World Today: สรุปประเด็นน่าติดตามประจำวันที่ 12 มีนาคม 2563

ข่าวเศรษฐกิจ Thursday March 12, 2020 09:29 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดทรุดตัวลงกว่า 1,400 จุดเมื่อคืนนี้ โดยตลาดเข้าสู่ "ภาวะหมี" เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เกิดวิกฤตการเงินโลกในปี 2551 หลังจากองค์การอนามัยโลก (WHO) ประกาศว่า ไวรัสโควิด-19 ได้เข้าสู่ภาวะแพร่ระบาดไปทั่วโลกแล้ว นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากการที่คณะทำงานของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ล่าช้าในการแถลงรายละเอียดที่ชัดเจนเกี่ยวกับมาตรการฟื้นฟูเศรษฐกิจเพื่อลดผลกระทบจากโควิด-19

-- องค์การอนามัยโลก (WHO) ออกแถลงการณ์ระบุว่า ไวรัสโควิด-19 ได้เข้าสู่ภาวะแพร่ระบาดไปทั่วโลก หลังมีการลุกลามไปยังหลายประเทศในภูมิภาคต่างๆ

"ในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา จำนวนผู้ติดเชื้อนอกประเทศจีนได้เพิ่มขึ้นถึง 13 เท่า และจำนวนประเทศที่ติดเชื้อได้เพิ่มขึ้น 3 เท่า ส่วนในช่วงหลายวันและหลายสัปดาห์ข้างหน้า เราคาดว่าจำนวนผู้ติดเชื้อ ผู้เสียชีวิต และจำนวนประเทศที่ติดเชื้อจะเพิ่มมากขึ้นอีก" นายแพทย์ทีโดรส อัดฮานอม กีบรีเยซุส ผู้อำนวยการใหญ่ของ WHO กล่าว

นอกจากนี้ นายแพทย์ทีโดรสยังได้กล่าวตำหนิผู้นำของหลายประเทศที่ไม่ได้ดำเนินการอย่างเฉียบขาดและรวดเร็วเพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส

อย่างไรก็ดี นายแพทย์ทีโดรสกล่าวว่า จำนวนผู้ติดเชื้อในจีนและเกาหลีใต้ได้ลดลงอย่างมาก

นายแพทย์ทีโดรสกล่าวว่า นี่เป็นครั้งแรกที่ไวรัสในตระกูลโคโรนาได้ทำให้เกิดการแพร่ระบาดไปทั่วโลก

-- ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐ ได้ออกแถลงการณ์ทั่วประเทศในช่วงเช้าวันนี้ตามเวลาไทย โดยกล่าวว่า รัฐบาลสหรัฐกำลังประสานงานกับประเทศพันธมิตร และเตรียมใช้มาตรการที่ครอบคลุมเพื่อรับมือกับการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19

ในการแถลงครั้งนี้ ปธน.ทรัมป์ประกาศว่า สหรัฐจะระงับการเดินทางจากประเทศยุโรปทั้งหมด ยกเว้นอังกฤษ ในช่วง 30 วันข้างหน้า โดยจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่เที่ยงคืนวันศุกร์นี้ และจะใช้มาตรการเชิงรุกในทุกๆ ด้าน เพื่อรับมือกับการแพร่ระบาดครั้งรุนแรงในประวัติศาสตร์ครั้งนี้

ปธน.ทรัมป์กล่าวว่า รัฐบาลสหรัฐจะใช้มาตรการเร่งด่วนด้านการบรรเทาผลกระทบ โดยจะอัดฉีดสภาพคล่องอีก 2 แสนล้านดอลลาร์ และจะจัดหาสภาพคล่องให้กับบริษัทต่างๆ ที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาด โดยปธน.ทรัมป์กล่าวว่า การดำเนินการดังกล่าวไม่ได้สะท้อนว่า สหรัฐกำลังเผชิญกับวิกฤตการเงิน แต่เป็นเพียงสถานการณ์ชั่วคราวเท่านั้น

นอกจากนี้ ปธน.ทรัมป์กล่าวว่า ทุกภาคส่วนของสหรัฐกำลังร่วมมือกันอย่างเต็มที่ เพื่อช่วยกันรับมือกับวิกฤตการณ์ในครั้งนี้ โดยไม่มีการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้อง

-- ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์ร่วงลงกว่า 900 จุดในช่วงเช้านี้ หลังจากถ้อยแถลงของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ไม่สามารถทำให้นักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของไวรัสโควิด-19 ได้

ณ เวลา 08.58 น.ตามเวลาไทยในวันนี้ ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์ร่วงลง 905 จุด หรือ 3.84% แตะที่ 22,670 จุด

ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์ร่วงลงหลังจากที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐ ได้ออกแถลงการณ์ทั่วประเทศ ระบุว่ารัฐบาลสหรัฐกำลังประสานงานกับประเทศพันธมิตร และเตรียมใช้มาตรการที่ครอบคลุมเพื่อรับมือกับการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19

-- มหาวิทยาลัยจอห์น ฮอปกินส์เปิดเผยข้อมูลล่าสุดเมื่อวานนี้ ระบุว่า สหรัฐมีผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 อย่างน้อย 1,020 ราย ขณะที่มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 28 ราย โดยเชื้อไวรัสโควิด-19 กำลังแพร่ระบาดลุกลามไปยังรัฐต่างๆของสหรัฐ

จำนวนผู้ติดเชื้อกว่า 1,000 รายในขณะนี้ ถือว่าเพิ่มขึ้นถึง 10 เท่าจากจำนวนเพียงกว่า 100 รายในวันที่ 4 มี.ค.

ทั้งนี้ เชื้อไวรัสโควิด-19 ได้ระบาดไปยัง 35 รัฐ โดยรัฐที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดได้แก่ วอชิงตัน แคลิฟอร์เนีย และนิวยอร์ก โดยจำนวนผู้ติดเชื้อของทั้ง 3 รัฐนี้รวมกันเกือบ 500 ราย ส่งผลให้มีการประกาศภาวะฉุกเฉินใน 3 รัฐดังกล่าว

-- นางอังเกลา แมร์เคิล นายกรัฐมนตรีเยอรมนี กล่าวว่า ประชากรของเยอรมนีราว 70% มีแนวโน้มที่จะติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ซึ่งขณะนี้กำลังแพร่ระบาดไปทั่วโลก

"ขณะที่ไวรัสยังอยู่ข้างนอก และประชากรไม่มีภูมิต้านทาน และยังไม่มียารักษา ดังนั้น ประชากรราว 60-70% ก็จะติดเชื้อ ซึ่งกระบวนการในขณะนี้จะต้องพุ่งเป้าไปที่การชะลอการแพร่ระบาดของไวรัส โดยเราจะต้องแข่งกับเวลา" นางแมร์เคิลกล่าวในการแถลงข่าว

ขณะนี้ เยอรมนีมีผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 จำนวนอย่างน้อย 1,613 ราย ขณะที่มีผู้เสียชีวิตจำนวน 3 ราย

-- ทอม แฮงค์ ประกาศว่า เขา และริตา วิลสัน ผู้เป็นภรรยา ติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) ขณะเตรียมถ่ายทำภาพยนตร์เรื่องใหม่ที่ประเทศออสเตรเลีย โดยเขาและภรรยาจะกักตัว และให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่เพื่อความปลอดภัยต่อสาธารณะ และจะคอยอัพเดทข้อมูลเพื่อแจ้งให้ทั่วโลกทราบเป็นระยะๆ

รายงานข่าวระบุว่า ขณะนี้ทอม แฮงค์ กำลังอยู่ที่ประเทศออสเตรเลีย เพื่อเตรียมถ่ายทำภาพยนตร์ถ่ายทอดชีวิตของ เอลวิส เพรสลีย์ นักร้องระดับตำนาน

แถลงการณ์จากทอม แฮงค์ ระบุว่า เขาและภรรยารู้สึกเหมือนมีไข้และปวดเมื่อยตามร่างกาย อีกทั้งยังรู้สึกหนาวสั่นด้วย ทั้งสองจึงเข้ารับการตรวจร่างกาย ซึ่งผลตรวจพบว่าเขาทั้งคู่ติดเชื้อโควิด-19

-- ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคของเกาหลี (KCDC) ยืนยันในวันนี้ว่า มีผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 รายใหม่เพิ่มขึ้นอีก 114 ราย ส่งผลให้ยอดรวมผู้ติดเชื้อภายในประเทศเพิ่มขึ้นแตะระดับ 7,869 ราย

ส่วนยอดผู้เสียชีวิตจากไวรัสโควิด-19 ในเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 6 ราย เป็น 66 ราย

ขณะที่ยอดผู้ติดเชื้อที่ได้รับการรักษาจนหายดีและปล่อยกลับบ้านแล้วเพิ่มขึ้น 45 ราย ยอดรวมอยู่ที่ 333 ราย

-- นายจูเซปเป คอนเต นายกรัฐมนตรีอิตาลี ประกาศทุ่มงบประมาณ 2.5 หมื่นล้านยูโร (2.83 หมื่นล้านดอลลาร์) เพิ่มขึ้นจากเดิมที่ระดับ 7.5 พันล้านยูโรซึ่งประกาศในสัปดาห์ที่แล้ว เพื่อสกัดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 หลังพบว่ายอดผู้ติดเชื้อพุ่งทะลุ 10,000 ราย

นายคอนเตยังได้ประกาศขยายมาตรการสกัดการแพร่ระบาดของไวรัส ด้วยการสั่งห้ามการเดินทางของประชาชนทั่วประเทศ ยกเว้นใน 3 กรณีคือ เพื่อการทำงาน, ความจำเป็นด้านสุขภาพ และในกรณีฉุกเฉิน

นายคอนเตระบุว่า คณะรัฐมนตรีเล็งเห็นถึงความจำเป็นของมาตรการเหล่านี้เพื่อปกป้องชาวอิตาลีจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ซึ่งขณะนี้อิตาลีเป็นประเทศที่มีผู้เสียชีวิตจากไวรัสโควิด-19 มากที่สุด รองจากจีน

นอกจากนี้ รัฐบาลยังมีคำสั่งห้ามชาวอิตาลีรวมตัวกันในที่สาธารณะ เช่น ในผับ บาร์ ร้านอาหาร และสถานที่ซึ่งใช้จัดกิจกรรมทางสังคม

-- สำนักข่าว KUNA ของคูเวตรายงานว่า คูเวตจะระงับเที่ยวบินพาณิชย์ทั้งหมดทั้งขาเข้าและขาออกจากคูเวต โดยมีผลตั้งแต่วันศุกร์นี้ จนกว่าจะมีการประกาศเปลี่ยนแปลง เพื่อสกัดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19

อย่างไรก็ดี เที่ยวบินขนส่งคาร์โก้สินค้าจะไม่ได้รับผลกระทบจากคำสั่งดังกล่าว

ขณะเดียวกัน ทางการคูเวตยังได้ประกาศให้เป็นวันหยุดทั่วประเทศตั้งแต่วันที่ 12-26 มี.ค. และชาวคูเวตจะกลับมาทำงานในวันที่ 29 มี.ค. แต่หน่วยงานที่ให้บริการที่จำเป็นจะยังคงเปิดทำการตามปกติ

นอกจากนี้ รัฐบาลยังมีคำสั่งห้ามประชาชนเข้าไปในร้านอาหารและร้านกาแฟ รวมทั้งห้างสรรพสินค้า

-- ไอเอชเอส มาร์กิต ซึ่งเป็นบริษัทให้บริการข้อมูลทางการเงิน ประกาศปรับลดตัวเลขคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจโลกในปีนี้และปีหน้า โดยได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19

ทั้งนี้ มาร์กิตคาดว่าเศรษฐกิจโลกจะมีการขยายตัว 1.7% ในปีนี้ และ 2.7% ในปีหน้า ลดลงจากตัวเลขคาดการณ์ในเดือนก.พ.ที่ระดับ 2.5% และ 2.8% ตามลำดับ

"ขณะที่สหรัฐจะได้รับผลกระทบจากไวรัสโควิด-19 แต่เราคาดว่าเศรษฐกิจจะยังคงมีความแข็งแกร่งเพียงพอที่จะหลีกเลี่ยงภาวะถดถอย ส่วนยุโรปจะได้รับผลกระทบหนักกว่า โดยเศรษฐกิจเยอรมนีและอิตาลีได้อยู่ใกล้หรือเข้าสู่ภาวะถดถอยก่อนที่จะเผชิญการระบาดของไวรัส และสิ่งนี้จะกดดันให้ประเทศที่เหลือในยูโรโซนเข้าสู่ภาวะถดถอย" มาร์กิตระบุ

-- กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ทั่วไปเพิ่มขึ้น 0.1% ในเดือนก.พ. เมื่อเทียบรายเดือน หลังจากเพิ่มขึ้น 0.1% เช่นกันในเดือนม.ค.

ดัชนี CPI ทั่วไปได้รับแรงหนุนจากการเพิ่มขึ้นของราคาอาหาร แม้ว่าราคาพลังงานร่วงลง

เมื่อเทียบรายปี ดัชนี CPI ทั่วไปเพิ่มขึ้น 2.3% ในเดือนก.พ. หลังจากเพิ่มขึ้น 2.5% ในเดือนม.ค.

อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่า ดัชนี CPI ทั่วไปจะทรงตัวในเดือนก.พ. เมื่อเทียบรายเดือน และเพิ่มขึ้น 2.2% เมื่อเทียบรายปี

-- สมาคมนายธนาคารเพื่อการจำนอง (MBA) ของสหรัฐ เปิดเผยว่า จำนวนผู้ยื่นขอสินเชื่อเพื่อการจำนองพุ่งขึ้น 55.4% ในสัปดาห์ที่แล้ว หลังการปรับตัวลงของอัตราดอกเบี้ยเงินกู้จำนอง โดยเมื่อเทียบรายปี จำนวนผู้ยื่นขอสินเชื่อเพื่อการจำนองทะยานขึ้น 192% ในสัปดาห์ที่แล้ว

ทั้งนี้ จำนวนผู้ที่ยื่นขอสินเชื่อเพื่อการรีไฟแนนซ์พุ่งขึ้น 79% และทะยานขึ้น 479% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนเม.ย.2552

ส่วนผู้ยื่นขอสินเชื่อเพื่อการซื้อที่อยู่อาศัยเพิ่มขึ้น 6% และดีดตัวขึ้น 12% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ขณะที่อัตราดอกเบี้ยเงินกู้เฉลี่ยเพื่อการจำนองแบบคงที่ระยะเวลา 30 ปี สำหรับวงเงินกู้ไม่เกิน 510,400 ดอลลาร์ อยู่ที่ระดับ 3.47% จากระดับ 3.57% ก่อนหน้านี้

-- นักลงทุนจับตาการเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญในวันนี้ ซึ่งได้แก่ การผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนม.ค. ของอียู การประชุมนโยบายการเงินและแถลงมติอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางยุโรป (ECB) รวมถึงจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์และดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนก.พ.ของสหรัฐ

ส่วนในวันพรุ่งนี้ เกาหลีใต้เตรียมเปิดเผยราคานำเข้าและส่งออกเดือนก.พ. เยอรมนีเตรียมเปิดเผยอัตราเงินเฟ้อเดือนก.พ. ด้านสหรัฐจะเปิดเผยราคานำเข้าและส่งออกเดือนก.พ. และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนมี.ค.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ