World Today: สรุปประเด็นน่าติดตามประจำวันที่ 3 มีนาคม 2563

ข่าวเศรษฐกิจ Tuesday March 3, 2020 09:17 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้น 1,293.96 จุด หรือ 5.09% เมื่อคืนนี้ (2 มี.ค.) ทำสถิติพุ่งขึ้นในวันเดียวที่แข็งแกร่งที่สุดในรอบเกือบ 11 ปี โดยได้แรงหนุนจากกระแสคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางทั่วโลกซึ่งรวมถึงธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะร่วมมือกับองค์กรต่างๆ เช่น กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) และธนาคารโลก ในการออกมาตรการเพื่อลดผลกระทบของไวรัสโควิด-19

-- ตลาดหุ้นเอเชียมีแนวโน้มปรับตัวขึ้นวันนี้ตามตลาดหุ้นสหรัฐที่ทะยานขึ้นมากที่สุดในรอบ 14 เดือน เนื่องจากนักลงทุนมีความเชื่อมั่นเพิ่มขึ้นว่าธนาคารกลางของประเทศต่างๆ จะร่วมมือกันออกมาตรการเพื่อรับมือผลกระทบทางเศรษฐกิจจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ขณะที่รมว.คลังและผู้ว่าการธนาคารกลางของกลุ่ม G7 จะประชุมทางโทรศัพท์ในวันนี้เพื่อหารือเรื่องการรับมือกับโรคระบาดดังกล่าว

ตลาดหุ้นทั่วโลกทะยานขึ้นเมื่อคืนนี้ขานรับข่าวที่ว่า ธนาคารกลางต่างๆ รวมถึงธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะดำเนินมาตรการเพื่อหนุนเศรษฐกิจ หากจำเป็น

-- ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐ เปิดเผยว่า เขาได้เรียกร้องให้ผู้บริหารของบริษัทยา เร่งการผลิตวัคซีนต้านไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19)

ทั้งนี้ ปธน.ทรัมป์, รองประธานาธิบดีไมค์ เพนซ์ และเจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบด้านการควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 ได้ประชุมหารือกับบรรดาผู้บริหารของบริษัทผลิตยาที่ทำเนียบขาวเมื่อช่วงบ่ายวานนี้

สำหรับบริษัทยาที่มาร่วมประชุมได้แก่ Gilead Sciences Inc. Johnson & Johnson, GlaxoSmithKline Plc, Sanofi, Pfizer Inc. และบริษัทยารายอื่น ๆ โดยผู้บริหารกล่าวว่า ในขณะนี้พวกเขาได้เร่งผลิตวัคซีนและยาต้านไวรัสอย่างเต็มกำลัง

-- อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลออสเตรเลียอาจจะติดลบ เนื่องจากผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 กระตุ้นให้นักลงทุนแห่เข้าซื้อพันธบัตรที่เป็นสินทรัพย์ปลอดภัย

ทั้งนี้ บอนด์ยิลด์ของประเทศต่างๆ อาทิ สหรัฐและออสเตรเลีย ได้ร่วงลงสู่ระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ หลังธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ระบุเมื่อวันศุกร์ว่า เฟดพร้อมที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีก หากจำเป็นต้องกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐ

-- เจ้าหน้าที่กระทรวงการต่างประเทศของสหรัฐเปิดเผยว่า รัฐบาลสหรัฐได้สั่งให้สำนักข่าวของรัฐบาลจีน 4 แห่งลดจำนวนพนักงานที่เป็นชาวจีนลงราว 40% เพื่อตอบโต้กับการที่จีนขับไล่นักข่าวชาวอเมริกัน 3 คนของหนังสือพิมพ์วอลล์สตรีท เจอร์นัลเมื่อเดือนที่แล้ว โดยนับตั้งแต่วันที่ 13 มี.ค.เป็นต้นไป สำนักข่าว 4 แห่งของรัฐบาลจีนจะได้รับอนุญาตให้จ้างพนักงานชาวจีนรวมกัน 100 คนในสหรัฐ ลดลงจากประมาณ 160 คนในปัจจุบัน โดยเจ้าหน้าที่ยืนยันว่า การลดจำนวนนักข่าวจีนไม่ใช่การขับไล่ แม้นักข่าวชาวจีนจำนวน 60 คนหรือมากกว่า จะต้องเดินทางออกจากสหรัฐก็ตาม

สำนักข่าวที่ได้รับผลกระทบได้แก่ สำนักข่าวซินหัว, ไชน่า โกลบอล เทเลวิชั่น เน็ตเวิร์ค, ไชน่า เรดิโอ อินเตอร์เนชันแนล และ ไชน่า เดลี ดิสทริบิวชั่น นอกจากนี้ คำสั่งดังกล่าวยังรวมถึงบริษัทไห่ เถียน เดเวล็อปเมนต์ ยูเอสเอสด้วย แต่บริษัทไม่ต้องปรับลดพนักงาน เพราะมีพนักงานชาวจีนเพียง 2 คนเท่านั้นในสหรัฐ

-- คณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติของจีน (NHC) แถลงวันนี้ว่า ณ วันจันทร์ที่ 2 มี.ค. มีผู้เสียชีวิตจากโรคปอดอักเสบที่เกิดจากการติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) ในจีน เพิ่มขึ้นอีก 31 ราย ส่งผลให้ยอดรวมผู้เสียชีวิตทั่วประเทศจีน เพิ่มเป็น 2,943 ราย

ส่วนจำนวนผู้ติดเชื้อทั่วประเทศ เพิ่มขึ้นอีก 125 ราย ส่งผลให้ยอดรวมผู้ติดเชื้อทั่วประเทศ เพิ่มขึ้นเป็น 80,151 ราย

-- นายหลุยส์ เดอ กวินโดส รองประธานธนาคารกลางยุโรป (ECB) กล่าวว่า การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ได้เพิ่มความไม่แน่นอนต่อแนวโน้มการขยายตัวของเศรษฐกิจโลก และ ECB พร้อมที่จะออกมาตรการเพื่อลดผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสดังกล่าว

"คณะกรรมการของ ECB กำลังเตรียมพร้อมที่จะใช้เครื่องมือทุกอย่างที่มีอยู่อย่างเหมาะสม เพื่อรับประกันว่าเงินเฟ้อในยูโรโซนจะไปสู่เป้าหมายของ ECB อย่างยั่งยืน" นายกวินโดสกล่าว ทั้งนี้ ECB ตั้งเป้าหมายเงินเฟ้อให้"อยู่ใกล้ แต่ไม่เกินระดับ 2%"

-- กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) และธนาคารโลก ออกแถลงการณ์ร่วมกัน ระบุว่า IMF และธนาคารโลกเตรียมพร้อมที่จะช่วยเหลือประเทศสมาชิกในการเยียวยาผลกระทบที่เกิดจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19

"เรากำลังติดต่ออย่างใกล้ชิดกับประเทศต่างๆ รวมทั้งสถาบันระหว่างประเทศ โดยให้ความสนใจต่อประเทศยากจนซึ่งระบบสาธารณสุขมีความอ่อนแอมากที่สุด และประชากรมีความเสี่ยงมากที่สุด โดยเราจะใช้เครื่องมือที่เรามีอยู่อย่างเต็มที่ ซึ่งรวมถึงการให้เงินทุนฉุกเฉิน การให้คำปรึกษาด้านนโยบาย และการช่วยเหลือทางเทคนิค" แถลงการณ์ระบุ

-- องค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (OECD) ประกาศปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจโลกในปีนี้ สู่ระดับ 2.4% จากตัวเลขคาดการณ์ในเดือนพ.ย.ปีที่แล้วที่ระดับ 2.9% โดยได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ซึ่งฉุดภาคการผลิต และการท่องเที่ยว

การประเมินของ OECD ตั้งอยู่บนสมมติฐานที่ว่า การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ในจีนจะแตะระดับสูงสุดในไตรมาสแรกของปีนี้ ขณะที่ประเทศอื่นๆจะมีความรุนแรงไม่มากนัก

-- ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ทวีตข้อความในวันนี้ กดดันให้นายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ปรับลดอัตราดอกเบี้ย เช่นเดียวกับธนาคารกลางแห่งอื่นๆ

"นายเจอโรม พาวเวล และเฟด ยังคงดำเนินการล่าช้าเหมือนเดิม ขณะที่เยอรมนีและประเทศอื่นๆ ต่างกำลังอัดฉีดเงินเข้าสู่เศรษฐกิจ โดยธนาคารกลางแห่งอื่นๆต่างดำเนินการในเชิงรุกมากกว่าเฟด ขณะที่สหรัฐควรมีอัตราดอกเบี้ยต่ำที่สุด แต่ความจริงไม่เป็นเช่นนั้น ทำให้เรากำลังเสียเปรียบ เราควรเป็นผู้นำ ไม่ใช่ผู้ตาม" ข้อความในทวิตเตอร์ระบุ

-- จับตาข้อมูลเศรษฐกิจในวันนี้ เกาหลีใต้เตรียมเปิดเผยผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 4/2562 (ประมาณการครั้งสุดท้าย), ธนาคารกลางออสเตรเลียประชุมนโยบายการเงินและแถลงมติอัตราดอกเบี้ย และอียูเตรียมเปิดเผยอัตราว่างงานเดือนม.ค. และอัตราเงินเฟ้อเดือนก.พ.

-- ส่วนในวันพรุ่งนี้ เกาหลีใต้เปิดเผยทุนสำรองเงินตราต่างประเทศเดือนก.พ., ออสเตรเลียเปิดเผยผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 4/2562, จีนเปิดเผยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการเดือนก.พ.จากไฉซิน, ฝรั่งเศสเปิดเผยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการขั้นสุดท้ายเดือนก.พ.จากมาร์กิต, เยอรมนีเปิดเผยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการขั้นสุดท้ายเดือนก.พ.จากมาร์กิต, อียูเปิดเผยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการขั้นสุดท้ายเดือนก.พ.จากมาร์กิต และอังกฤษเปิดเผยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการขั้นสุดท้ายเดือนก.พ.จากมาร์กิต/ซีไอพีเอส และสหรัฐเปิดเผยตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนเดือนก.พ.จาก ADP, ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการขั้นสุดท้ายเดือนก.พ.จากมาร์กิต, ดัชนีภาคบริการเดือนก.พ.จากสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM), สต็อกน้ำมันรายสัปดาห์จากสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA) และรายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจ หรือ Beige Book จากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) (เช้าวันที่ 5 มี.ค.)


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ