World Today: สรุปประเด็นน่าติดตามประจำวันที่ 10 เมษายน 2563

ข่าวเศรษฐกิจ Friday April 10, 2020 08:34 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ เนื่องจากนักลงทุนขานรับธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่ประกาศมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจวงเงินกว่า 2 ล้านล้านดอลลาร์ เพื่อเยียวยาภาคธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 โดยข่าวดังกล่าวช่วยหนุนหุ้นกลุ่มการเงินดีดตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่ง ขณะที่หุ้นกลุ่มสาธารณูปโภคปรับตัวขึ้นเช่นกัน

-- ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ประกาศมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจวงเงิน 2.3 ล้านล้านดอลลาร์เมื่อคืนนี้ เพื่อเยียวยาภาคธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19

ทั้งนี้ เฟดจะปล่อยสินเชื่อให้กับธุรกิจที่มีพนักงานไม่เกิน 10,000 คน และมีรายได้ไม่เกิน 2.5 พันล้านดอลลาร์ในปีที่แล้ว โดยสินเชื่อดังกล่าวจะมีวงเงินขั้นต่ำอยู่ที่ 1 ล้านดอลลาร์ แต่ไม่เกิน 25 ล้านดอลลาร์

เฟดระบุว่าโครงการปล่อยสินเชื่อแก่ภาคธุรกิจมีวงเงินรวม 6.50 แสนล้านดอลลาร์

นอกจากการปล่อยสินเชื่อกับภาคธุรกิจแล้ว มาตรการของเฟดยังรวมถึงโครงการประกันรายได้ของพนักงาน และมาตรการอื่นๆ

-- สื่อต่างประเทศหลายสำนักซึ่งรวมถึงวอลล์สตรีท เจอร์นัล และซีเอ็นบีซี รายงานโดยอ้างแหล่งข่าวว่า กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และชาติพันธมิตร หรือโอเปกพลัส บรรลุข้อตกลงปรับลดกำลังการผลิตน้ำมัน 10 ล้านบาร์เรล/วัน หรือปรับลดลงประมาณ 10% จากระดับการผลิตในปัจจุบัน เนื่องจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ส่งผลให้ความต้องการใช้น้ำมันชะลอตัวลง

อย่างไรก็ดี กลุ่มโอเปกพลัสยังไม่ได้ออกแถลงการณ์อย่างเป็นทางการเกี่ยวกับการตัดสินใจในการทำข้อตกลงดังกล่าว โดยเมื่อวานนี้ กลุ่มโอเปกพลัสได้จัดการประชุมฉุกเฉินผ่านทางวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ เพื่อหาข้อตกลงเกี่ยวกับการปรับลดกำลังการผลิตน้ำมัน หลังจากที่ราคาน้ำมันได้ทรุดตัวลงตามอุปสงค์น้ำมันที่ลดลงทั่วโลกจากผลกระทบของการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19

-- นายสตีเวน มนูชิน รัฐมนตรีคลังสหรัฐ แสดงความเชื่อมั่นว่า ภาคธุรกิจสหรัฐจะสามารถกลับมาเปิดดำเนินการได้ในเดือนหน้า

"ผมคิดว่าภาคธุรกิจจะกลับมาเปิดดำเนินการ ทันทีที่ท่านประธานาธิบดีรู้สึกพอใจต่อเรื่องยารักษาโรคโควิด-19" นายมนูชินกล่าวในการให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าว CNBC

นายมนูชินยังกล่าวว่า รัฐบาลกำลังดำเนินการทุกอย่างที่มีความจำเป็นเพื่อให้บริษัทและแรงงานของชาวอเมริกันกลับมาทำธุรกิจอีกครั้ง และเพื่อให้พวกเขามีสภาพคล่องที่ต้องการสำหรับการดำเนินธุรกิจ

-- นางคริสตาลินา จอร์จีวา ผู้อำนวยการกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) กล่าวว่า การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 จะทำให้เศรษฐกิจโลกหดตัวลงอย่างมากในปีนี้ โดยจะทรุดตัวลงมากที่สุดนับตั้งแต่ที่เกิดภาวะเศรษฐกิจตกต่ำครั้งใหญ่ในช่วงทศวรรษ 1930

นางจอร์จีวายังคาดการณ์ว่า เศรษฐกิจโลกจะฟื้นตัวเพียงบางส่วนในปีหน้า

นางจอร์จีวาตั้งข้อสังเกตว่า ถึงแม้รัฐบาลต่างๆได้ออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจวงเงิน 8 ล้านล้านดอลลาร์ แต่ก็ยังคงมีความจำเป็นที่จะต้องใช้เม็ดเงินเพิ่มเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจต่อไป

ผู้อำนวยการ IMF กล่าวว่า วิกฤตการณ์ในครั้งนี้ได้ส่งผลกระทบมากที่สุดต่อตลาดเกิดใหม่ และประเทศที่กำลังพัฒนา โดยกลุ่มประเทศดังกล่าวจำเป็นต้องได้รับการช่วยเหลือจากต่างชาติวงเงินหลายแสนล้านดอลลาร์

-- โฆษกของนายบอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีอังกฤษ กล่าวว่า นายจอห์นสันได้ออกจากห้องดูแลผู้ป่วยหนัก หรือห้องไอซียูแล้ว หลังเข้ารับการรักษาจากอาการป่วยด้วยโรคโควิด-19

-- ข้อมูลล่าสุดจากหน่วยงานด้านสาธารณสุขทั่วโลกระบุว่า ยอดผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ทั่วโลกขณะนี้อยู่ที่ 1,529,084 ราย และยอดผู้เสียชีวิตอยู่ที่ 89,411 ราย

ทั้งนี้ สหรัฐมียอดผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 สูงสุดในโลก (435,160) รองลงมาคือสเปน (152,446), อิตาลี (139,422), เยอรมนี (113,296), ฝรั่งเศส (112,950) และจีน (81,865)

ส่วนอิตาลีเป็นประเทศที่มีจำนวนผู้เสียชีวิตสูงสุดในโลก (17,669) ตามมาด้วยสเปน (15,238), สหรัฐ (14,797), ฝรั่งเศส (10,869), สหราชอาณาจักร (7,097) อิหร่าน (3,993) และจีน (3,335)

-- กระทรวงสาธารณสุขสิงคโปร์เปิดเผยว่า ผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 รายใหม่เพิ่มขึ้น 287 รายในรอบ 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา ซึ่งเป็นจำนวนเพิ่มขึ้นมากเป็นประวัติการณ์ ส่งผลให้ขณะนี้สิงคโปร์มีจำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 สะสมรวม 1,910 ราย

นอกจากนี้ ผู้เสียชีวิตจากการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 มีจำนวน 6 ราย

กระทรวงสาธารณสุขระบุว่า ผู้ติดเชื้อรายใหม่กว่า 200 รายมีความเกี่ยวข้องกับการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ในหอพักแรงงานต่างชาติ

ทั้งนี้ สิงคโปร์ได้ทำการกักตัวแรงงานต่างชาติหลายพันคน หลังจากพบว่าพวกเขามีส่วนเกี่ยวข้องกับการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19

-- นายแอนดรูว์ คูโอโม ผู้ว่าการรัฐนิวยอร์ก กล่าวว่า จำนวนผู้เสียชีวิตจากการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ในรัฐนิวยอร์กพุ่งขึ้น 799 รายเมื่อวานนี้ ซึ่งเป็นการทำสถิติผู้เสียชีวิตสูงสุดรายวันเป็นวันที่ 3 ติดต่อกัน นับตั้งแต่มีการระบาดเกิดขึ้นเมื่อหลายเดือนก่อน ขณะที่มีจำนวนผู้เสียชีวิตสะสม 7,067 ราย ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนเกือบครึ่งหนึ่งของจำนวนผู้เสียชีวิตทั้งหมดในสหรัฐ

รัฐนิวยอร์กถือเป็นศูนย์กลางการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ในสหรัฐ โดยมีจำนวนผู้ติดเชื้อสูงสุดในประเทศ จำนวน 151,171 ราย ตามมาด้วยนิวเจอร์ซีย์ มิชิแกน และแคลิฟอร์เนีย

-- สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญเมื่อคืนนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกพุ่งขึ้นสู่ระดับ 6.6 ล้านรายในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 5.25 ล้านราย

ทั้งนี้ เมื่อรวมตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานที่มีการรายงานในวันนี้รวมกับ 2 สัปดาห์ก่อนหน้านี้ พบว่าตัวเลขดังกล่าวสูงกว่า 16 ล้านราย

การพุ่งขึ้นของตัวเลขผู้ขอสวัสดิการว่างงานมีสาเหตุจากการที่ภาคธุรกิจได้พากันปิดกิจการ จากมาตรการล็อกดาวน์ของรัฐบาลเพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ซึ่งทำให้มีการปลดพนักงานจำนวนมาก

ส่วนดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ลดลง 0.2% ในเดือนมี.ค. เมื่อเทียบรายเดือน หลังจากดิ่งลง 0.6% ในเดือนก.พ. ซึ่งเป็นการปรับตัวลงมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนม.ค. 2558 โดยได้รับผลกระทบจากการดิ่งลงของราคาพลังงาน ขณะที่ราคาในภาคบริการปรับตัวขึ้น อย่างไรก็ดี เมื่อเทียบรายปี ดัชนี PPI เพิ่มขึ้น 0.7% ในเดือนมี.ค. หลังจากเพิ่มขึ้น 1.3% ในเดือนก.พ.

กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า สต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่งลดลง 0.7% ในเดือนก.พ. เมื่อเทียบรายเดือน หลังจากลดลง 0.6% ในเดือนม.ค.

เมื่อเทียบรายปี สต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่งลดลง 1.3% ในเดือนก.พ.

การลดลงของสต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่งได้รับผลกระทบจากการร่วงลงของสต็อกรถยนต์ เฟอร์นิเจอร์ อุปกรณ์คอมพิวเตอร์ ผลิตภัณฑ์การเกษตร และผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม

-- สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญวันนี้ จีนเตรียมรายงานดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนมี.ค. และดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนมี.ค. เวลา 08.30 น. ตามเวลาไทย

จากนั้นสหรัฐจะรายงานดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนมี.ค. เวลา 19.30 น.


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ