World Today: สรุปประเด็นน่าติดตามประจำวันที่ 5 พ.ค. 2563

ข่าวเศรษฐกิจ Tuesday May 5, 2020 08:52 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 23,749.76 จุด เพิ่มขึ้น 26.07 จุด หรือ +0.11% เมื่อคืนนี้ (4 พ.ค.) โดยได้แรงหนุนจากคำสั่งซื้อหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีและกลุ่มพลังงานที่นักลงทุนส่งเข้ามาในช่วงท้ายของการซื้อขาย ซึ่งได้ช่วยสกัดปัจจัยลบจากความวิตกเกี่ยวกับความตึงเครียดด้านการค้าครั้งใหม่ระหว่างสหรัฐและจีน หลังจากที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐขู่ที่จะเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีนรอบใหม่เพื่อตอบโต้กรณีที่จีนเป็นต้นตอการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19

-- บริษัทโกลด์แมน แซคส์เปิดเผยว่า กิจกรรมทางเศรษฐกิจทั่วโลกมีแนวโน้มฟื้นตัวขึ้นหลังจากแตะระดับต่ำสุด เนื่องจากประเทศต่างๆ ทั่วโลกเริ่มผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์และการเว้นระยะห่างทางสังคมลงแล้ว หลังจากที่การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ชะลอตัวลง

โกลด์แมน แซคส์ประมาณการว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของโลกได้ร่วงลงราว 16% นับตั้งแต่เดือนม.ค.ที่ผ่านมา แต่คาดว่าเศรษฐกิจจะฟื้นตัวขึ้นทั้งในรูปตัว V และตัว U โดยจะขึ้นกับกรอบระยะเวลาของการฟื้นตัว

-- ธนาคาร ANZ ของออสเตรเลียเปิดเผยรายงานระบุว่า หนี้ภาคเอกชนเพิ่มขึ้นในอัตราที่รวดเร็วและมากที่สุดในประเทศจีน, เกาหลีใต้ และสิงคโปร์

รายงานระบุว่า บริษัทต่างๆ ในประเทศเหล่านั้นมีหนี้สินเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วอยู่แล้วในช่วงหลายปีที่ผ่านมา แต่สถานการณ์แพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ได้ส่งผลกระทบต่อรายได้ของบริษัท และส่งผลทำให้บริษัทเหล่านั้นไม่สามารถชำระหนี้ได้

-- กระทรวงการคลังสหรัฐเปิดเผยว่า ทางกระทรวงจะทำการกู้ยืมเงินราว 3 ล้านล้านดอลลาร์ในไตรมาสนี้ เพื่อใช้ในมาตรการเยียวยาผลกระทบทางเศรษฐกิจที่เกิดจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19

ทั้งนี้ หนี้สินของรัฐบาลสหรัฐในขณะนี้ อยู่ที่ระดับเกือบ 25 ล้านล้านดอลลาร์แล้ว ส่งผลให้ยอดขาดดุลงบประมาณในปีปัจจุบันอยู่ที่ 7.44 แสนล้านดอลลาร์

-- เจ ครูว์ กรุ๊ป ซึ่งเป็นบริษัทค้าปลีกเสื้อผ้ารายใหญ่ของสหรัฐ และเป็นเจ้าของแบรนด์ Madewell ได้ยื่นขอพิทักษ์ทรัพย์ตามมาตรา 11 ของกฎหมายล้มละลายสหรัฐ โดยได้รับผลกระทบจากไวรัสโควิด-19 ที่แพร่ระบาดทั่วประเทศ โดยทางบริษัทได้ยื่นขอพิทักษ์ทรัพย์ที่ศาลแขวงในรัฐเวอร์จิเนีย

เจ ครูว์ กรุ๊ป เปิดเผยว่า กลุ่มเจ้าหนี้ได้ตกลงที่จะแปลงหนี้สินมูลค่าราว 1.65 พันล้านดอลลาร์ให้อยู่ในรูปของหุ้น นอกจากนี้ ทางบริษัทยังได้ให้คำมั่นว่าจะชำระหนี้เงินกู้ของลูกหนี้ที่อยู่ในครอบครองมูลค่า 400 ล้านดอลลาร์ และจะชำระเงินกู้ที่เหลืออยู่ให้กับบรรดาเจ้าหนี้ ซึ่งรวมถึง แองคอเรจ แคปิตอล กรุ๊ป, จีเอสโอ แคปิตอล พาร์ทเนอร์ส และ เดวิดสัน เคมพ์เนอร์ แคปิตอล เมเนจเมนท์ และเจ้าหนี้รายอื่นๆ

-- คณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติของจีน (NHC) แถลงในวันนี้ว่า ณ วันจันทร์ที่ 4 พ.ค. จีนไม่พบผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 รายใหม่ที่เกิดจากการติดเชื้อภายในประเทศ อย่างไรก็ดี จีนมีผู้ติดเชื้อรายใหม่ 1 รายที่เซี่ยงไฮ้ ซึ่งเป็นการติดเชื้อที่มาจากต่างประเทศ

NHC เปิดเผยว่า เมื่อวานนี้ไม่พบผู้ที่สงสัยว่าติดเชื้อ และไม่มีผู้เสียชีวิตเพิ่ม โดยยอดรวมผู้ติดเชื้อนับจนถึงเมื่อวานนี้ อยู่ที่ 82,881 ราย และเสียชีวิต 4,633 ราย

-- ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐเปิดเผยว่า โรคโควิด-19 อาจทำให้ชาวอเมริกันเสียชีวิตมากถึง 100,000 ราย แต่เขาเชื่อว่าสหรัฐจะสามารถพัฒนาวัคซีนต้านโรคดังกล่าวได้ภายในปลายปีนี้

ก่อนหน้านี้ ปธน.ทรัมป์ เปิดเผยว่าโควิด-19 จะทำให้มีชาวอเมริกันเสียชีวิตไม่ถึง 100,000 ราย และก่อนหน้านั้นเพียงไม่กี่วัน เขาคาดว่าจะมีชาวอเมริกันเสียชีวิตราว 60,000-70,000 ราย

-- ไอเอชเอส มาร์กิต ซึ่งเป็นบริษัทให้บริการข้อมูลทางการเงิน เปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตขั้นสุดท้ายของยูโรโซน ปรับตัวลดลงสู่ระดับ 33.4 ในเดือนเม.ย. ลดลงจากระดับเบื้องต้นที่ 33.6 และยังลดลงจากระดับ 44.5 ในเดือนมี.ค.

ดัชนี PMI ยังคงปรับตัวต่ำกว่าระดับ 50 ซึ่งบ่งชี้ว่า ภาคการผลิตของยูโรโซนยังคงเผชิญภาวะหดตัว โดยมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) ส่งผลให้การผลิต คำสั่งซื้อใหม่ ยอดขายเพื่อส่งออก และกิจกรรมการซื้อ ปรับตัวลดลงอย่างหนัก

ข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญในวันนี้ อินโดนีเซียเปิดเผยผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 1/2563, ธนาคารกลางออสเตรเลียประชุมนโยบายการเงินและแถลงมติอัตราดอกเบี้ย, อังกฤษเปิดเผยยอดขายรถยนต์ใหม่เดือนมี.ค. และดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการขั้นสุดท้ายเดือนเม.ย.จากมาร์กิต/ซีไอพีเอส, สหรัฐเปิดเผยยอดนำเข้า ส่งออก และดุลการค้าเดือนมี.ค., ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการขั้นสุดท้ายเดือนเม.ย.จากมาร์กิต และดัชนีภาคบริการเดือนเม.ย.จากสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM)

ส่วนในวันพรุ่งนี้ ออสเตรเลียเปิดเผยยอดค้าปลีกเดือนมี.ค., เยอรมนีเปิดเผยยอดสั่งซื้อภาคโรงงานเดือนมี.ค., ฝรั่งเศสเปิดเผยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการขั้นสุดท้ายเดือนเม.ย.จากมาร์กิต, เยอรมนีเปิดเผยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการขั้นสุดท่ายเดือนเม.ย.จากมาร์กิต, อียูเปิดเผยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการขั้นสุดท้ายเดือนเม.ย.จากมาร์กิต และยอดค้าปลีกเดือนมี.ค., สหรัฐเปิดเผย ตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนเดือนเม.ย.จาก ADP และสต็อกน้ำมันรายสัปดาห์จากสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA)


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ