World Today: สรุปประเด็นน่าติดตามประจำวันที่ 14 พฤษภาคม 2563

ข่าวเศรษฐกิจ Thursday May 14, 2020 09:22 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงกว่า 500 จุดเมื่อคืนนี้ (13 พ.ค.) หลังจากนายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เตือนว่า การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ได้ทำให้เศรษฐกิจสหรัฐเผชิญกับความไม่แน่นอนและมีความเสี่ยงในช่วงขาลง นอกจากนี้ นักลงทุนยังเกิดความตื่นตระหนก หลังจากนายเดวิด เทปเปอร์ มหาเศรษฐีพันล้านซึ่งเป็นผู้ก่อตั้งบริษัทแอปปาลูซา แมเนจเมนท์ ได้ออกมาแสดงความเห็นว่า ขณะนี้ตลาดหุ้นวอลล์สตรีทมีมูลค่าสูงเกินความเป็นจริงอย่างที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน

-- ทางการจีนได้สั่งปิดเมืองต่าง ๆ ในมณฑลจี๋หลินทางตะวันออกเฉียงเหนือของจีนซึ่งมีชายแดนติดกับเกาหลีเหนือ เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) หลังพบผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นในพื้นที่

ความเคลื่อนไหวดังกล่าวมีขึ้นหลังพบผู้ติดเชื้อไวรัสดังกล่าวเมื่อไม่นานมานี้ที่เมืองจี๋หลิน ซึ่งเป็นเมืองที่ใหญ่เป็นอันดับสองของมณฑลจี๋หลิน และเมืองฉู่หลานที่อยู่ติดกัน

ล่าสุดเมืองจี๋หลินได้สั่งปิดให้บริการรถบัสและรถไฟแล้ว และยังได้สั่งปิดโรงเรียนอีกครั้งทั้ง ๆ ที่เพิ่งกลับมาเปิด นอกจากนี้ ประชาชนจะออกจากเมืองจี๋หลินได้ก็ต่อเมื่อผลตรวจการติดเชื้อเป็นลบ และได้กักตัวเองแล้ว

-- บริษัทซาโนฟี ผู้ผลิตยารายใหญ่ของฝรั่งเศส เปิดเผยว่า สหรัฐจะเป็นชาติแรกที่ได้รับวัคซีนโควิด-19 หากทางบริษัทประสบความสำเร็จในการทดลอง เนื่องจากสหรัฐเป็นประเทศที่สนับสนุนทุนการวิจัยให้กับซาโนฟีมากที่สุด

อย่างไรก็ตาม ผู้บริหารของซาโนฟีกล่าวเตือนว่า ยอดผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตในยุโรปจะลดลงได้นั้น ก็ต่อเมื่อรัฐบาลยกระดับการหาแนวทางป้องกันโรคระบาด ซึ่งในขณะนี้ได้คร่าชีวิตผู้คนไปแล้วกว่า 290,000 คนทั่วโลก

-- นายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) กล่าวว่า การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ได้ทำให้เศรษฐกิจสหรัฐเผชิญกับความไม่แน่นอน และมีความเสี่ยงในช่วงขาลง

นายพาวเวลยังระบุว่า การฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐจะขึ้นอยู่กับคำถามมากมายเกี่ยวกับไวรัสโควิด-19 เช่น จะใช้เวลานานเท่าใดก่อนที่จะมียารักษา และการยกเลิกมาตรการรักษาระยะห่างทางสังคมจะทำให้เกิดการแพร่ระบาดครั้งใหม่หรือไม่ รวมทั้งความเชื่อมั่นของภาคธุรกิจและผู้บริโภคจะกลับมาเมื่อใด

-- นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ธนาคารกลางจีน (PBOC) มีแนวโน้มที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ระยะกลางให้กับบรรดาธนาคารพาณิชย์เป็นครั้งที่ 3 ของปีนี้ โดยมีเป้าหมายที่จะรับประกันสภาพคล่องที่เพียงพอในระบบการเงิน

บรรดานักวิเคราะห์คาดว่า ธนาคารกลางจีนจะยืดเวลาชำระหนี้อย่างน้อยที่สุดบางส่วนของวงเงินกู้ระยะกลางรวม 2 แสนล้านหยวน (2.8 หมื่นล้านดอลลาร์) ซึ่งจะครบกำหนดชำระในวันนี้ โดยจะคิดอัตราดอกเบี้ยลดลงจากระดับปัจจุบันที่ 2.95% ซึ่งนักวิเคราะห์คาดว่าธนาคารกลางจีนอาจปรับลดอัตราดอกเบี้ยดังกล่าวระยะ 1 ปีลงมากถึง 0.20%

-- รายงานสถานการณ์และแนวโน้มเศรษฐกิจโลก (WESP) ของสหประชาชาติ (UN) คาดการณ์ว่า เศรษฐกิจโลกจะหดตัวลง 3.2% ในปีนี้ และมูลค่าเศรษฐกิจโลกจะลดลงเกือบ 8.5 ล้านล้านดอลลาร์ในช่วง 2 ปีข้างหน้า โดยได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19

ทั้งนี้ มูลค่าเศรษฐกิจที่ดิ่งลง ได้ลบล้างการเพิ่มขึ้นของมูลค่าเศรษฐกิจในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา และการหดตัวในปีนี้มีความรุนแรงมากที่สุดนับตั้งแต่ภาวะเศรษฐกิจตกต่ำครั้งใหญ่ในทศวรรษ 1930

-- ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ทวีตข้อความเมื่อวานนี้ ระบุว่า ผลประโยชน์ที่สหรัฐได้รับจากการทำข้อตกลงทางการค้ากับจีนที่เขาลงนามในเดือนม.ค. ดูด้อยค่าลงเมื่อเปรียบเทียบกับความเสียหายที่สหรัฐได้รับจาก"โรคร้ายที่มาจากจีน"

"อย่างที่ผมได้พูดนานมาแล้ว การติดต่อเจรจากับจีนถือเป็นเรื่องที่มีราคาแพง โดยเราเพิ่งทำข้อตกลงการค้าที่ยิ่งใหญ่ ขณะที่หมึกยังไม่ทันแห้ง และโลกก็ถูกกระทบจากโรคร้ายจากจีน ต่อให้เราทำข้อตกลงได้ 100 ฉบับ ก็ไม่สามารถชดเชยความเสียหายที่เกิดขึ้น รวมทั้งผู้ที่ต้องเสียชีวิตจำนวนมาก" ข้อความในทวิตเตอร์ระบุ

-- จับตาข้อมูลเศรษฐกิจในวันนี้ จีนเตรียมเปิดเผยยอดปล่อยกู้สกุลเงินหยวนเดือนเม.ย. ออสเตรเลียเตรียมเปิดเผยอัตราว่างงานเดือนเม.ย. เยอรมนีจะเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนเม.ย. และสหรัฐจะเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ รวมถึงราคานำเข้าและราคาส่งออกเดือนเม.ย.

ส่วนในวันพรุ่งนี้มีการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจหลายรายการด้วยกัน โดยเกาหลีใต้จะเปิดเผยราคานำเข้าและส่งออกเดือนเม.ย. ญี่ปุ่นจะเปิดเผยดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนเม.ย. จีนจะเปิดเผยการลงทุนในสินทรัพย์ถาวรเดือนเม.ย., การผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนเม.ย. และยอดค้าปลีกเดือนเม.ย. ส่วนอินโดนีเซียจะเปิดเผยดุลการค้าเดือนเม.ย. ฝรั่งเศสจะรายงานอัตราเงินเฟ้อเดือนเม.ย. เยอรมนีจะรายงานผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 1 อียูจะรายงานผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 1 และดุลการค้าเดือนมี.ค. ปิดท้ายด้วยสหรัฐที่จะรายงานยอดค้าปลีกเดือนเม.ย., ดัชนีภาคการผลิต (Empire State Manufacturing Index) เดือนพ.ค.จากเฟดนิวยอร์ก, การผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนเม.ย., สต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเดือนมี.ค. และความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนพ.ค.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ