World Today: สรุปข่าวต่างประเทศประจำวันที่ 26 ธันวาคม 2562

ข่าวเศรษฐกิจ Thursday December 26, 2019 09:19 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

สื่อต่างประเทศรายงานว่า บริษัทปักกิ่ง-เซี่ยงไฮ้ ไฮ-สปีด เรลเวย์ ซึ่งเป็นผู้ประกอบการทางรถไฟความเร็วสูงระหว่างปักกิ่งและเซี่ยงไฮ้ ได้เริ่มทำการเสนอขายหุ้นต่อประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) แล้ว ซึ่งนับเป็นครั้งแรกที่นักลงทุนจะสามารถซื้อหุ้นของเครือข่ายเส้นทางรถไฟใหญ่ที่สุดของโลก

ทั้งนี้ หนังสือชี้ชวนระบุว่า บริษัทปักกิ่ง-เซี่ยงไฮ้ ไฮ-สปีด เรลเวย์ ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของไชน่า เรลเวย์ คอร์ปของรัฐบาลจีน ได้วางแผนที่จะขายหุ้นใหม่จำนวนมากถึง 6.3 พันล้านหุ้น หรือ 12.8% ของเงินทุนผ่านทางการเข้าจดทะเบียนในตลาดหุ้นเซี่ยงไฮ้ โดยการสำรวจความต้องการซื้อหลักทรัพย์ของนักลงทุน (book building) ในการทำ IPO ครั้งนี้จะเริ่มขึ้นในวันที่ 6 ม.ค. 2563 ขณะที่ทางบริษัทไม่ได้เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้าที่จะระดมทุนมากเพียงใดผ่านทางการขายหุ้น IPO ดังกล่าว

-- เว็บไซต์ของสำนักข่าวโพลิติโคซึ่งเป็นสื่อการเมืองชั้นนำของสหรัฐรายงานว่า นายไมเคิล บลูมเบิร์ก อดีตนายกเทศมนตรีรัฐนิวยอร์ก และผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐในปี 2563 มียอดการใช้จ่ายในการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งทั้งทางสื่อดิจิทัลและทีวี สูงถึง 120 ล้านดอลลาร์ นับตั้งแต่เริ่มการหาเสียงในเดือนที่แล้ว

รายงานระบุว่า นายบลูมเบิร์ก ซึ่งสังกัดพรรคเดโมแครต ได้ใช้จ่ายเงินไปกับการหาเสียงในรัฐต่างๆ ทั้งหมด 50 รัฐ แต่รัฐที่เขาหวังได้คะแนนเสียงมากที่สุดคือรัฐแคลิฟอร์เนีย เท็กซัส และฟลอริดา

-- ผลการสำรวจความคิดเห็นชาวเยอรมัน ซึ่งจัดทำโดย YouGov เผยชาวเยอรมันส่วนใหญ่มองว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐนั้น อันตรายกว่าประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน แห่งรัสเซีย และนายคิม จอง อึน ผู้นำเกาหลีเหนือ อีกทั้งยังเป็นภัยคุกคามมากที่สุดสำหรับสันติภาพบนโลกใบนี้

โดยผู้ตอบรับการสำรวจ 41% มองว่า ทรัมป์เป็นภัยคุกคามมากที่สุดต่อสันติภาพโลก ขณะที่ผู้ตอบรับการสำรวจ 17% มองว่าเป็นนายคิมจองอึน ส่วนนายปูตินและคาเมนี รั้งอันดับ 3 ด้วยสัดส่วนของผู้ตอบรับการสำรวจที่ 8% และสี จิ้งผิง ที่ 7%

-- การประท้วงในฮ่องกงยังคงดำเนินต่อไป โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ใช้แก๊สน้ำตาและสเปรย์พริกไทยเพื่อสลายการชุมนุมของกลุ่มผู้ประท้วงในหลายเขต ขณะที่นางแคร์รี ลัม ผู้นำฮ่องกงกล่าวว่า วันคริสต์มาสของชาวฮ่องกงและนักท่องเที่ยวต้องถูกทำลายโดยกลุ่มผู้ก่อจลาจลที่เห็นแก่ตัว

"การกระทำที่ผิดกฎหมายดังกล่าวไม่เพียงแต่ทำลายบรรยากาศแห่งการเฉลิมฉลอง แต่ยังส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจฮ่องกงอีกด้วย" นางลัมกล่าว

-- ไต้ฝุ่น "ฟานทอง" หรือที่รู้จักกันในชื่อ "เออร์ซูลา" ได้พัดถล่มฟิลิปปินส์ตอนกลาง โดยประชาชนหลายพันคนต้องอพยพออกจากที่พัก ขณะที่เที่ยวบินและเรือเฟอร์รีถูกระงบ ส่งผลให้ประชาชนอีกหลายพันคนต้องหาที่พักอาศัยชั่วคราว

ทั้งนี้ รายงานล่าสุดระบุว่า บ้านเรือนของประชาชนกว่า 100 หลังเสียหายอย่างหนักจากไต้ฝุ่นลูกดังกล่าว

-- รายงานของสื่อมวลชนอิหร่านระบุว่า อิหร่านปิดกั้นอินเทอร์เน็ตได้สำเร็จ ก่อนที่จะมีการประท้วงต่อต้านรัฐบาลในวันนี้

-- หน่วยงานควบคุมด้านกฎระเบียบการเงินของจีนเรียกร้องให้มีการจัดการอย่างโปร่งใสและเป็นธรรมมากขึ้นกับการผิดนัดชำระหนี้ เพื่อฟื้นฟูความเชื่อมั่นในตลาดพันธบัตรของจีนซึ่งใหญ่ที่สุดเป็นอันดับ 2 ของโลก หลังจากที่การผิดนัดชำระหนี้แตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในปีนี้

แถลงการณ์บนเว็บไซต์ของธนาคารกลางจีนระบุว่า เจ้าหน้าที่ระดับสูงจากธนาคารกลาง, หน่วยงานกำกับดูแลกฎระเบียบด้านหลักทรัพย์, ศาลฎีกา และหน่วยงานอื่นๆของจีน ได้หารือกันในการประชุมสัมมนาที่กรุงปักกิ่งเกี่ยวกับการแก้ไขข้อขัดแย้งที่มีศาลเป็นผู้ไกล่เกลี่ย ซึ่งเป็นข้อขัดแย้งที่เกี่ยวกับการผิดนัดชำระหนี้

-- บริษัท อูเบอร์ เทคโนโลยีส์ ผู้ให้บริการเรียกรถโดยสารของสหรัฐ ประกาศว่า ทราวิส คาลานิก ผู้ร่วมก่อตั้งและอดีตซีอีโอ จะลาออกจากการเป็นสมาชิกคณะกรรมการบริหาร เพื่อหันไปทำธุรกิจของตนเอง

อูเบอร์ระบุว่า นายคาลานิกจะลาออกจากบอร์ดบริหารของบริษัทอย่างเป็นทางการในวันที่ 31 ธ.ค.นี้ แต่ไม่ได้เปิดเผยว่า ใครจะมาดำรงตำแหน่งที่ว่างลง

-- กระทรวงการค้า อุตสาหกรรม และพลังงานของเกาหลีใต้เปิดเผยว่า ยอดค้าปลีกของเกาหลีใต้ในเดือนพ.ย.ดีดตัวขึ้น 7.5% เมื่อเทียบเป็นรายปี

ทั้งนี้ ยอดขายของผู้ประกอบการค้าปลีกรายใหญ่ทั้งออนไลน์และออฟไลน์จำนวน 26 แห่งรวมกันอยู่ที่ 11.86 ล้านล้านวอน (1.018 หมื่นล้านดอลลาร์) ในเดือนพ.ย. เพิ่มขึ้น 7.5% เมื่อเทียบกับเดือนพ.ย.ปีที่แล้วซึ่งอยู่ที่ระดับ 11.03 ล้านล้านวอน

-- จับตาข้อมูลเศรษฐกิจในวันนี้ โดยญี่ปุ่นเตรียมเปิดเผยตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านเดือนพ.ย. ขณะที่สหรัฐเตรียมเปิดเผยเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์

ส่วนในวันพรุ่งนี้ เกาหลีใต้เตรียมเปิดเผยความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนธ.ค. ขณะที่ญี่ปุ่นเปิดเผยอัตราว่างงานเดือนพ.ย.และการผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนพ.ย. ทางด้านจีนเตรียมเปิดเผยกำไรภาคอุตสาหกรรมเดือนพ.ย. และสหรัฐเปิดเผยสต็อกน้ำมันรายสัปดาห์จากสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA)


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ