World Today: สรุปข่าวต่างประเทศประจำวันที่ 9 มกราคม 2563

ข่าวเศรษฐกิจ Thursday January 9, 2020 17:00 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

กระทรวงพาณิชย์จีนออกแถลงการณ์ว่า นายหลิว เหอ รองนายกรัฐมนตรีจีน จะนำคณะผู้แทนของจีนเดินทางไปยังกรุงวอชิงตันของสหรัฐในระหว่างวันที่ 13-15 ม.ค.นี้ เพื่อร่วมลงนามในข้อตกลงการค้าเฟสแรกกับสหรัฐ

นายเกา เฟิง โฆษกระทรวงพาณิชย์จีนกล่าวว่า ทั้งสองฝ่ายกำลังติดต่อสื่อสารกันเกี่ยวกับเงื่อนไขต่างๆของข้อตกลงการค้าเฟสแรก แต่นายเกาไม่ได้ให้รายละเอียดเพิ่มเติม

-- รัฐบาลของรัฐนิวเซาท์เวลส์ของออสเตรเลีย ประกาศให้เงินช่วยเหลือเพิ่มเติม 1 พันล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย (687 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) เพื่อช่วยในการฟื้นฟูบูรณะชุมชนและสาธารณูปโภค หลังจากที่ได้รับความเสียหายจากวิกฤตไฟป่า ซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิต 20 ราย และบ้านเรือนเกือบ 2,000 หลังถูกทำลายในช่วงฤดูกาลดังกล่าว โดยรัฐนิวเซาท์เวลส์นับเป็นรัฐที่ได้รับผลกระทบรุนแรงที่สุดจากเหตุไฟป่าในออสเตรเลีย

นางกลาดีส์ เบเรจิเคลียน นายกเทศมนตรีของรัฐนิวเซาท์เวลส์ ระบุว่า เงินทุนดังกล่าวจะถูกนำไปใช้เพื่อการซ่อมแซมและสร้างสาธารณูปโภคที่สำคัญขึ้นใหม่เป็นอันดับแรก อาทิ ถนน, รางรถไฟ, สะพาน, โรงเรียน, ศูนย์สุขภาพ และระบบสื่อสาร

-- องค์กรการบินพลเรือนของอิหร่าน เปิดเผยว่า อิหร่านจะไม่ส่งมอบกล่องดำ 2 กล่องที่กู้คืนได้จากเครื่องบินของสายการบินยูเครนที่ประสบอุบัติเหตุตกที่อิหร่านเมื่อวานนี้ ให้กับบริษัทโบอิ้ง หรือสหรัฐ แต่ทางอิหร่านจะประสานงานร่วมกับยูเครน

สำนักข่าว Mehr News ของอิหร่านรายงานโดยอ้างการเปิดเผยของนายอาลี อาเบเซเดค ผู้อำนวยการองค์กรการบินพลเรือนของอิหร่านว่า อิหร่านได้ค้นพบทั้งกล่องดำที่บันทึกเสียงและข้อมูลของเครื่องบินลำดังกล่าวแล้ว ขณะนี้ยังไม่ชัดเจนว่า อิหร่านจะส่งกล่องดำไปให้กับประเทศใดวิเคราะห์ พร้อมกับกล่าวว่า ยูเครนมีความยินดีที่จะเข้าร่วมการตรวจสอบหาสาเหตุของเครื่องบินตกในครั้งนี้

-- นายมาร์ก เอสเปอร์ รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐ และนายมาร์ก มิลลีย์ ประธานเสนาธิการร่วมของสหรัฐ เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า อิหร่านได้ทำการยิงขีปนาวุธพิสัยใกล้จำนวน 16 ลูกจากสถานที่ 3 แห่งในอิหร่าน เพื่อโจมตีฐานทัพสหรัฐในอิรักเมื่อวานนี้

ทั้งนี้ ขีปนาวุธ 11 ลูกจากทั้งหมด 16 ลูกได้โจมตีฐานทัพอากาศอิน อัล-อาซาด และอย่างน้อย 1 ลูกโจมตีฐานทัพใกล้เมืองเออร์บิล โดยขีปนาวุธดังกล่าวทำลายเต้นท์ที่พัก, ทางเดินรถ, ที่จอดรถ และเฮลิคอปเตอร์ 1 ลำ

-- นายซู เจี้ยนกั๋ว หัวหน้าคณะผู้เชี่ยวชาญที่ทำการวิเคราะห์เชื้อโรคเปิดเผยว่า ผลการตรวจสอบจากห้องปฏิบัติการระบุว่า ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่เป็นสาเหตุของการเกิดโรคปอดอักเสบที่กำลังแพร่ระบาดในเมืองอู่ฮั่น มณฑลเหอเป่ยของจีน

นายซูกล่าวว่า ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่แตกต่างจากสายพันธุ์เดิมที่วงการแพทย์เคยรู้จัก แต่คณะผู้เชี่ยวชาญจะทำการวิจัยต่อไป เพื่อทำความเข้าใจเกี่ยวกับไวรัสชนิดนี้ให้มากขึ้น ซึ่งอาจต้องใช้เวลาหลายปีในการวิจัยเพื่อพัฒนายาและวัคซีน

-- สำนักงานสถิติแห่งชาติจีน (NBS) รายงานในวันนี้ว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่สำคัญ ปรับตัวขึ้น 4.5% ในเดือนธ.ค. เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งไม่เปลี่ยนแปลงจากระดับการขยายตัวในเดือนพ.ย. อย่างไรก็ดี ดัชนี CPI เดือนธ.ค.ออกมาต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ระดับ 4.7%

ส่วนดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดต้นทุนสินค้าที่หน้าประตูโรงงาน ปรับตัวลง 0.5% ในเดือนธ.ค. เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งปรับตัวลงอย่างต่อเนื่องหลังจากที่ร่วงลง 1.4% ในเดือนธ.ค.

-- ธนาคารกลางจีน (PBOC) เปิดเผยว่า จีนและลาวได้ลงนามในข้อตกลงความร่วมมือการเงินระดับทวิภาคี เพื่อส่งเสริมการใช้สกุลเงินของแต่ละประเทศในด้านการค้าและการลงทุน

แถลงการณ์ระบุว่า ข้อตกลงดังกล่าวเป็นการลงนามกันระหว่าง PBOC และธนาคารกลางแห่งประเทศลาว ซึ่งจะยินยอมให้ทั้งสองประเทศสามารถชำระหนี้โดยใช้สกุลเงินของประเทศได้โดยตรงในการทำธุรกรรมภายใต้บัญชีปัจจุบันและบัญชีทุนทั้งหมด

-- นายพอล ชาน รัฐมนตรีกระทรวงการคลังฮ่องกงเปิดเผยว่า กระทรวงเตรียมจัดงบประมาณมูลค่ามหาศาล เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยงบประมาณประจำปีที่จะเปิดเผยในวันที่ 26 ก.พ.นี้ จะใช้ในด้านโครงสร้างพื้นฐานและบริการสาธารณะ แต่จะไม่มีการแจกเงินสด

นอกจากนี้ ฮ่องกงยังมีงบประมาณเกินดุลจำนวนมากมาโดยตลอดในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ทำให้เชื่อว่าจะสามารถผ่านช่วงเศรษฐกิจถดถอยนี้ไปได้ อย่างไรก็ตาม นโยบายดังกล่าวอาจทำให้เกิดการขาดดุลได้กว่า 1 แสนล้านดอลลาร์ฮ่องกง (1.3 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ)

-- นายทีโอโดโร ล็อกซิน รัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศฟิลิปปินส์ ประกาศในวันนี้ว่า ฟิลิปปินส์ได้ยกเลิกคำสั่งห้ามนำเข้าอาหารจากจังหวัดฟุกุชิมะของญี่ปุ่นแล้ว หลังจากพบว่า อาหารจากฟุกุชิมะไม่มีความเสี่ยงจากการปนเปื้อนกัมมันตรังสี

ทั้งนี้ ฟิลิปปินส์ได้กำหนดให้มีการตรวจสอบคุณภาพของเนื้อและผักสดจากจังหวัดฟุกุชิมะและอิบารากิ รวมถึงอาหารทะเลที่มาจากจังหวัดโทชิกิและกันมะ หลังจากที่เกิดแผ่นดินไหวและสึนามิถล่มโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ในจังหวัดฟุกุชิมะของญี่ปุ่น เมื่อปี 2554 ภายหลังเกิดเหตุดังกล่าว 54 ประเทศทั่วโลกได้ใช้มาตรการตรวจสอบอาหารญี่ปุ่นเช่นเดียวกัน โดยในปัจจุบัน มีเพียง 20 ประเทศที่ยังบังคับใช้มาตรการข้างต้น ซึ่งรวมถึงสหรัฐ จีน และเกาหลีใต้


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ