World Today: สรุปประเด็นน่าติดตามประจำวันที่ 24 มีนาคม 2563

ข่าวเศรษฐกิจ Tuesday March 24, 2020 08:54 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 18,591.93 จุด ร่วงลง 582.05 จุด หรือ -3.04% เมื่อคืนนี้ (23 มี.ค.) โดยแม้ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้ออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่ ซึ่งรวมถึงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ในวงเงินไม่จำกัด แต่ก็ไม่สามารถทำให้นักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบทางเศรษฐกิจจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 หลังจากหลายรัฐในสหรัฐประกาศมาตรการล็อกดาวน์เพื่อควบคุมการแพร่ระบาด เช่นเดียวกับหลายประเทศในยุโรปที่กำลังดำเนินการในขณะนี้

-- นายบอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีอังกฤษ ได้ประกาศมาตรการให้ประชาชนอาศัยอยู่แต่ในบ้าน และห้ามออกเดินทาง หากไม่มีกิจจำเป็น หลังจากที่ยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในอังกฤษพุ่งสูงขึ้นต่อเนื่อง

แถลงการณ์ของนายจอห์นสันระบุว่า อาชีพที่มีความจำเป็นและไม่สามารถทำงานจากที่บ้านได้ จะยังสามารถเดินทางไปทำงานได้ตามปกติ ส่วนประชาชนคนอื่นๆ จะออกจากบ้านได้ก็ต่อเมื่อมีเหตุจำเป็นเท่านั้น อาทิ การซื้อข้าวของเครื่องใช้ประจำวัน การออกกำลังกาย และการเดินทางไปพบแพทย์

-- วุฒิสมาชิกสหรัฐได้พักการพิจารณาร่างกฎหมายว่าด้วยมาตรการเยียวยาชาวอเมริกันและภาคธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากไวรัสโควิด-19 เอาไว้ชั่วคราว หลังจากที่ประชุมได้ลงมติด้วยคะแนนเสียง 49 ต่อ 46 ในวันจันทร์ตามเวลาสหรัฐ ซึ่งยังขาดอีก 60 เสียงจึงจะสามารถผลักดันมาตรการดังกล่าวซึ่งมีวงเงินสูงถึง 2 ล้านล้านดอลลาร์

รายงานระบุว่า วุฒิสมาชิกพรรคเดโมแครตไม่เห็นด้วยกับรายละเอียดของมาตรการดังกล่าวซึ่งนำเสนอโดยแกนนำพรรครีพับลิกัน เนื่องจากเห็นว่า มาตรการนี้เอื้อประโยชน์ต่อบริษัทเอกชนมากกว่าที่จะให้ความช่วยเหลือบรรดาลูกจ้าง โดยในการโหวตเมื่อวานนี้ มีเพียงวุฒิสมาชิกดอจ โจนส์จากพรรคเดโมแครตเพียงคนเดียวเท่านั้น ที่สนับสนุนมาตรการดังกล่าวของพรรครีพับลิกัน

-- นางคริสตาลินา จอร์จีวา ผู้อำนวยการกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) เปิดเผยว่า IMF คาดว่า แนวโน้มการขยายตัวของเศรษฐกิจโลกในปีนี้จะติดลบ โดยอย่างน้อยที่สุดเศรษฐกิจก็จะเข้าสู่ภาวะถดถอยที่เลวร้ายพอๆ กับในช่วงที่เกิดวิกฤตการเงินโลก หรืออาจจะเลวร้ายยิ่งกว่า

นางจอร์จีวาแสดงความเห็นดังกล่าวในการประชุมทางโทรศัพท์ระหว่างรมว.คลังและผู้ว่าการธนาคารกลุ่ม G20 ที่หารือเกี่ยวกับการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 แม้แถลงการณ์ของ IMF หลังการประชุมดังกล่าวคาดว่า เศรษฐกิจโลกจะฟื้นตัวขึ้นในปี 2564 ก็ตาม

-- โกลด์แมน แซคส์ ออกรายงานคาดการณ์ว่า การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 อาจฉุดตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของสหรัฐหดตัวลง 24% ในไตรมาส 2 หลังจากที่ร่วงลง 6% ในไตรมาสแรก เนื่องจากการที่รัฐบาลออกมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัส ได้ส่งผลกระทบต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจ และโกลด์แมน แซคส์ ยังคาดว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะหดตัว 3.8% ในปีนี้ เมื่อเทียบกับปี 2562

อย่างไรก็ดี โกลด์แมน แซคส์ คาดการณ์ว่า เศรษฐกิจสหรัฐจะดีดตัวขึ้น 12% ในไตรมาส 3 และ 10% ในไตรมาส 4 แต่อัตราการว่างงานจะพุ่งแตะระดับ 9%

-- ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ประกาศมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่เมื่อวานนี้เพื่อรับมือกับการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 โดยมาตรการดังกล่าว รวมถึง การซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ในวงเงินไม่จำกัด เพื่อสนับสนุนการดำเนินงานของตลาด และความมีประสิทธิภาพในการใช้นโยบายการเงิน ท่ามกลางสภาวะทางการเงินและเศรษฐกิจในปัจจุบัน

แถลงการณ์ของเฟดระบุว่า "เฟดจะดำเนินโครงการซื้อสินทรัพย์ในวงเงินที่จำเป็นในการสนับสนุนการดำเนินงานของตลาดอย่างราบรื่น และความมีประสิทธิภาพในการส่งผ่านนโยบายทางการเงินไปยังเศรษฐกิจและระบบการเงินในวงกว้าง ขณะที่ไวรัสโควิด-19 ได้ส่งผลกระทบต่อภาครัฐและภาคเอกชนอย่างรุนแรงทั่วสหรัฐและทั่วโลก

-- ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ทวีตข้อความเมื่อวานนี้ระบุว่า "เราไม่สามารถปล่อยให้เรื่องของการรักษาโรคโควิด-19 สร้างปัญหาที่เลวร้ายมากกว่าตัวปัญหาเอง และหลังจากสิ้นสุด 15 วัน เราจะมีการตัดสินใจเกี่ยวกับทิศทางที่เราจะดำเนินการ"

อย่างไรก็ดี ปธน.ทรัมป์ไม่ได้ระบุรายละเอียดแต่อย่างใด

-- ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ประกาศส่งทหารจากกองกำลังรักษาดินแดนแห่งชาติ หรือ National Guard เข้าร่วมปฏิบัติการในการควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในรัฐแคลิฟอร์เนีย นิวยอร์ก และวอชิงตัน

"เราได้ส่งทหารไปยังรัฐอื่นเช่นกัน แต่ 3 รัฐนี้ได้รับผลกระทบมากที่สุด" ปธน.ทรัมป์กล่าวในการแถลงข่าวที่ทำเนียบขาวเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา

ขณะนี้ รัฐบาลสหรัฐจัดส่งทหารจากกองกำลังรักษาดินแดนแห่งชาติจำนวน 7,300 นายเข้าดำเนินปฏิบัติการควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ทั้ง 50 รัฐของสหรัฐ รวมทั้งวอชิงตัน ดีซี และเปอร์โตริโก ซึ่งเป็นหมู่เกาะในทะเลแคริบเบียนภายใต้อาณัติการปกครองของสหรัฐ

-- จับตาข้อมูลเศรษฐกิจในวันนี้ มาร์กิตเตรียมเปิดเผยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตขั้นต้นเดือนมี.ค.และดัชนี PMI ภาคบริการขั้นต้นเดือนมี.ค.จากมาร์กิต ของประเทศเยอรมนี อียู อังกฤษ และสหรัฐ ทางด้านสหรัฐเองนั้น เตรียมเปิดเผยยอดขายบ้านใหม่เดือนก.พ.

ส่วนในวันพรุ่งนี้ ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) เปิดเผยรายงานการประชุม, เยอรมนีเปิดเผยดัชนีภาวะธุรกิจเดือนมี.ค.จาก Ifo, อังกฤษเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนก.พ., สหรัฐเปิดเผยยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนก.พ., ดัชนีราคาบ้านเดือนม.ค. และสต็อกน้ำมันรายสัปดาห์จากสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA)


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ