World Today: สรุปประเด็นน่าติดตามประจำวันที่ 15 พฤษภาคม 2563

ข่าวเศรษฐกิจ Friday May 15, 2020 08:20 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ โดยได้ปัจจัยหนุนจากการที่นักลงทุนเข้าช้อนซื้อหุ้นกลุ่มธนาคาร โดยเฉพาะอย่างยิ่งหุ้นธนาคารรายใหญ่ที่ถูกเทขายในช่วงที่ผ่านมา ขณะที่หุ้นกลุ่มพลังงานดีดตัวขึ้นหลังจากราคาน้ำมันดิบ WTI พุ่งขึ้นแข็งแกร่งถึง 9% ซึ่งคำสั่งซื้อที่ส่งเข้าหนุนหุ้นทั้งสองกลุ่มได้ช่วยพยุงตลาดขึ้นปิดในแดนบวก หลังจากที่ถูกกดดันในช่วงแรกจากรายงานตัวเลขผู้ขอสวัสดิการว่างงานในสหรัฐที่สูงเกินคาด

-- จับตาตลาดหุ้นเอเชียวันนี้ คาดปรับตัวเพิ่มขึ้นเนื่องจากนักลงทุนกำลังรอดูข้อมูลเศรษฐกิจจากจีน โดยมีความหวังว่าข้อมูลดังกล่าวจะปรากฏให้เห็นการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ เพราะเป็นช่วงเวลาที่จีนผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์แล้ว

-- สถาบันสุขภาพแห่งชาติสหรัฐ (NIH) แถลงเมื่อคืนนี้ว่า ทางสถาบันจะเริ่มการศึกษาใช้ยา azithromycin ซึ่งเป็นยาปฏิชีวนะ และยา hydroxychloroquine ซึ่งเป็นยารักษาโรคมาลาเรีย โดย NIH จะนำยาทั้ง 2 ตัวมาร่วมกันทดลองรักษาโรคโควิด-19

-- Worldometer ซึ่งเป็นเว็บไซต์รายงานข้อมูลล่าสุดที่มีการรวบรวมจากหน่วยงานด้านสาธารณสุขทั่วโลก ระบุว่า ยอดผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ทั่วโลกขณะนี้อยู่ที่ 4,488,296 ราย และยอดผู้เสียชีวิตอยู่ที่ 300,791 ราย

ทั้งนี้ สหรัฐมียอดผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 สูงสุดในโลก (1,439,715) รองลงมาคือสเปน (272,646), รัสเซีย (252,245), สหราชอาณาจักร (233,151), อิตาลี (223,096), บราซิล (196,375) และฝรั่งเศส (178,060)

-- นายแอนดรูว์ เบลีย์ ผู้ว่าการธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) กล่าวยืนยันเมื่อคืนนี้ว่า BoE ไม่มีการพิจารณาใช้นโยบายอัตราดอกเบี้ยติดลบ

นายเบลีย์กล่าวว่า การปรับอัตราดอกเบี้ยนโยบายสู่ระดับติดลบ ถือเป็นเรื่องที่ใหญ่มาก และจำเป็นต้องผ่านการหารือกันอย่างกว้างขวาง

-- นายแซค แพนเดิล นักวิเคราะห์ของธนาคารโกลด์แมน แซคส์ กล่าวว่า หากเศรษฐกิจสหรัฐทรุดตัวลงครั้งใหม่ สิ่งนี้อาจจะทำให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) หันมาพิจารณาใช้นโยบายอัตราดอกเบี้ยติดลบ แม้ว่านายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด ยืนยันวานนี้ว่า เฟดจะไม่ใช้นโยบายดังกล่าว

-- พญ.ซุมยา สวามินาธาน หัวหน้านักวิทยาศาสตร์ประจำองค์การอนามัยโลก (WHO) กล่าวว่า การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 อาจดำเนินต่อไปอีก 4-5 ปี ก่อนที่จะถูกควบคุมไว้ได้

พญ.สวามินาธานกล่าวว่า วัคซีนถือเป็นทางออกที่ดีที่สุดในขณะนี้ แต่ก็ยังคงมีความไม่แน่นอนเกี่ยวกับความปลอดภัย, การผลิต และการกระจายอย่างเป็นธรรม

-- สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า Hertz ซึ่งเป็นบริษัทปล่อยเช่ารถยนต์ระดับโลก กำลังเจรจากับธนาคารเจ้าหนี้เพื่อหลีกเลี่ยงการล้มละลายที่อาจเกิดขึ้นในสัปดาห์หน้า

ทั้งนี้ Hertz มีกำหนดต้องชำระหนี้จำนวน 400 ล้านดอลลาร์แก่ผู้ถือตราสารหนี้ของบริษัทภายในวันที่ 22 พ.ค. ซึ่งหาก Hertz ผิดนัดชำระหนี้ดังกล่าว ธนาคารบาร์เคลย์ และดอยซ์ แบงก์ ซึ่งเป็นเจ้าหนี้รายใหญ่ของบริษัท จะต้องทำการตัดสินใจว่าจะปล่อยให้ Hertz ล้มละลาย หรือจะให้บริษัทระดมเงินทุนด้วยการขายรถเช่าที่มีอยู่จำนวนมากกว่า 560,000 คันในสหรัฐ

-- ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย กล่าวว่า นายวาเลรี ฟอลคอฟ รัฐมนตรีศึกษาธิการรัสเซีย มีผลตรวจหาเชื้อไวรัสโควิด-19 เป็นบวก ส่งผลให้นายฟอลคอฟเป็นรัฐมนตรีคนที่ 6 ของรัสเซียที่ติดเชื้อโควิด-19

กระทรวงสาธารณสุขรัสเซียเปิดเผยว่า ผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 รายใหม่มีจำนวน 9,974 รายในรอบ 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา ส่งผลให้ขณะนี้รัสเซียมีจำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 สะสมรวม 252,245 ราย ซึ่งเป็นจำนวนสูงเป็นอันดับ 3 ของโลก

นอกจากนี้ รัสเซียมีผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 เพิ่มขึ้น 93 ราย สู่ระดับ 2,305 ราย

-- สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญเมื่อคืนนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกจำนวน 2.981 ล้านรายในสัปดาห์ที่แล้ว โดยตัวเลขดังกล่าวสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 2.5 ล้านราย

ทั้งนี้ ตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานโดยรวมพุ่งขึ้นเกือบ 36.5 ล้านราย ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนราว 1 ใน 4 ของประชากรในวัยทำงานทั้งหมดของสหรัฐ นับตั้งแต่ที่สหรัฐประกาศล็อกดาวน์ในรัฐต่างๆในช่วงครึ่งหลังของเดือนมี.ค.เพื่อสกัดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19

อย่างไรก็ดี ตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานที่มีการรายงานเมื่อคืนนี้ถือว่าต่ำที่สุดในช่วงเวลาดังกล่าว

เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว สหรัฐรายงานตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานจำนวน 3.176 ล้านราย โดยตัวเลขดังกล่าวเริ่มชะลอตัวลง นับตั้งแต่พุ่งสูงเป็นประวัติการณ์แตะระดับ 6.867 ล้านรายในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 28 มี.ค.

-- สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญวันนี้ เริ่มด้วยจีนซึ่งจะมีการรายงานข้อมูลการลงทุนในสินทรัพย์ถาวรเดือนเม.ย. การผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนเม.ย. และยอดค้าปลีกเดือนเม.ย. เวลา 09.00 น. ตามเวลาไทย

ทางการเยอรมนีจะรายงานผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 1 เวลา 15.00 น.

ด้านยูโรโซนจะรายงานผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 1 เวลา 16.00 น.

ส่วนสหรัฐจะรายงานยอดค้าปลีกเดือนเม.ย. เวลา 19.30 น. ต่อด้วยการผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนเม.ย. เวลา 20.15 น. จากนั้นสต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเดือนมี.ค. และความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนพ.ค.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน เวลา 21.00 น.


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ