกกังวลเกี่ยวกับการขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐ แต่ตลาดยังคงอยู่ในภาวะกระทิง หลังดัชนีความตึงเครียดทางการเงินซึ่งจัดทำโดยแบงก์ ออฟ อเมริกา ปรับตัวลงแตะระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ค. ขณะที่หุ้นราคาถูกปรับตัวขึ้น ส่วนเม็ดเงินก็ไหลเข้าสู่ตลาดเกิดใหม่ โดยได้รับแรงหนุนจากความคืบหน้าในด้านการค้าโลก, การที่ตลาดแรงงานสหรัฐมีความแข็งแกร่ง และการที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) คงอัตราดอกเบี้ยให้อยู่ในระดับค่ำ

-- สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐได้อนุมัติร่างกฎหมายงบประมาณรายจ่ายวงเงิน 1.4 ล้านล้านดอลลาร์แล้ว เพื่อที่จะหลีกเลี่ยงการปิดหน่วยงานรัฐบาลสหรัฐหรือชัตดาวน์ภายในวันศุกร์นี้

สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐอนุมัติร่างกฎหมายงบประมาณรายจ่ายในวันอังคารตามเวลาสหรัฐ เพื่อให้หน่วยงานของรัฐบาลกลางสามารถเปิดทำการไปจนถึงวันที่ 30 ก.ย. 2563 และได้ส่งต่อร่างกฎหมายดังกล่าวให้วุฒิสภา โดยประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ต้องทำการลงนามในร่างกฎหมายดังกล่าวภายในวันศุกร์ที่ 20 ธ.ค.นี้ซึ่งเป็นวันที่กฎหมายงบประมาณรายจ่ายชั่วคราวฉบับปัจจุบันจะหมดอายุลง

-- ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้โจมตีนางแนนซี เปโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎร ว่า เธอได้เปลี่ยนสภาสหรัฐให้กลายเป็น "ศาล Star Chamber" ที่ล้าสมัย เพื่อพยายามขับปธน.ทรัมป์ออกจากตำแหน่งประธานาธิบดี พร้อมระบุว่า พรรคของนางเปโลซีจะต้องถูกประชาชนลงโทษในการเลือกตั้งซึ่งจะมีขึ้นในปีหน้า

-- ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ได้ส่งมอบเครื่องบรรทุกเครื่องบินลำแรกให้กับกองทัพเรือ ในพิธีทดสอบระบบการใช้งานของเรือรบในเมืองซานย่า ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากเกาะไฮ่หนาน โดยเรือลำดังกล่าวมีชื่อว่าซานตง

-- กระทรวงแรงงานและสวัสดิการฮ่องกงเปิดเผยว่า อัตราการว่างงานของฮ่องกงเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 3.2% ในช่วงเดือนก.ย.-พ.ย. และพุ่งขึ้นอย่างมากในภาคการบริโภค และภาคการท่องเที่ยว โดยมีสาเหตุจากความไม่สงบจากการชุมนุมประท้วงต่อต้านรัฐบาล

ส่วนตัวเลขการจ้างงานโดยรวมลดลง 13,200 ตำแหน่ง จากระดับ 3,843,800 ตำแหน่งในเดือนส.ค.-ต.ค. สู่ระดับ 3,830,600 ตำแหน่งในช่วงเดือนก.ย.-พ.ย.

-- นักวิเคราะห์จากดีบีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ กล่าวว่า สายการบินต่างๆในฮ่องกงกำลังเผชิญภาวะวิกฤติ เนื่องจากผลกระทบของการประท้วงที่ยืดเยื้อ ซึ่งอาจทำให้สายการบินในฮ่องกงต้องปรับลดพนักงานอย่างต่อเนื่อง และอาจร้ายแรงจนถึงขั้นล้มละลาย โดยเหตุการณ์ประท้วงในฮ่องกงถือเป็นการซ้ำเติมอุตสาหกรรมการบินที่ได้รับผลกระทบอยู่ก่อนแล้ว จากภาวะชะลอตัวที่เกิดขึ้นทั่วโลก

-- กระทรวงการคลังญี่ปุ่นเปิดเผยรายงานเบื้องต้นในวันนี้ว่า ญี่ปุ่นขาดดุลการค้า 8.21 หมื่นล้านเยน (749 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) ในเดือนพ.ย. ซึ่งเป็นการขาดดุลครั้งแรกในรอบ 2 เดือน

ทั้งนี้ ยอดส่งออกของญี่ปุ่นลดลง 7.9% ในเดือนพ.ย. เมื่อเทียบเป็นรายปี ขณะที่ยอดนำเข้าร่วงลง 15.7%

-- ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ทวีตข้อความเมื่อวานนี้ เรียกร้องให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ผ่อนคลายนโยบายการเงินอีกครั้งหนึ่ง โดยระบุว่าขณะนี้ถึงเวลาที่จะต้องดำเนินการแล้ว

"จะเป็นเรื่องที่ยิ่งใหญ่มาก หากเฟดลดอัตราดอกเบี้ยลงต่อไป และทำการซื้อพันธบัตรตามนโยบายผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) เนื่องจากดอลลาร์กำลังแข็งค่าขึ้นมากเมื่อเทียบกับเงินสกุลอื่น ขณะที่แทบไม่มีเงินเฟ้อ นี่เป็นเวลาที่ต้องดำเนินการแล้ว ซึ่งจะทำให้การส่งออกพุ่งขึ้น" ข้อความในทวิตเตอร์ระบุ

-- จับตาข้อมูลเศรษฐกิจของประเทศต่างๆในวันนี้ โดยเยอรมนีเตรียมเปิดเผยดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนพ.ย. และดัชนีภาวะธุรกิจเดือนธ.ค.จาก Ifo, อังกฤษเปิดเผยอัตราเงินเฟ้อเดือนพ.ย., อียูเปิดเผยอัตราเงินเฟ้อเดือนพ.ย. และสหรัฐเปิดเผยสต็อกน้ำมันรายสัปดาห์จากสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA)

ส่วนในวันพรุ่งนี้ ออสเตรเลียเผยอัตราว่างงานเดือนพ.ย., ธนาคารกลางญี่ปุ่นประชุมนโยบายการเงินและแถลงมติอัตราดอกเบี้ย ธนาคารกลางอังกฤษประชุมนโยบายการเงินและแถลงมติอัตราดอกเบี้ย ทางด้านสหรัฐเตรียมเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ดุลบัญชีเดินสะพัดไตรมาส 3/2562, ดัชนีการผลิตเดือนธ.ค.จากเฟดฟิลาเดลเฟีย และยอดขายบ้านมือสองเดือนพ.ย.


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ