World Today: สรุปประเด็นน่าติดตามประจำวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2563

ข่าวเศรษฐกิจ Thursday February 6, 2020 09:34 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นติดต่อกันเป็นวันที่ 3 เมื่อคืนนี้ (5 ก.พ.) ขณะที่ดัชนี S&P500 และ Nasdaq ปิดทำนิวไฮ ขานรับข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐ ซึ่งรวมถึงตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนของสหรัฐที่พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบเกือบ 5 ปี นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากรายงานข่าวที่ว่า นักวิทยาศาสตร์ของจีนและอังกฤษสามารถคิดค้นยาและวัคซีนต้านเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ ซึ่งข่าวดังกล่าวช่วยให้นักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสดังกล่าว

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 29,290.85 จุด พุ่งขึ้น 483.22 จุด หรือ +1.68% ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,334.69 จุด เพิ่มขึ้น 37.10 จุด หรือ +1.13% ส่วนดัชนี Nasdaq ปิดที่ 9,508.68 จุด เพิ่มขึ้น 40.71 จุด หรือ +0.43%

-- หนังสือพิมพ์ฉางเจียงของจีนรายงานว่า ทีมคณะนักวิจัยของศาสตราจารย์หลี่ หลานจวน ซึ่งเป็นกลุ่มนักวิทยาศาสตร์ชั้นนำของจีนในการคิดค้นยาต้านไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ ได้ประกาศความสำเร็จครั้งใหญ่ในการวิจัยดังกล่าว

ศาสตราจารย์หลี่กล่าวว่า ผลการทดสอบเบื้องต้นพบว่า ยา Abidol และ Darunavir สามารถยับยั้งเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่อย่างมีประสิทธิภาพในการทดสอบเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อในระดับเซลล์

ทางด้านสำนักข่าวสกายนิวส์รายงานว่า นักวิทยาศาสตร์อังกฤษรายหนึ่งประสบความสำเร็จในการคิดค้นวัคซีนป้องกันเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ โดยสามารถร่นระยะเวลาในการพัฒนาวัคซีนจากเดิมที่ต้องใช้เวลา 2-3 ปี เหลือเพียง 14 วัน

-- วุฒิสภาสหรัฐลงมติคัดค้านการถอดถอนประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ออกจากตำแหน่ง พร้อมกับประกาศให้ปธน.ทรัมป์พ้นผิดทั้ง 2 ข้อกล่าวหา ซึ่งได้แก่ การใช้อำนาจในทางมิชอบ และขัดขวางกระบวนการสอบสวนของสภาคองเกรส โดยการลงมติดังกล่าวมีขึ้นหลังจากสมาชิกวุฒิสภาได้ทำการอภิปรายญัตติถอดถอนดังกล่าวในวันพุธตามเวลาสหรัฐ

ทั้งนี้ วุฒิสภามีมติด้วยคะแนนเสียง 52 ต่อ 48 ปฏิเสธข้อกล่าวหาการใช้อำนาจในทางมิชอบ และลงมติด้วยคะแนนเสียง 53 ต่อ 47 ปฏิเสธข้อกล่าวหาขัดขวางกระบวนการสอบสวนของสภาคองเกรส พร้อมประกาศให้ปธน.ทรัมป์พ้นผิดใน 2 ข้อกล่าวหาดังกล่าว

-- นายจอช ฟรายเดนเบิร์ก รมว.คลังของออสเตรเลีย กล่าวว่า การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของออสเตรเลียอย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจากออสเตรเลียและจีนมีความสัมพันธ์ทางการค้าในระดับลึก อย่างไรก็ตาม ในขณะนี้ยังเร็วเกินกว่าที่จะประเมินความเสียหายได้

-- คณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติของจีน (NHC) แถลงวันนี้ว่า ณ วันพุธที่ 5 ก.พ. มีผู้เสียชีวิตจากโรคปอดอักเสบที่เกิดจากการติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ในจีนเพิ่มขึ้นอีก 73 ราย ส่งผลให้ยอดรวมผู้เสียชีวิตในจีนเพิ่มขึ้นเป็น 563 ราย ส่วนจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มอีก 3,694 ราย ส่งผลให้ยอดรวมผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นเป็น 28,018 ราย

รายงานของ NHC ระบุว่า ในบรรดาผู้เสียชีวิตรายใหม่จำนวน 73 ราย ณ วันพุธที่ 5 ก.พ. นั้น มี 70 รายอยู่ในมณฑลหูเป่ย, 1 รายอยู่ในมณฑลเหอหลงเจียง, 1 รายอยู่ในมณฑลกุ้ยโจว และ 1 รายอยู่ในเมืองเทียนจิน

-- เครื่องบินสายการบินเพกาซัส แอร์ไลน์ ของตุรกี เกิดอุบัติเหตุไถลออกนอกรันเวย์ ก่อนที่จะหักออกเป็น 3 ส่วน ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 1 ราย และบาดเจ็บอีกกว่า 150 ราย

รายงานระบุว่า เครื่องบินดังกล่าวคือรุ่นโบอิ้ง 737 ซึ่งมีผู้โดยสาร 171 รายและลูกเรืออีก 6 รายที่เดินทางมาจากจังหวัดอิซเมียร์ ก่อนที่จะประสบอุบัติเหตุที่ท่าอากาศยานซาบิฮา ก็อกเซ็น

-- นพ.ไมค์ ไรอัน ผู้อำนวยการบริหารฝ่ายโครงการฉุกเฉินขององค์การอนามัยโลก (WHO) กล่าวว่า ผู้เชี่ยวชาญจำนวนหลายร้อยคนจะเข้าร่วมการประชุมที่กรุงเจนีวาในวันที่ 11-12 ก.พ. เพื่อวางแนวทางการวิจัยและพัฒนายาและวัคซีนต้านเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่

"ขณะนี้ยังไม่มีการรักษาใดๆที่มีประสิทธิภาพและได้รับการพิสูจน์ในการรักษาผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่" นพ.ไรอันกล่าว

-- กระทรวงสาธารณสุขญี่ปุ่นเปิดเผยในวันนี้ว่า มีประชาชนอีก 10 คนบนเรือสำราญไดมอนด์ พรินเซสส์ ซึ่งถูกกักบริเวณใกล้เมืองโยโกฮามานั้น ได้รับการตรวจสอบแล้วพบว่าติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ที่ระบาดขึ้นที่เมืองอู่ฮั่นของจีน

ข้อมูลล่าสุดทำให้ยอดผู้ติดเชื้อทั้งหมดบนเรือสำราญลำดังกล่าว เพิ่มขึ้นเป็น 20 ราย

เรือไดมอนด์ พรินเซสส์ซึ่งมีผู้โดยสาร 2,666 คนและลูกเรือ 1,045 คนนั้น ได้ถูกกักบริเวณอยู่ที่ท่าเรือในเขตคานากาวะ หลังจากตรวจพบผู้โดยสารวัย 80 ปีรายหนึ่งจากฮ่องกงติดเชื้อไวรัสดังกล่าว

-- นักลงทุนจับตาตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรประจำเดือนม.ค.ของสหรัฐซึ่งมีกำหนดเปิดเผยในวันพรุ่งนี้ ขณะที่นักวิเคราะห์ส่วนหนึ่งคาดว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรจะเพิ่มขึ้น 158,000 ตำแหน่งในเดือนม.ค. และคาดว่าอัตราการว่างงานจะทรงตัวที่ระดับ 3.5% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนธ.ค. 2512

-- สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจของประเทศต่างที่อยู่ในความสนใจของตลาดวันนี้ ออสเตรเลียเตรียมเปิดเผยดุลการค้าเดือนธ.ค. เยอรมนีเปิดเผยยอดสั่งซื้อภาคโรงงานเดือนธ.ค. และสหรัฐเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์

ส่วนในวันพรุ่งนี้ จีนเตรียมเปิดเผยดุลการค้าเดือนม.ค. เยอรมนีเปิดเผยดุลการค้าและการผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนธ.ค. ขณะที่สหรัฐเตรียมเปิดเผยสต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่งเดือนธ.ค.


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ