World Today: สรุปประเด็นน่าติดตามประจำวันที่ 11 พฤษภาคม 2563

ข่าวเศรษฐกิจ Monday May 11, 2020 09:19 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

กระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรดิ่งลง 20.5 ล้านตำแหน่งในเดือนเม.ย. ซึ่งเป็นตัวเลขการจ้างงานที่ย่ำแย่ที่สุดในประวัติศาสตร์สหรัฐ

อย่างไรก็ดี ตัวเลขการจ้างงานในเดือนเม.ย.ดีกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะร่วงลง 21.5 ล้านตำแหน่ง

ส่วนอัตราการว่างงานพุ่งขึ้นสู่ระดับ 14.7% ในเดือนเม.ย. ซึ่งสูงกว่าระดับ 10.8% ซึ่งเป็นอัตราการว่างงานสูงสุดในช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 แต่ต่ำกว่าระดับ 24.9% ซึ่งเป็นตัวเลขอัตราการว่างงานในช่วงเศรษฐกิจตกต่ำครั้งใหญ่ ส่วนตัวเลขอัตราการว่างงานสูงสุดในช่วงเกิดวิกฤตการเงินในเดือนต.ค.2552 อยู่ที่ระดับ 10%

-- ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้น 455.43 จุด หรือ 1.91% เมื่อวันศุกร์ (8 พ.ค.) หลังกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนเม.ย.ร่วงลงน้อยกว่าที่วิตกกัน

นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากข่าวที่ว่า ผู้แทนการค้าสหรัฐและจีนได้หารือกันเกี่ยวกับข้อตกลงการค้าเฟสแรก โดยจีนระบุว่า ทั้งสองฝ่ายได้ตกลงที่จะปรับปรุงบรรยากาศเพื่อส่งเสริมการปฏิบัติตามข้อตกลงดังกล่าว

-- นายไมค์ เพนซ์ รองประธานาธิบดีสหรัฐ ได้กักตัวเองอยู่ที่บ้านพัก หลังจากนางเคที มิลเลอร์ โฆษกประจำตัวของนายเพนซ์ ได้รับการวินิจฉัยว่าติดเชื้อไวรัสโควิด-19 เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา

สื่อต่างประเทศรายงานโดยอ้างแหล่งข่าวว่า เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา นายเพนซ์ไม่ได้เข้าร่วมประชุมกับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และเจ้าหน้าที่ระดับสูงด้านการทหารของสหรัฐที่ทำเนียบขาว เนื่องจากต้องกักตัวที่บ้านพักตามคำแนะนำของคณะแพทย์ประจำทำเนียบขาว หลังจากผลการตรวจหาเชื้อไวรัสโควิด-19 ของนางมิลเลอร์ออกมาเป็นบวก

-- นายนีล แคชคารี ประธานเฟดสาขามินนีอาโพลิส เปิดเผยว่า ตลาดแรงงานสหรัฐอาจย่ำแย่ลงมากกว่านี้ หลังจากแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) ส่งผลให้นายจ้างสหรัฐปรับลดตำแหน่งงานรวมกันถึง 20.5 ล้านตำแหน่งแล้วเมื่อเดือนเม.ย. ที่ผ่านมา

ประธานเฟดสาขามินนีอาโพลิส ให้สัมภาษณ์กับรายการ This Week ทางสถานีเอบีซีว่า "ผมหมายความว่า ตลาดแรงงานยังไม่ถึงจุดที่ย่ำแย่ที่สุด โดยอาจย่ำแย่ลงกว่านี้เมื่อมลรัฐและธุรกิจต่าง ๆ กลับมาเปิดอีกครั้ง ซึ่งเห็นได้ชัดว่าภาคส่วนเหล่านี้จำเป็นต้องกลับมาเปิดอย่างปลอดภัย"

-- นายบอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีอังกฤษ ประกาศแผนการผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ โดยจะการเริ่มเปิดสังคมและเศรษฐกิจอย่างเป็นขั้นเป็นตอน ในระหว่างการแถลงทั่วประเทศซึ่งมีขึ้นในช่วงเย็นวันอาทิตย์ตามเวลากรุงลอนดอน

นายจอห์สันกล่าวว่า "การผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์จะดำเนินการแบบเป็นขั้นเป็นตอนและมีเงื่อนไข โดยจะคำนึงถึงการป้องกันสาธารณะและชีวิตของประชาชนเป็นหลัก และเราจะไม่สามารถผลักดันแผนการดังกล่าวให้มีความคืบหน้ามากไปกว่านี้ หากเรายังไม่พอใจในการทดสอบ 5 ประการตามที่รัฐบาลได้กำหนดไว้ก่อนหน้านี้ ซึ่งได้แก่ การป้องกันระบบบริการด้านสุขภาพแห่งชาติของอังกฤษ (NHS), การได้เห็นอัตราการเสียชีวิตลดลงอย่างต่อเนื่อง, การได้เห็นอัตราการติดเชื้อลดลงอย่างต่อเนื่องและเป็นที่น่าพอใจ, การผลักดันให้มีอุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคล หรือชุด PPE เพียงพอต่อบุคลากรที่จำเป็นต้องใช้ และการสร้างความเชื่อมั่นว่ามาตรการต่างๆที่รัฐบาลนำมาใช้นั้นจะไม่ก่อให้เกิดการแพร่ระบาดซ้ำ"

-- ธนาคารกลางจีน (PBOC) เปิดเผยว่า ทางธนาคารกลางจีนจะเดินหน้าปรับปัจจัยที่ตรงข้ามกับวัฏจักรเศรษฐกิจ (counter-cyclical) เพื่อสนับสนุนเศรษฐกิจที่แท้จริงและขจัดความเสี่ยงต่าง ๆ

ธนาคารกลางจีนจะให้ความสำคัญกับการฟื้นฟูเศรษฐกิจที่แท้จริงมากขึ้น โดยทางแบงก์ชาติจะใช้นโยบายทั้งในเชิงปริมาณและเชิงโครงสร้าง เพื่อรักษาสภาพคล่องให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมและเพียงพอ และสนับสนุนเศรษฐกิจแท้จริงในช่วงเวลาที่ยากลำบากเช่นนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งธุรกิจขนาดเล็ก

-- รัฐนิวเซาท์เวลส์ของออสเตรเลีย ซึ่งเป็นที่ตั้งของนครซิดนีย์ เตรียมผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ตั้งแต่วันศุกร์ที่ 15 พ.ค. โดยจะอนุญาตให้คาเฟ่ ร้านอาหาร สนามเด็กเล่น และสระว่ายน้ำกลางแจ้ง กลับมาเปิดให้บริการอีกครั้ง แต่จะมีเงื่อนไขในการเปิด เช่น การจำกัดจำนวนผู้ใช้บริการ และยังจะมีการจำกัดจำนวนผู้ชุมนุมนอกบ้านและจำนวนผู้เดินทางเยือนครอบครัวอื่นด้วย

การประกาศคลายล็อกดาวน์ดังกล่าวมีขึ้นหลังการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) ได้ลดระดับความรุนแรงลงแล้วในรัฐนิวเซาท์เวลส์ โดยรัฐนิวเซาท์เวลส์มีจำนวนผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิตมากถึง 45% ของทั้งประเทศ แต่เมื่อวานนี้พบผู้ติดเชื้อเพิ่มเพียง 2 ราย จากที่ตรวจทั้งหมดเกือบ 10,000 ราย ส่งผลให้มีการผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์

-- นายอีลอน มัสก์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของเทสลา บริษัทผลิตรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ของสหรัฐ ระบุในทวิตเตอร์ว่า ตนจะย้ายสำนักงานใหญ่และโครงการในอนาคตทั้งหมดออกจากรัฐแคลิฟอร์เนียไปยังรัฐเท็กซัสหรือไม่ก็รัฐเนวาดา หลังเทสลายังคงถูกสั่งห้ามผลิตรถยนต์อันเป็นผลจากมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19)

นอกจากนี้ นายอีลอน มัสก์ ยังเปิดเผยเรื่องการฟ้องร้องเขตอลาเมดาของรัฐแคลิฟอร์เนียด้วย หลังกรมสาธารณสุขประจำเขตได้สั่งห้ามไม่ให้เทสลากลับมาเปิดโรงงานผลิตที่เมืองฟรีมอนต์อีกครั้ง

-- จับตาข้อมูลเศรษฐกิจในวันนี้ โดยธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) จะรายงานสรุปมุมมองทางเศรษฐกิจ และอินโดนีเซียเตรียมเปิดเผยยอดค้าปลีกเดือนมี.ค.

ส่วนในวันพรุ่งนี้ จีนเตรียมเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนเม.ย.และดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนเม.ย. ขณะที่สหรัฐเตรียมเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนเม.ย.


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ