นายหยู หยงติง อดีตที่ปรึกษาของธนาคารกลางจีน วัย 72 ปีเปิดเผยว่า รัฐบาลจีนควรปรับลดอัตราดอกเบี้ย, ทบทวนเป้าหมายการขยายตัวทางเศรษฐกิจในปีนี้ และใช้นโยบายการเงินและการคลังเชิงขยายมากกว่าปกติ เพื่อให้บรรลุเป้าหมายการขยายตัวทางเศรษฐกิจต่อปีที่ระดับ 6%
นอกจากนี้ นายหยูกล่าวว่า ธนาคารต่างๆ ควรเลื่อนกำหนดเวลาชำระหนี้เงินกู้หากจำเป็น เพื่อช่วยให้ผู้ประกอบการขนาดเล็กที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ สามารรถรอดพ้นจากวิกฤตนี้ไปได้
นายหยูกล่าวว่า ความเสี่ยงด้านการเงินจากหนี้สิน, เงินเฟ้อ และภาวะฟองสบู่ เป็นปัญหารองในขณะนี้ ซึ่งรัฐบาลสามารถกลับไปแก้ไขได้เมื่อวิกฤตการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสสายพันธุ์ใหม่คลี่คลายลงแล้ว
รัฐบาลจีนกำลังพยายามที่จะควบคุมการระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาด้วยการออกมาตรการพิเศษต่างๆ รวมถึงการปิดมณฑลหูเป่ยซึ่งเป็นศูนย์กลางการระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา อย่างไรก็ตาม ยอดผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตจากไวรัสดังกล่าวยังคงเพิ่มขึ้นทุกวัน
คณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติของจีน (NHC) แถลงในวันนี้ว่า ณ วันพฤหัสบดีที่ 6 ก.พ. มีผู้เสียชีวิตจากโรคปอดอักเสบที่เกิดจากการติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ในจีนเพิ่มขึ้นอีก 73 ราย ส่งผลให้ยอดรวมผู้เสียชีวิตในจีนเพิ่มขึ้นเป็น 636 ราย ส่วนจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มอีก 3,143 ราย ส่งผลให้ยอดรวมผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นเป็น 31,161 ราย
นายหยูกล่าวว่า สถานการณ์ดังกล่าวควรได้รับการมองว่าเป็นภัยพิบัติทางธรรมชาติ และสังคมทั้งหมดควรมีส่วนร่วมกันแบกรับความเสียหาย ไม่ใช่เฉพาะแต่ผู้ผลิตที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตดังกล่าวเท่านั้น
ทั้งนี้ นายหยูกล่าวว่า การระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาส่งผลกระทบต่อบริษัทขนาดกลางและขนาดเล็กอย่างรวดเร็ว รัฐบาลควรปรับนโยบายเพื่อช่วยเหลือบรรดาผู้ผลิตเหล่านั้น
ทางด้านยูบีเอส กรุ๊ป เอจี ประมาณการว่า ผลกระทบจากไวรัสโคโรนาระบาด จะฉุดการขยายตัวทางเศรษฐกิจของจีนในไตรมาสแรกของปีนี้ลงสู่ 3.8% จาก 6% ในไตรมาส 4/2562